การเสริมจมูกเป็นผ่าตัดเสริมสวยที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในชาวไทยเนื่องจากธรรมชาติของเรามักจะมีดั้งจมูกที่ค่อนข้างต่ำและมักมีปัญหาปลายจมูกไม่ได้รูปทรงที่เด่นชัด ซึ่งอาจมีทั้งปลายจมูกแบนหรือค่อนข้างกว้างขวาง รวมถึงปัญหาปีกจมูกที่ค่อนข้างกว้าง ดังนั้นการผ่าตัดเสริมจมูกจำเป็นต้องวิเคราะห์รูปทรงของจมูกโดยดูความสัมพันธ์กับส่วนอื่นของใบหน้า เช่น ดวงตา ปาก คางด้วยเสมอเพื่อให้การทำศัลยกรรมได้ผลบออกมาเป็นที่น่าพอใจและรับกับใบหน้าของแต่ละคน ซึ่งการพิจารณาของศัลยแพทย์ปกติจะเริ่มวิเคราะห์ตั้งแต่ส่วนบนสุดถึงล่างดังต่อไปนี้ 1.ส่วนของสันจมูกหรือที่เรียกว่าดั้งจมูกซึ่งเรื่มตั้งแต่บริเวณระหว่างดวงตาทั้งสองข้าง ปกติแล้วสันจมูกจะต้องเรื่มทำมุมจากหน้าผากออกมาตั้งแต่แนวของกึ่งกลางของตาดำทั้งสองข้างออกมาอย่างกลมกลืนการเสริมจมูกบริเวณนี้ต้องหลีกเลี่ยงการเสริมให้ดูลอยโด่งออกมาเป็นลักษณะของสันเขื่อนเพราะจะทำให้ดูผิดธรรมชาติในคนเอเชียการเสริมบริเวณดั้งนิยมใช้ซิลิโคนเนื่องจากควบคุมทรงได้ง่าย แต่หากต้องการความปลอดภัยและเป็นธรรมชาติ ศัลยแพทย์อาจแนะนำให้ใช้กระดูกอ่อนหรือส่วนของไขมันของเราเอง เนื่องจากไม่ต้องกลัวว่าจะมีปัญหาในอนาคต ส่วนการเสริมดั้งจมูกด้วยการใช้ฟิลเลอร์นั้นก็ทำได้เช่นกัน แต่มีข้อเสียคือการควบคุมรูปทรงยาก ไม่อยู่ถาวรและมีโอกาสเกิดผลแทรกซ้อนที่รุนแรงเข้าเส้นเลือดบริเวณรอบดวงตา 2.บริเวณปลายจมูก เป็นบริเวณที่ท้าทายและทำยากที่สุด หากต้องการความเป็นธรรมชาติและไม่ให้คนทราบว่าเสริมจมูกมา ซึ่งศัลยแพทย์ต้องวิเคราะห์ดูรูปทรงของปลายจมูกซึ่งนิยมให้มีลักษณะคล้ายหยดน้ำ ปละมีส่วนปลายที่เชิดพอดีไม่สั้นและไม่งุ้มจนเกินไป ความสูงของปลายจมูกต้องรับกับบริเวณดั้งจมูกและริมฝีปากและทำมุมพอดีกับริมฝีปาก ความกว้างของปลายจมูกต้องสมดุลกับใบหน้าพอดีเพื่อให้ดูเด่นและสวยงาม 3. ส่วนของปีกจมูก เป็นส่วนที่ทำให้จมูกดูกว้างหรือพอดี โดยมากถ้าเราลากเส้นตั้งฉากจากขอบในของตาดำลงมาทั้งสองข้างความกว้างของจมูกไม่ควรกว้างเกินเส้นสมมติเส้นนี้ แต่แน่นอนต้องขึ้นกับความกว้างและลักษณะของใบหน้าด้วย หากปีกจมูกกว้างเกินไปอาจทำให้ดูเหมือนคนจมูกบาน ซึ่งอาจต้องทำการตัดปีกจมูกซึ่งมีวิธีมากมายหลายวิธีด้วยกัน แต่เนื่องจากคนเอเชียเรามีผิวที่เกิดแผลเป็นง่ายจึงนิยมซ่อนแผลเป็นไว้ภายในจมูกมากกว่าการผ่าตัดที่ขอบจมูกด้านนอก ทั้งนี้ศัลยแพทย์จำเป็นต้องตรวจดูการหายใจและโพรงจมูกก่อนเสมอว่ามีการอุดตันหรือไม่เพื่อแก้ไขก่อนจะพิจารณาตัดปีกจมูกซึ่งมักจะทำให้รูจมูกแคบลง 4. ลักษณะของผิวบริเวณจมูก ว่ามีลักษณะบางหรือหนาแค่ไหนและมีความยืดหยุ่นมากน้อยเพียงใด รวมถึงลักษณะการอักเสบรอบจมูก เช่น การอักเสบจากสิวเป็นต้น เพราะมีผลต่อการผ่าตัดเสริมจมูกทั้งสิ้น หากผิวหนังมีลักษณะบางและแพ้ง่ายการเสริมจมูกโดยใช้ซิลิโคนเพียงอย่างเดียวอาจทำให้เกิดผลแทรกซ้อน เช่น การทะลุในระยะยาวได้ ซึ่งในกรณีนี้อาจแนะนำให้ใช้กระดูกอ่อนร่วมด้วยหรือการผ่าตัดตกแต่งปลายจมูกโดยการใช้วิธีการเปิดเพื่อตกแต่งโดยใช้กระดูกอ่อนทั้งหมด ในกรณีที่ผิวหนังค่อนข้างหนาและมีความยืดหยุ่นดีอาจพิจารณาใช้แต่ซิลิโคนแต่เพียงอย่างเดียวได้ 5. ความคาดหวังของคนไข้ มีความสำคัญมาก บางครั้งเราอาจจะเห็นจมูกของคนอื่นหรือของดาราบางคนมีความสวยงามและต้องการมีจมูกที่ใกล้เคียงกัน ในบางกรณีเราอาจไม่สามารถทำได้โดยการใช้ซิลิโคนแต่เพียงอย่างเดียว แพทย์จะเป็นผู้อธิบายข้อจำกัดของการรักษาแต่ละวิธีแต่แนะนำข้อดีข้อเสียของแต่ละวิธีให้ ซึ่งอยู่บนพื้นฐานของความเป็นไปได้และข้อมูลทางการแพทย์ที่ถูกต้องเพื่อให้สามารถตัดสินใจเลือกวิธีที่ถูกต้องได้
เรื่องควรรู้ก่อนการเสริมจมูก
บทความ
โรงพยาบาลพระรามเก้า
บทความล่าสุด
ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญกับ Praram 9 V
ปรึกษาแพทย์ได้ทุกที่ผ่านทางวิดีโอคอล (Telemedicine)
บทความอื่นๆ
การผ่าตัดแบบ Minimally Invasive Surgery คืออะไร? ทำไมถึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า?
การผ่าตัดแบบ Minimally Invasive Surgery (MIS) หรือการผ่าตัดผ่านกล้อง เป็นเทคนิคการผ่าตัดที่ช่วยลดความบอบช้ำของร่างกาย โดยใช้เครื่องมือพิเศษและกล้องขนาดเล็กสอดเข้าไปในร่างกายผ่านแผลขนาดเล็ก สามารถใช้รักษาโรคได้หลากหลาย เช่น โรคระบบทางเดินหายใจ โรคทางเดินอาหาร โรคกระดูกและข้อ ไปจนถึงโรคในระบบสืบพันธุ์ มีข้อดีคือ ผู้ป่วยฟื้นตัวเร็ว เจ็บน้อย แผลเล็ก ทำให้ผู้ป่วยกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้เร็วขึ้น
การผ่าตัดส่องกล้องมดลูก แผลเล็ก หายเร็ว ฟื้นตัวไว ตัวเลือกที่ตอบโจทย์ผู้หญิงยุคใหม่
การผ่าตัดส่องกล้องมดลูก เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาโรคของมดลูก รังไข่ และอวัยวะสืบพันธุ์เพศหญิง เช่น เนื้องอกในมดลูก เยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ ช็อกโกแลตซีสต์ หลังเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ หรือภาวะมดลูกหย่อน
มะเร็งเม็ดเลือดขาว อาการเริ่มต้นเป็นอย่างไร รักษาหายไหม
มะเร็งเม็ดเลือดขาวหรือลูคีเมียเป็นโรคที่เกิดขึ้นได้ในคนทุกช่วงอายุ อาการเริ่มต้นมักจะไม่ชัดเจน ทำให้หลายคนไม่ทันสังเกต แต่การรู้จักอาการเริ่มต้นและสังเกตความผิดปกติเป็นสิ่งสำคัญ เพราะหากตรวจพบได้ตั้งแต่ระยะแรกจะทำให้โอกาสในการรักษาหายมีเพิ่มขึ้น