จากกรณีการระบาดของโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสที่ไม่ทราบชนิด ภายในเมืองอู่ฮั่น สาธารณรัฐประชาชนจีน
พบผู้ป่วยโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัส จำนวน 44 ราย ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตนั้น จากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นพบว่า ทางการจีนได้ดำเนินการสอบสวนโรคและอยู่ระหว่างการตรวจหาสาเหตุ ซึ่งขณะนี้ ยังไม่ทราบสาเหตุก่อโรค แต่จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า ไม่ใช่เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ ไข้หวัดนก อะดิโนไวรัส หรือโรคทางเดินหายใจที่พบได้ทั่วไป เบื้องต้น จากข้อมูลของกรมควบคุมโรค ได้มอบหมายให้ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ทำการเฝ้าระวังอย่างเข้มข้น โดยการคัดกรองอาการไข้ และอาการที่เกี่ยวข้องกับทางเดินหายใจ
ในผู้ที่เดินทางจากเมืองอู่ฮั่น เข้ามาในประเทศไทย ซึ่งมีหลายสายการบิน และสนามบินที่เตรียมรับ ได้แก่ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ และภูเก็ต สำหรับประเทศไทย ได้มีการประกาศให้โรคซาร์ส (SARS) เป็นโรคติดต่ออันตราย ตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ซึ่งต้องมีการรายงานผู้ป่วยที่สงสัย ทำการแยกกัก โดยมีการเตรียมความพร้อมทางห้องปฏิบัติการ และทีมสอบสวนโรคติดต่ออันตราย ซึ่งมีในทุกจังหวัด และในส่วนกลางอีก 8 ทีม
โรคซาร์ส (Severe Acute Respiratory Syndrome: SARS) หรือโรคทางระบบทางเดินหายใจเฉียบพลันร้ายแรง มีสาเหตุมาจากเชื้อไวรัสในตระกูลโคโรนาไวรัส (Coronavirus) เดิมพบการติดเชื้อนี้ได้เฉพาะในสัตว์ที่มีขนาดเล็ก แต่ต่อมามีการกลายพันธุ์ เกิดการติดเชื้อในมนุษย์ขึ้น และแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว ในช่วงแรกผู้ที่ติดเชื้อจะมีอาการคล้ายกับไข้หวัดใหญ่ เช่น มีไข้สูงกว่า 38 องศาเซลเซียส หรือมีอาการติดเชื้อที่ปอดและทางเดินหายใจ เช่น ไอแห้ง หรือหายใจลำบาก เป็นต้น โดยสถานการณ์ของโรคซาร์ส (SARS) ในประเทศไทย พบว่า ไม่เคยมีรายงานผู้ป่วยยืนยันโรคซาร์สภายในประเทศ ยกเว้นเจ้าหน้าที่องค์การอนามัยโลกที่ป่วยด้วยโรคซาร์ส และเดินทางเข้ามารับการรักษาที่ประเทศไทย โดยไม่มีการติดเชื้อรายใหม่เพิ่มเติม สำหรับประเทศจีน เคยมีโรคซาร์สระบาดเมื่อปี 2546 ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวน 349 ราย
คำแนะนำสำหรับผู้ที่จะเดินทางจากประเทศไทยไปยังประเทศที่มีรายงานผู้ติดเชื้อปอดอักเสบ เนื่องจากองค์การอนามัยโลกยังไม่มีประกาศห้ามการเดินทางไปยังพื้นที่ดังกล่าว
ดังนั้นผู้ที่จะเดินทางสามารถเดินทางไปได้ แต่ต้องปฏิบัติตามคำแนะนำ ดังนี้
- หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่แออัด หรือสถานที่ที่มีมลภาวะที่เป็นพิษ
- ไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น เช่น ผ้าเช็ดหน้า แก้วน้ำ ผ้าเช็ดตัว
- รักษาร่างกายให้อบอุ่น อยู่เสมอ
นอกจากนี้ สำหรับคนที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง โดยเฉพาะเด็กเล็กและผู้สูงอายุ หากมีอาการเริ่มป่วย เช่น มีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก ขอให้รีบไปพบแพทย์หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทันที เนื่องจากมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนปอดบวมได้ ประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422
ข้อมูลจาก : กองระบาดวิทยา/สำนักสื่อสารความเสี่ยงฯ กรมควบคุโรค
https://ddc.moph.go.th/brc/news.php?news=10896&deptcode=brc&news_views=8793
4 มกราคม 2563
สำหรับโรงพยาบาลพระรามเก้า ทางคณะกรรมการป้องกันควบคุมและป้องกันการติดเชื้อในโรงพยาบาลได้เห็นถึงความสำคัญ พร้อมทั้งเฝ้าระวัง และติดตามสถานการณ์ และแจ้งข่าวสารให้เจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลได้ทราบ และมีแนวทางการคัดกรองผู้ป่วยเบื้องต้น กรณีที่พบผู้ป่วย มีอาการ ไข้ ไอ เจ็บคอ น้ำมูกไหล เหนื่อยหอบ ร่วมกับ มีประวัติเดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่น มณฑลเหอเป่ย ประเทศจีน ภายใน 14 วัน ให้ผู้ป่วยสวมหน้าการอนามัย (Surgical mask) และพาไปตรวจที่แผนกฉุกเฉิน ห้องพิเศษแยกโรค (AIIR) เจ้าหน้าที่สวมอุปกรณ์ป้องกันตัวเอง (PPE) คือ Mask N95 เสื้อกาวน์ แว่นป้องกันตา หมวก และถุงมือครบ เนื่องจากสาเหตุของการเกิดโรคยังไม่มีหลักฐานปรากฎแน่ชัด ทั้งนี้กำลังดำเนินการทำป้ายคัดกรอง ที่บริเวณทางเข้า-ออก ของโรงพยาบาลทุกจุด