”ปวดท้องมากขนาดนี้ ระวังเป็นไส้ติ่งนะ” เราอาจจะเคยได้ยินคำถามแบบนี้กันบ่อยครั้ง เมื่อตัวเราเอง หรือคนที่อยู่ข้างๆ เรามีอาการปวดท้องมากๆ แต่อาการปวดท้องเป็นอาการเบื้องต้นของหลายๆ โรค แล้วอาการแบบไหนถึงจะเป็นอาการปวดท้องไส้ติ่ง แต่ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับ ไส้ติ่ง อวัยวะเล็กๆ แต่อันตรายมากหาก ไส้ติ่งแตก
ไส้ติ่ง เป็นอวัยวะส่วนหนึ่งของทางเดินอาหารที่อยู่บริเวณท้องด้านล่างขวาติดกับลำไส้ใหญ่ ไม่ได้มีหน้าที่สำคัญต่อร่างกาย แต่หากเกิดการอุดตันแล้วล่ะก็…เรื่องใหญ่ เพราะจะเกิดการอักเสบขึ้นมาจนเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
โดยอาการปวดท้องจากไส้ติ่ง จะปวดท้องมาก เริ่มแรกอาจปวดเป็นพักๆ รอบสะดือคล้ายโรคกระเพาะ หรือท้องเดิน อาจจะเข้าส้วมบ่อย แต่ถ่ายไม่ออก หรือ บางคนก็อาจมีอาการท้องเดินร่วมด้วย อาการปวดถึงแม้จะกินยาแก้ปวดอะไรก็ไม่หาย ต่อมาอีก 3-4 ชั่วโมง อาการปวดจะย้ายมาที่ท้องน้อยข้างขวา ลักษณะปวดเสียดตลอดเวลา ต้องนอนนิ่งๆ เคลื่อนไหวตัวจะทำให้ปวดมาก ผู้ป่วยจะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนและมีไข้ต่ำๆ บางคนถ้าเป็นมากต้องนอนงอขาตะแคงไปข้างหนึ่ง หรือเวลาเดินต้องเดินตัวงอจึงจะรู้สึกสบายขึ้น อาการจะเป็นอยู่นับชั่วโมงถึงหลายวัน บางคนอาจมีอาการปวดท้องน้อยด้านขวา โดยไม่มีอาการอื่นนำมาก่อนเลยก็ได้ จนนำไปสู่ภาวะไส้ติ่งแตกในที่สุด ดังนั้น ผู้ป่วยโรคไส้ติ่งอักเสบ ควรรีบไปพบแพทย์ เพราะหากเข้าสู่ระยะรุนแรงไส้ติ่งอาจแตกได้ภายใน 48-72 ชั่วโมง ซึ่งจะต้องได้รับการผ่าตัดอย่างเร่งด่วน
ต้นตอสาเหตุของไส้ติ่ง
ไส้ติ่งอักเสบเป็นภาวะทางการแพทย์ที่รุนแรงจากไส้ติ่ง ซึ่งเป็นอวัยวะขนาดเล็ก คล้ายนิ้วมือติดอยู่กับลำไส้ใหญ่เกิดการบวมและอักเสบ โดยสาเหตุของไส้ติ่งอักเสบยังไม่แน่ชัด เราพบว่า จำนวนมากของไส้ติ่งอักเบมีเศษอาหาร หรืออุจจาระอุดอยู่ในไส้ติ่ง ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ไส้ติ่งอักเสบได้รวดเร็วและแตกได้ง่ายขึ้นด้วย
การรักษาไส้ติ่งด้วยการผ่าตัดส่องกล้อง
การผ่าตัดส่องกล้อง คือการผ่าตัดโดยการเจาะผิวหนังเป็นรูเล็กๆ เพื่อสอดกล้องและเครื่องมือผ่าตัดเข้าไปในช่องท้อง โดยรอยแผลจะมีขนาดเล็กประมาณ 1-2 เซนติเมตร ศัลยแพทย์จะทำการผ่าตัดโดยเห็นภาพที่ชัดเจนผ่านจอภาพ แต่การจะเลือกใช้วิธีการผ่าตัดส่องกล้องหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับชนิดของโรค ความรุนแรง ความเสี่ยง โดยประเมินจากสุขภาพของผู้ป่วยแต่ละราย ซึ่งส่วนใหญ่แล้วโรคที่เกิดในช่องท้องสามารถผ่าตัดส่องกล้องได้ รวมถึงโรคไส้ติ่งอักเสบด้วย