Skip to content
  • TH
    • EN
    • CN
    • AR
  • TH
    • EN
    • CN
    • AR
  • เกี่ยวกับเรา
  • ศูนย์การแพทย์
  • ค้นหาแพทย์
  • ห้องพัก
  • Health Guru
    • บทความสุขภาพ
    • Praram 9 Star Doctors
  • แพ็กเกจ
  • ติดต่อเรา
Menu
  • เกี่ยวกับเรา
  • ศูนย์การแพทย์
  • ค้นหาแพทย์
  • ห้องพัก
  • Health Guru
    • บทความสุขภาพ
    • Praram 9 Star Doctors
  • แพ็กเกจ
  • ติดต่อเรา

มะเร็งปอดรักษาหายไหม มาฟังคำตอบกัน!

นพ.จิรายุ ฉิมวิไลทรัพย์

บทความ

โรงพยาบาลพระรามเก้า

  • วันที่โพสต์ 26 กันยายน 2024
มะเร็งปอดรักษาหายไหม

มะเร็งปอดเป็นหนึ่งในโรคมะเร็งที่ร้ายแรงและเป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งของประชากรทั่วโลก โรคนี้เกิดจากการเจริญที่ผิดปกติของเซลล์ปอด ซึ่งสามารถแพร่กระจายไปยังส่วนอื่น ๆ ของร่างกายได้ ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญของโรคมะเร็งปอดคือการสูบบุหรี่ แต่ผู้ที่ไม่เคยสูบบุหรี่เลยก็มีโอกาสเป็นโรคนี้ได้เช่นกัน

“มะเร็งปอดรักษาหายไหม?” เป็นคำถามที่ผู้ป่วยและครอบครัวผู้ป่วยอยากรู้ในทันทีที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งปอด โรคนี้ไม่เพียงแต่เป็นภัยเงียบที่คุกคามชีวิตของผู้คนทั่วโลก แต่ยังเป็นโรคร้ายที่สร้างความความกังวลใจให้กับผู้ป่วยและครอบครัวของผู้ป่วยด้วย การตอบคำถามนี้อาจไม่ใช่เรื่องง่ายนัก เพราะคำตอบนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งระยะของโรค สภาพร่างกายของผู้ป่วย และการตอบสนองต่อการรักษา ในบทความนี้ เราจะเจาะลึกเกี่ยวกับมะเร็งปอด ตั้งแต่ความหมายของโรค สัญญาณเตือน อาการต่าง ๆ และที่สำคัญที่สุดคือแนวทางการรักษาที่จะช่วยให้ผู้ป่วยมีโอกาสกลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติได้อีกครั้ง มาค้นหาคำตอบกันว่ามะเร็งปอดรักษาหายไหม และอะไรคือปัจจัยที่จะทำให้ผู้ป่วยมีโอกาสหายจากโรคนี้ได้

สารบัญ

  • มะเร็งปอดคืออะไร?
  • ใครบ้างที่เสี่ยงเป็นมะเร็งปอด
  • สัญญาณเตือนมะเร็งปอด
  • อาการของมะเร็งปอด
  • มะเร็งปอดรักษาหายไหม?
  • แนวทางการรักษามะเร็งปอด
  • สรุป

มะเร็งปอดคืออะไร?

มะเร็งปอดเกิดจากการเจริญเติบโตที่ผิดปกติของเซลล์ภายในปอด ทำให้เกิดเป็นเนื้องอก ซึ่งเนื้องอกนี้อาจลุกลามไปยังอวัยวะอื่น ๆ เช่น กระดูก สมอง หรือตับ มะเร็งปอดสามารถแบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก ได้แก่

  1. มะเร็งปอดชนิดเซลล์เล็ก (Small Cell Lung Cancer – SCLC): เป็นชนิดที่เติบโตอย่างรวดเร็วและมีโอกาสการแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น ๆ ของร่างกายได้ง่าย ซึ่งมักพบในผู้ที่สูบบุหรี่จัด

  2. มะเร็งปอดชนิดเซลล์ไม่เล็ก (Non-Small Cell Lung Cancer – NSCLC): เป็นชนิดที่พบบ่อยที่สุด คือพบได้ประมาณ 85% ของผู้ป่วยมะเร็งปอด แต่จะมีการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งช้ากว่า

> กลับสู่สารบัญ

ใครบ้างที่เสี่ยงเป็นมะเร็งปอด

ความเสี่ยงของโรคมะเร็งปอดขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งปัจจัยทางพันธุกรรมและปัจจัยทางสิ่งแวดล้อมที่เราสัมผัสในชีวิตประจำวัน โดยปัจจัยเสี่ยงหลัก ๆ มีดังนี้

  1. การสูบบุหรี่: การสูบบุหรี่เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดมะเร็งปอด โดยประมาณ 85% ของผู้ป่วยมะเร็งปอดเป็นผู้ที่สูบบุหรี่หรือเคยสูบบุหรี่ สารเคมีในบุหรี่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเซลล์ปอดซึ่งนำไปสู่การเกิดมะเร็ง

  2. การสัมผัสควันบุหรี่มือสอง: แม้จะไม่ได้สูบบุหรี่เอง แต่การสูดดมควันบุหรี่มือสองจากผู้อื่นที่สูบบุหรี่ก็เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งปอดได้เช่นกัน

  3. การสัมผัสสารเคมีอันตราย: การทำงานหรืออยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีการสัมผัสกับสารเคมี เช่น แร่ใยหิน เรดอน หรือควันจากสารเคมีอุตสาหกรรม เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งปอดได้

  4. มลพิษทางอากาศ: การอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีมลพิษทางอากาศสูง หรือ พื้นที่ที่มีฝุ่นละอองจิ๋วขนาดเล็กที่มีขนาดโมเลกุลเล็กเพียง 2.5 ไมครอน หรือ ฝุ่น PM 2.5 โดยเฉพาะในเขตเมืองใหญ่ เขตโรงงานอุตสาหกรรม หรือพื้นที่ที่มีการเผาพืชไร่หรือนาข้าว ก็สามารถเพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็งปอดได้

  5. ประวัติครอบครัว: ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งปอดจะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามีการถ่ายทอดทางพันธุกรรม

  6. อายุมากกว่า 65 ปี: ผู้ที่มีอายุมากกว่า 65 ปีมีความเสี่ยงสูงกว่าในการเกิดมะเร็งปอด โดยเฉพาะหากมีประวัติการสูบบุหรี่หรือสัมผัสกับสารเคมีที่เป็นอันตราย

  7. การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์: การดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไปอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งปอด โดยเฉพาะในผู้ที่สูบบุหรี่

> กลับสู่สารบัญ

สัญญาณเตือนมะเร็งปอด

มะเร็งปอดในระยะแรกมักไม่มีอาการที่ชัดเจน ทำให้การวินิจฉัยในช่วงต้นทำได้ยาก อย่างไรก็ตามมีสัญญาณเตือนที่ควรระวัง เช่น

  • ไอเรื้อรัง: ไอที่ไม่หายขาด หรือมีอาการไอที่ผิดปกติ เช่น ไอมีเสมหะปนเลือด อาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงโรคมะเร็งปอด

  • หายใจลำบาก: รู้สึกหายใจไม่เต็มปอด หรือหายใจมีเสียงหวีด และยิ่งถ้าหากอาการหายใจลำบากแย่ลงเรื่อย ๆ อาจเป็นอาการของมะเร็งปอด

  • เจ็บหน้าอก: รู้สึกเจ็บหน้าอกหรือแน่นบริเวณหน้าอก ซึ่งอาการจะเป็นมากขึ้นเมื่อหายใจลึก ๆ ไอ หรือหัวเราะ

  • น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ: การมีน้ำหนักลดอย่างรวดเร็วโดยไม่มีสาเหตุชัดเจน

  • อ่อนเพลีย: รู้สึกเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย แม้จะพักผ่อนเพียงพอแล้วก็ตาม

  • เสียงแหบ: เสียงพูดเปลี่ยนแปลงไป พูดไม่ชัด หรือเสียงแหบไม่หาย

หากมีสัญญาณเตือนเหล่านี้ ไม่ควรนิ่งนอนใจ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อการวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งปอดหรือไม่ เพราะหากตรวจพบตั้งแต่เนิ่น ๆ จะทำให้ผลลัพธ์การรักษาดีกว่า

> กลับสู่สารบัญ

อาการของมะเร็งปอด

อาการของมะเร็งปอดจะแตกต่างกันไปตามระยะของโรคและการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง โดยอาการที่พบได้บ่อย ได้แก่

  • ไอเรื้อรัง: มักเป็นอาการเริ่มแรกที่ผู้ป่วยจะสังเกตได้

  • หายใจลำบาก: เกิดจากการที่ก้อนมะเร็งไปกดทับทางเดินหายใจหรือแพร่กระจายไปยังปอดข้างเคียง

  • เจ็บหน้าอก: อาการเจ็บมักเกิดขึ้นจากการที่ก้อนมะเร็งขยายขนาดใหญ่ขึ้นจนกดทับอวัยวะหรือเนื้อเยื่อรอบข้าง

  • เสียงแหบ: เกิดจากการที่เส้นประสาทที่ควบคุมกล่องเสียงถูกก้อนมะเร็งกดทับ

  • น้ำหนักลด: การมีน้ำหนักลดอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่มีการปรับเปลี่ยนอาหารหรือกิจวัตรประจำวัน

  • ปวดกระดูก: มะเร็งปอดสามารถแพร่กระจายไปยังกระดูก ทำให้เกิดอาการปวดตามกระดูกบริเวณที่มะเร็งแพร่กระจายไป

  • ปวดศีรษะหรืออาการทางระบบประสาทอื่น ๆ: หากมะเร็งแพร่กระจายไปยังสมอง อาจทำให้เกิดอาการ เช่น ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ หรืออาการทางประสาทอื่น ๆ

> กลับสู่สารบัญ

มะเร็งปอดรักษาหายไหม?

การจะตอบคำถามว่า “มะเร็งปอดรักษาหายไหม?” นั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งชนิดของมะเร็ง ระยะของโรค และสภาพร่างกายของผู้ป่วย อย่างไรก็ตาม การรักษามะเร็งปอดสามารถรักษาให้หายขาดได้หากตรวจพบ และรีบรักษาตั้งแต่ในระยะเริ่มต้น ทั้งนี้ผลการการรักษามะเร็งปอดขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้

  1. ระยะของมะเร็งปอด
    • มะเร็งปอดระยะเริ่มต้น: หากตรวจพบมะเร็งปอดในระยะเริ่มต้น การรักษาด้วยการผ่าตัดหรือการรักษาเฉพาะจุดเช่นการฉายแสงหรือการใช้เคมีบำบัดมีโอกาสทำให้มะเร็งหายขาดได้สูง
    • มะเร็งปอดระยะลุกลาม: สำหรับมะเร็งปอดที่แพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น ๆ แล้ว การรักษาอาจเน้นที่การควบคุมโรค ลดอาการ และยืดอายุของผู้ป่วยมากกว่าการรักษาให้หายขาด
  2. ชนิดของมะเร็ง
    • มะเร็งปอดชนิดเซลล์เล็ก (SCLC): มักแพร่กระจายเร็วและมีการตอบสนองต่อเคมีบำบัดและการฉายแสงดี แต่ภายหลังการรักษาอาจพบการเป็นซ้ำได้อีก
    • มะเร็งปอดชนิดเซลล์ไม่เล็ก (NSCLC): มีแนวทางการรักษาที่หลากหลายกว่าและมีโอกาสในการรักษาให้หายขาดมากกว่า โดยเฉพาะในระยะเริ่มต้น
  3. สุขภาพทั่วไปของผู้ป่วย
    • การรักษามะเร็งต้องอาศัยความแข็งแรงทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจของผู้ป่วย ดังนั้นผู้ป่วยที่มีสุขภาพดีและแข็งแรงจึงมีโอกาสในการรักษาหายขาดมากกว่า

> กลับสู่สารบัญ

แนวทางการรักษามะเร็งปอด

การรักษามะเร็งปอดสามารถทำได้หลายวิธี โดยแพทย์จะพิจารณาตามความเหมาะสมของผู้ป่วยแต่ละคน โดยแนวทางการรักษามีดังนี้

  1. การผ่าตัด (Surgery): เหมาะสำหรับมะเร็งปอดในระยะแรก ซึ่งก้อนมะเร็งยังไม่แพร่กระจาย การผ่าตัดอาจตัดเฉพาะส่วนที่มีก้อนมะเร็งออก หรือบางครั้งอาจตัดปอดทั้งข้างออก

  2. การฉายแสง (Radiation Therapy): ใช้รังสีพลังงานสูงเพื่อทำลายเซลล์มะเร็ง เหมาะสำหรับมะเร็งที่ไม่สามารถผ่าตัดได้ หรือใช้ร่วมกับวิธีการรักษาอื่น ๆ การฉายแสงจะสามารถลดขนาดของก้อนมะเร็งและควบคุมการแพร่กระจายของมะเร็งได้

  3. เคมีบำบัด (Chemotherapy): ใช้ยาเคมีเพื่อทำลายเซลล์มะเร็งทั่วร่างกาย โดยเฉพาะมะเร็งปอดชนิดเซลล์เล็ก (SCLC) ที่มีการแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว เคมีบำบัดมักใช้ร่วมกับการฉายแสงหรือการผ่าตัดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา

  4. ภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy): เป็นการรักษาที่ใช้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายในการโจมตีเซลล์มะเร็ง เป็นแนวทางการรักษาใหม่ที่มีผลข้างเคียงน้อยกว่าและมีประสิทธิภาพในผู้ป่วยบางราย

  5. การรักษาแบบมุ่งเป้า (Targeted Therapy): เป็นการรักษาด้วยยาที่เฉพาะเจาะจงกับชนิดของเซลล์มะเร็ง เป็นการโจมตีเฉพาะเซลล์มะเร็งที่มีการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมที่เฉพาะเจาะจง ทำให้ลดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์จากการรักษาแบบทั่วไป

  6. การดูแลแบบประคับประคอง (Palliative Care): สำหรับผู้ป่วยที่อยู่ในระยะสุดท้าย การดูแลแบบประคับประคองจะเน้นที่การบรรเทาอาการเจ็บปวด และปรับปรุงคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุด

> กลับสู่สารบัญ

สรุป

การจะตอบคำถามว่า “มะเร็งปอดรักษาหายไหม” นั้น คำตอบของคำถามนี้จะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ระยะของโรค ประเภทของมะเร็ง และสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย โดยทั่วไป หากมะเร็งปอดถูกตรวจพบตั้งแต่ในระยะเริ่มต้น โอกาสในการรักษาให้หายขาดก็จะสูงกว่า โดยการรักษามะเร็งปอดนั้นมีหลายวิธี ได้แก่ การผ่าตัด การฉายแสง เคมีบำบัด และภูมิคุ้มกันบำบัด ซึ่งการเลือกวิธีที่เหมาะสมแพทย์ต้องพิจารณาจากหลาย ๆ ปัจจัยข้างต้น

การตรวจคัดกรองมะเร็งปอด เช่น การทำเอกซเรย์ปอดหรือซีทีสแกน (CT scan) สามารถช่วยในการตรวจพบมะเร็งในระยะเริ่มต้นได้ แม้ว่าจะไม่มีอาการ ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการรักษาให้หายขาดได้ นอกจากนี้การตรวจสุขภาพประจำปีเป็นอีกวิธีที่สำคัญในการติดตามสภาพร่างกายและตรวจเช็กปัญหาสุขภาพ รวมถึงโรคมะเร็งปอดด้วย ดังนั้นการเข้าใจความเสี่ยงและการตรวจคัดกรองอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นกุญแจสำคัญในการรับมือกับมะเร็งปอด

แนะนำแพ็กเกจที่เกี่ยวข้อง

แพ็กเกจตรวจความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งด้วยรหัสพันธุกรรม

รายละเอียด

แพ็กเกจตรวจคัดกรองมะเร็งหญิง

รายละเอียด

แพ็กเกจตรวจคัดกรองมะเร็งชาย

รายละเอียด

> กลับสู่สารบัญ

บทความล่าสุด

ทำไมกินหมูแล้วหูดับ?

อ่านเพิ่มเติม
หัวใจล้มเหลว

หัวใจล้มเหลว อาการเป็นอย่างไร ป้องกันได้อย่างไรบ้าง

อ่านเพิ่มเติม
ลิ้นหัวใจเทียม

ลิ้นหัวใจเทียมคืออะไร? ทำไมต้องเปลี่ยน? และอะไรบ้างที่คุณควรรู้?

อ่านเพิ่มเติม
ดูบทความทั้งหมด

ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญกับ Praram 9 V

ปรึกษาแพทย์ได้ทุกที่ผ่านทางวิดีโอคอล (Telemedicine)

  • Praram 9 Hospital
  • @praram9hospital

แพทย์ผู้เขียนบทความ

2B867C7C-C966-4F90-A582-7151798AD15E

นพ.จิรายุ ฉิมวิไลทรัพย์

ศูนย์ตรวจสุขภาพ

นัดหมาย

ประวัติเพิ่มเติม

 

ศูนย์แพทย์

ศูนย์ตรวจสุขภาพ_1-1

ศูนย์ตรวจสุขภาพ

เยี่ยมชม

ดูทั้งหมด

บทความอื่นๆ

ทำไมกินหมูแล้วหูดับ?

โรคไข้หูดับ เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย สเตร็พโตค็อกคัส ซูอิส (Streptococcus suis) โดยเชื้อนี้จะอยู่ในทางเดินหายใจของหมู และอยู่ในเลือดของหมูที่กำลังป่วย สามารถติดต่อสู่คนได้ 2 ทาง

อ่านเพิ่มเติม
หัวใจล้มเหลว

หัวใจล้มเหลว อาการเป็นอย่างไร ป้องกันได้อย่างไรบ้าง

หัวใจล้มเหลวคือภาวะที่หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนและสารอาหารไม่เพียงพอ อาการสำคัญที่ควรสังเกต ได้แก่ เหนื่อยง่าย หายใจลำบาก ขาบวม และน้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่มักเกี่ยวข้องกับโรคหัวใจและหลอดเลือด การวินิจฉัยและรักษาอย่างรวดเร็วจะช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนรุนแรง

อ่านเพิ่มเติม
ลิ้นหัวใจเทียม

ลิ้นหัวใจเทียมคืออะไร? ทำไมต้องเปลี่ยน? และอะไรบ้างที่คุณควรรู้?

การผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจเทียมเป็นหนึ่งในวิธีการรักษาสำหรับผู้ป่วยที่มีปัญหาลิ้นหัวใจผิดปกติ และการผ่าตัดเปลี่ยนลินหัวใจจะช่วยฟื้นฟูการทำงานของหัวใจให้กลับมาใกล้เคียงปกติ อย่างไรก็ตามผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาจะต้องได้รับการประเมินอย่างละเอียด เพื่อเลือกชนิดของลิ้นหัวใจที่เหมาะสม

อ่านเพิ่มเติม
อ่านบทความทั้งหมด
Facebook-f Youtube Instagram Line
  • 1270
  • เกี่ยวกับเรา
  • ศูนย์การแพทย์
  • ค้นหาแพทย์
  • นัดหมาย
  • บทความสุขภาพ
  • แพ็กเกจ
  • ข่าว และกิจกรรม รพ.
  • นโยบายความเป็นส่วนตัว
  • นักลงทุนสัมพันธ์
  • การพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน
  • ร่วมงานกับเรา
  • ติดต่อเรา
  • ข้อกำหนดและเงื่อนไข

Copyright © 2025 All Rights Reserved | Praram 9 Hospital

  • เกี่ยวกับเรา
  • ศูนย์การแพทย์
  • ค้นหาแพทย์
  • ห้องพัก
  • Health Guru
    • บทความสุขภาพ
    • Praram 9 Star Doctors
  • แพ็กเกจ
  • ติดต่อเรา