มะเร็งหัวใจเป็นโรคที่พบได้น้อยและไม่ค่อยเป็นที่รู้จักในหมู่คนทั่วไป แม้ว่าจะเป็นโรคมะเร็งที่พบไม่บ่อย แต่มะเร็งหัวใจก็เป็นโรคที่มีความรุนแรงสูง สามารถนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนและเสียชีวิตได้หากไม่ได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างทันท่วงที มะเร็งหัวใจสามารถเกิดขึ้นได้จากเนื้อเยื่อหัวใจเอง หรือมาจากการแพร่กระจายของมะเร็งจากอวัยวะอื่น เช่น ปอด เต้านม หรือหลอดอาหาร ซึ่งในกรณีหลังมักพบได้มากกว่า การทำความเข้าใจเกี่ยวกับมะเร็งหัวใจจึงเป็นเรื่องสำคัญ มาดูกันว่ามะเร็งหัวใจเกิดขึ้นได้อย่างไร มีอาการอย่างไร และวิธีการรักษาเป็นอย่างไรบ้าง
เนื้องอกของหัวใจ
เนื้องอกในหัวใจแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ได้แก่ เนื้องอกที่แพร่กระจายมาจากอวัยวะอื่น (Secondary Tumors) และ เนื้องอกที่เกิดจากเนื้อเยื่อหัวใจเอง (Primary Cardiac Tumors) แต่ละประเภทมีความแตกต่างกันทั้งในแหล่งที่มาและการพยากรณ์โรค ซึ่งมีผลต่อแนวทางการรักษาและโอกาสในการรอดชีวิตของผู้ป่วย
- เนื้องอกที่แพร่กระจายมาจากอวัยวะอื่น (Secondary Tumor or Metastasis)
- เป็นเนื้องอกหัวใจที่พบได้บ่อยที่สุด
- เกิดจากมะเร็งจากอวัยวะอื่น ๆ ในร่างกายที่แพร่กระจายเข้าสู่หัวใจ อวัยวะที่มักพบว่าเป็นแหล่งต้นกำเนิดของมะเร็ง ได้แก่ มะเร็งปอด มะเร็งเต้านม มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งต่อมน้ำเหลือง
- ก้อนเนื้องอกจากการแพร่กระจายมักพบที่ ช่องเยื่อบุหัวใจ (Pericardium) หรือ ผนังหัวใจด้านนอก (Epicardium) ก่อนที่จะลุกลามไปยังส่วนอื่น ๆ ของหัวใจ
- เนื้องอกที่เกิดจากเนื้อเยื่อหัวใจเอง (Primary Cardiac Tumors: PCTs)
- พบได้น้อยมาก อุบัติการณ์เพียงประมาณ 1,380 รายต่อประชากร 100 ล้านคนเท่านั้น
- 90% ของเนื้องอกหัวใจที่เกิดจากเนื้อเยื่อหัวใจเองเป็นเนื้องอกชนิดไม่ใช่เนื้อร้าย (Benign Tumors) ซึ่งมักไม่แพร่กระจายและมีโอกาสรักษาได้ดีกว่า
- เนื้องอกชนิดไม่ใช่เนื้อร้ายที่พบได้บ่อย ได้แก่
– Myxomas: เป็นเนื้องอกชนิดไม่ใช่เนื้อร้ายที่พบมากที่สุดในผู้ใหญ่ มักเกิดที่ห้องหัวใจซ้ายและอาจทำให้เกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ
– Rhabdomyomas: พบมากในเด็ก มักเกิดจากกล้ามเนื้อหัวใจเอง และบางกรณีสามารถหายได้เองเมื่อเด็กโตขึ้น
มะเร็งหัวใจ: เนื้องอกชนิดเนื้อร้าย
แม้ว่าเนื้องอกชนิดเนื้อร้ายในหัวใจ (Malignant Primary Tumors) จะพบได้น้อยมาก แต่ความรุนแรงของโรคนี้ทำให้ผู้ป่วยมีโอกาสรอดชีวิตน้อย เนื่องจากเนื้องอกเหล่านี้มีการเจริญเติบโตและแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้การรักษาทำได้ยาก
- Sarcoma: เป็นเนื้องอกชนิดเนื้อร้ายที่พบบ่อยที่สุดในหัวใจ โดยเกิดจากเนื้อเยื่ออ่อนของหัวใจ (Soft Tissue) ซึ่งเป็นบริเวณที่มีการไหลเวียนเลือดสูง
- Angiosarcomas: มะเร็งที่เกิดจากเซลล์ผนังหลอดเลือด เป็นมะเร็งที่พบมากที่สุดในผู้ใหญ่ มักเกิดที่ห้องหัวใจขวาและมีการแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว
- Rhabdomyosarcomas: มะเร็งที่เกิดจากกล้ามเนื้อหัวใจ เป็นมะเร็งชนิดนี้ที่พบได้บ่อยที่สุดในเด็กหรือคนอายุน้อย
- มักพบในผู้ป่วยอายุน้อย โดยเฉพาะในช่วงอายุ 40 ปี และมีอัตราการรอดชีวิตต่ำมาก โดยอัตราการรอดชีวิตที่ 5 ปีเพียง 14% เท่านั้น
อาการของเนื้องอกหัวใจ
อาการของเนื้องอกหัวใจอาจแตกต่างกันไปตามขนาดและตำแหน่งของก้อนเนื้องอก บางรายอาจไม่มีอาการใด ๆ และพบเนื้องอกโดยบังเอิญในการตรวจสุขภาพ แต่โดยทั่วไปอาการจะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่
- อาการทั่วไปของมะเร็ง (Paraneoplastic syndrome)
- ไข้ที่เกิดขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ
- ปวดข้อ ซึ่งอาจเป็นผลจากการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
- น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว
- รู้สึกอ่อนแรงและไม่มีแรงทำกิจกรรมประจำวัน
- อาการแสดงทางหัวใจ
- หน้าบวม คอบวม หลอดเลือดดำที่คอโป่ง: มักเกิดจากก้อนเนื้องอกไปกดเส้นเลือดดำใหญ่ที่คอ ทำให้เกิดการอุดตันของหลอดเลือด
- ตับโต ท้องมาน ขาบวมกดบุ๋ม: เป็นผลจากก้อนเนื้องอกกดทับหัวใจห้องขวา ทำให้ระบบไหลเวียนเลือดไม่สามารถทำงานได้เต็มที่
- อาการเหนื่อยหอบ นอนราบไม่ได้ หมดสติ: เมื่อก้อนเนื้องอกไปกดขวางการทำงานของหัวใจด้านซ้าย ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน
- ใจสั่น หัวใจเต้นผิดจังหวะ: เกิดจากการรบกวนการส่งสัญญาณไฟฟ้าของหัวใจ
- เจ็บหน้าอกและไอ: อาจเกิดจากเนื้องอกที่ไปเติบโตในบริเวณเยื่อบุหัวใจหรือมีน้ำในช่องเยื่อบุหัวใจ (Pericardial Effusion)
- ภาวะก้อนเนื้องอกหลุดไปอุดตันหลอดเลือด (Embolism)
- เนื้องอกหรือก้อนเนื้ออาจหลุดไปอุดตันในหลอดเลือดที่สำคัญ เช่น
– อุดตันในปอด: ก้อนเนื้องอกหลุดไปอุดตันหลอดเลือดปอด ส่งผลให้เกิดภาวะขาดออกซิเจนและมีอาการเหนื่อยหอบเฉียบพลัน
– อุดตันในสมอง: ก้อนเนื้ออาจงอกและหลุดไปอุดตันหลอดเลือดสมอง ทำให้เกิดอาการหลอดเลือดสมองตีบตันเฉียบพลัน (Stroke)
- เนื้องอกหรือก้อนเนื้ออาจหลุดไปอุดตันในหลอดเลือดที่สำคัญ เช่น
มะเร็งหัวใจเกิดจากอะไร?
มะเร็งหัวใจเป็นโรคที่พบได้น้อยมาก และยังไม่มีสาเหตุการเกิดโรคที่ชัดเจน เนื้องอกชนิดเนื้อร้ายที่เกิดขึ้นจากหัวใจเอง (Primary Cardiac Tumors) นั้นมีอุบัติการณ์ที่น้อยมาก โดยสาเหตุของการเกิดมะเร็งหัวใจยังคงเป็นเรื่องที่นักวิจัยกำลังศึกษา อย่างไรก็ตาม มีปัจจัยเสี่ยงที่อาจเพิ่มโอกาสในการเกิดมะเร็งหัวใจได้ เช่น
- พันธุกรรม: ในคนที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคเนื้องอกหรือมะเร็งหัวใจ
- การแพร่กระจายของมะเร็งจากอวัยวะอื่น: เนื้องอกหัวใจส่วนใหญ่มักเป็นการแพร่กระจายจากมะเร็งที่เริ่มต้นจากอวัยวะอื่น (Secondary Tumors or Metastasis) เช่น มะเร็งปอด มะเร็งเต้านม มะเร็งหลอดอาหาร หรือมะเร็งจากต่อมน้ำเหลือง เมื่อมะเร็งเข้าสู่ระยะแพร่กระจาย อาจลุกลามมายังหัวใจและทำให้เกิดมะเร็งหัวใจได้
- ปัจจัยสิ่งแวดล้อม: การได้รับสารก่อมะเร็งจากสิ่งแวดล้อม เช่น สารเคมี สารกัมมันตรังสี หรือรังสีในระดับสูง อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง รวมถึงมะเร็งหัวใจได้
- ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ: ผู้ป่วยที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เช่น ผู้ที่ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะหรือผู้ป่วยโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง อาจมีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งมากขึ้น
แม้ว่ามะเร็งหัวใจจะพบได้น้อยมาก แต่การดูแลสุขภาพหัวใจและตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการที่จะตรวจพบความผิดปกติให้ได้ตั้งแต่ในระยะแรก ๆ
การวินิจฉัยโรคมะเร็งหัวใจ
การวินิจฉัยมะเร็งหัวใจต้องอาศัยการตรวจด้วยการตรวจพิเศษเพื่อให้เห็นถึงขนาด ตำแหน่ง และความลุกลามของเนื้องอก ซึ่งวิธีการวินิจฉัยที่นิยมใช้ ได้แก่
- Echocardiography (เครื่องสะท้อนเสียงความถี่สูง)
- เป็นการตรวจที่ใช้ในการวินิจฉัยเนื้องอกในหัวใจ
- สามารถมองเห็นขนาดและตำแหน่งของเนื้องอกได้ รวมถึงสามารถวินิจฉัยว่าก้อนเนื้องอกได้ลุกลามไปถึงลิ้นหัวใจหรือหลอดเลือดหัวใจหรือไม่
- Cardiac CT และ Cardiac MRI
- เป็นการตรวจเพื่อดูรายละเอียดโครงสร้างของหัวใจและเนื้องอกอย่างละเอียด รวมถึงตรวจดูการลุกลามของเนื้องอกไปยังบริเวณอื่น ๆ ของร่างกาย
- PET Scan
- ใช้เพื่อวินิจฉัยการแพร่กระจายของมะเร็งไปยังอวัยวะอื่น ๆ ในร่างกาย
การรักษามะเร็งหัวใจ
การรักษามะเร็งหัวใจส่วนใหญ่จะต้องอาศัยการผ่าตัดเป็นหลัก เนื่องจากเนื้องอกชนิดนี้ตอบสนองต่อการฉายแสงและการใช้ยาเคมีบำบัดไม่ดีเท่าที่ควร ดังนั้นการผ่าตัดเอาก้อนเนื้องอกออกให้มากที่สุดจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการรักษามะเร็งหัวใจ
การผ่าตัดหัวใจ (Cardiac Surgery) เป็นหนึ่งในวิธีการรักษาที่สำคัญสำหรับมะเร็งหัวใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่เนื้องอกสามารถตัดออกได้ทั้งหมดหรือบางส่วน อย่างไรก็ตาม การผ่าตัดในกรณีของเนื้องอกชนิดเนื้อร้าย (Malignant Tumors) มักจะทำได้ยาก เนื่องจากเนื้องอกเหล่านี้มักลุกลามไปยังบริเวณอื่นของหัวใจหรืออวัยวะข้างเคียง ทำให้การผ่าตัดไม่สามารถเอาเนื้องอกออกทั้งหมดได้
แต่ในกรณีของเนื้องอกชนิดไม่ใช่เนื้อร้าย การผ่าตัดมักจะให้ผลลัพธ์ที่ดีและผู้ป่วยสามารถหายขาดได้ แต่หากมะเร็งลุกลามไปถึงหลอดเลือดแดงหัวใจหรือลิ้นหัวใจ การผ่าตัดจะมีความซับซ้อนมากขึ้นและมีความเสี่ยงสูงขึ้น
การรักษามะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งหัวใจที่พบได้น้อยจำเป็นต้องได้รับการรักษาร่วมกันจากแพทย์เฉพาะทางโรคมะเร็ง และแพทย์เฉพาะทางด้านหัวใจ เพราะเป็นโรคยากซับซ้อนและมีรุนแรง จึงต้องมีการวางแผนและพิจารณาการรักษากันอย่างระมัดระวัง
การพยากรณ์โรค
การพยากรณ์โรคของมะเร็งหัวใจขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ชนิดของเนื้องอก ขนาด ตำแหน่ง และการลุกลามของเนื้องอก รวมถึงสภาพร่างกายของผู้ป่วยเอง โดยเนื้องอกหัวใจชนิดเนื้อร้าย (Malignant Tumors) มักมีการพยากรณ์โรคที่ไม่ดี เนื่องจากมีการเจริญเติบโตและลุกลามอย่างรวดเร็ว ขณะที่เนื้องอกชนิดไม่ใช่เนื้อร้าย (Benign Tumors) มักสามารถรักษาได้ด้วยการผ่าตัด และผู้ป่วยสามารถมีชีวิตอยู่ได้ยาวนานโดยไม่กลับมาเป็นซ้ำ
สำหรับมะเร็งหัวใจชนิดเนื้อร้าย เช่น Angiosarcoma หรือ Sarcoma อัตราการรอดชีวิตที่ 5 ปีต่ำมาก โดยมีค่าเฉลี่ยไม่ถึง 20% ในกรณีที่พบโรคในระยะท้าย ๆ ขณะที่เนื้องอกชนิดไม่ใช่เนื้อร้าย เช่น Myxoma ผู้ป่วยมักมีโอกาสรอดชีวิตสูงและสามารถกลับมามีชีวิตประจำวันได้ตามปกติหลังการผ่าตัด
การป้องกันและการดูแลตัวเอง
เนื่องจากมะเร็งหัวใจเป็นโรคที่พบได้น้อยมาก และในปัจจุบันยังไม่มีวิธีการป้องกันที่แน่ชัด แต่การรักษาสุขภาพหัวใจให้แข็งแรงด้วยการปฏิบัติตามคำแนะนำทั่วไปเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพหัวใจจะช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจได้ เช่น
- การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะการออกกำลังกายแบบแอโรบิก เช่น การเดิน วิ่ง หรือปั่นจักรยาน
- การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืชเต็มเมล็ด และโปรตีนจากปลาและพืช ลดการบริโภคอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูง
- การควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
- การหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์
- การตรวจสุขภาพเป็นประจำเพื่อตรวจหาความผิดปกติของหัวใจ และเพื่อตรวจสอบสภาวะของสุขภาพร่างกายโดยรวม
สรุป
มะเร็งหัวใจเป็นโรคที่พบได้น้อย แต่มีความรุนแรงสูงและอาจนำไปสู่การเสียชีวิตได้หากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม มะเร็งหัวใจชนิดที่มีต้นกำเนิดจากหัวใจเองพบได้ไม่บ่อย ในขณะที่มะเร็งที่แพร่กระจายมาจากอวัยวะอื่นพบได้มากกว่า การตรวจวินิจฉัยที่รวดเร็วด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ เช่น การตรวจด้วยเครื่องสะท้อนเสียงความถี่สูง (Echocardiography) หรือการตรวจภาพหัวใจด้วย MRI สามารถช่วยให้แพทย์วางแผนการรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การรักษามะเร็งหัวใจส่วนใหญ่ยังคงเป็นการผ่าตัด และแม้ว่าผลการรักษามักจะไม่ดีเท่าที่ควรเนื่องจากโรคมีความรุนแรง แต่การตรวจพบโรคในระยะเริ่มต้นสามารถช่วยเพิ่มโอกาสในการมีชีวิตรอดได้ การดูแลสุขภาพหัวใจอย่างสม่ำเสมอ การเข้ารับการตรวจร่างกายประจำปี หรือเข้ารับการตรวจคัดกรองมะเร็ง และการสังเกตอาการผิดปกติเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ รวมถึงโรคมะเร็งหัวใจได้อีกด้วย