จากสถิติมะเร็งในสตรีไทยของ Globocan ปี 2020 พบว่า มะเร็งปากมดลูกพบมากเป็นอันดับที่ 3 รองจากมะเร็งเต้านมและมะเร็งลำไส้ และเป็นมะเร็งที่มีอัตราการตายเป็นอันดับ 2 ของผู้หญิงทั่วโลก สาเหตุของมะเร็งปากมดลูกเกือบ 100% เกิดจากเชื้อไวรัส HPV ที่มีชื่อเต็มคือ Human papilloma virus โดยเชื้อ HPV จะเข้าไปเปลี่ยนเซลล์ปากมดลูกให้มีความผิดปกติและกลายเป็นเซลล์มะเร็งในที่สุด
ปัจจุบันแพทย์จะแนะนำให้ผู้หญิงเข้ารับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก และฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัส HPV หรือที่เรียกว่า HPV วัคซีน เพื่อลดโอกาสเสี่ยงและป้องกันการเกิดมะเร็งปากมดลูก (https://www.praram9.com/cervical-cancer/)
สารบัญ
- วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก (HPV vaccine) คืออะไร?
- วัคซีน HPV มีกี่ชนิด?
- วัคซีน HPV ฉีดช่วงวัยไหนเหมาะสมที่สุด?
- วัคซีน HPV ต้องฉีดกี่เข็ม?
- มีเพศสัมพันธ์แล้ว ยังแนะนำให้ฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกหรือไม่?
- หญิงตั้งครรภ์ฉีด HPV vaccine ได้หรือไม่?
- เคยติดเชื้อไวรัส HPV มาแล้ว การฉีดวัคซีนยังมีประโยชน์หรือไม่?
- ผลข้างเคียงที่อาจพบได้หลังฉีดวัคซีน HPV vaccine
- ฉีด HPV vaccine แล้วป้องกันได้นานแค่ไหน?
- เคยฉีดวัคซีน HPV ชนิด 2 สายพันธุ์ และ 4 สายพันธุ์ มาก่อน จะยังฉีดชนิด 9 สายพันธุ์ได้หรือไม่?
- คำแนะนำจากแพทย์
วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก (HPV vaccine) คืออะไร?
HPV vaccine เป็นวัคซีนที่ป้องกันการติดเชื้อไวรัสที่ชื่อว่า Human papilloma virus หรือ HPV ที่เป็นสาเหตุส่วนใหญ่ของการเกิดมะเร็งปากมดลูกซึ่งติดต่อได้ทางเพศสัมพันธ์ โดยไวรัส HPV แบ่งออกเป็น สายพันธุ์ที่มีความเสี่ยงสูง (high risk HPV) ที่ก่อให้เกิดมะเร็ง เช่น สายพันธุ์ 16, 18, 31, 33, 35, 45, 52, 58 และสายพันธุ์ที่มีความเสี่ยงต่ำ (low risk HPV) ที่ก่อให้เกิดโรคหูด เช่น สายพันธุ์ 6 ,11
วัคซีน HPV มีกี่ชนิด?
วัคซีนมะเร็งปากมดลูกมี 3 ชนิด ได้แก่
- ชนิด 2 สายพันธุ์ (สายพันธุ์ 16 และ 18): สามารถป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้ถึง 70%
- ชนิด 4 สายพันธุ์ (สายพันธุ์ 6, 11, 16 และ 18): สามารถป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้ถึง 70% และป้องโรคหูดหงอนไก่และมะเร็งทวารหนักในเด็กผู้ชายได้ด้วย
- วัคซีนชนิด 9 สายพันธุ์ (สายพันธุ์ 6, 11, 16, 18, 31, 33, 45, 52 และ 58): เป็นวัคซีนตัวใหม่ล่าสุด สามารถป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้ถึง 90%
วัคซีน HPV ฉีดช่วงวัยไหนเหมาะสมที่สุด?
- จะให้ผลดีที่สุดเมื่อฉีดในคนที่ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์
- ฉีดได้ทั้งในเพศหญิงและเพศชาย โดยเพศหญิงสามารถฉีดได้ตั้งแต่อายุ 9-45 ปี และเพศชายตั้งแต่อายุ 9-26 ปี
วัคซีน HPV ต้องฉีดกี่เข็ม?
- ในช่วงอายุ 9-15 ปี ฉีด 2 เข็ม โดยเข็มที่สองฉีดห่างจากเข็มแรกอย่างน้อย 6 เดือนแต่ไม่เกิน 12 เดือน
- อายุมากกว่า 15 ปี ฉีด 3 เข็ม โดยฉีดแต่ละเข็มในเดือนที่ 0, 2 และ 6 จากการฉีดเข็มแรก
มีเพศสัมพันธ์แล้ว ยังแนะนำให้ฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกหรือไม่?
ผู้หญิงที่เคยมีเพศสัมพันธ์แล้ว หรือยังมีเพศสัมพันธ์อย่างสม่ำเสมอ อาจจะเคยมีการติดเชื้อ HPV บางสายพันธุ์มาแล้ว แต่แพทย์ก็ยังคงแนะนำให้ฉีด เพื่อป้องกันการติดเชื้อ HPV สายพันธุ์ที่ยังไม่ได้มีการติดเชื้อมาก่อน และยังสามารถป้องกันการติดเชื้อไปสู่คู่นอนได้อีกด้วย
หญิงตั้งครรภ์ฉีด HPV vaccine ได้หรือไม่?
ถึงแม้ว่า HPV vaccine จะถือว่าค่อนข้างปลอดภัยสำหรับสตรีตั้งครรภ์ แต่ก็ไม่แนะนำให้ฉีดเมื่อทราบว่าตั้งครรภ์แล้ว ถ้าฉีดวัคซีน HPV 1-2 เข็มไปแล้วบังเอิญตั้งครรภ์ แนะนำให้ฉีดเข็มที่เหลือจนครบ 3 เข็มในช่วงหลังคลอด หรือช่วงให้นมบุตร อย่างไรก็ตามในงานวิจัยยังไม่พบว่าวัคซีนมะเร็งปากมดลูกมีผลเสียต่อการตั้งครรภ์และทารก เช่น แท้ง ทารกพิการ และการคลอดก่อนกำหนด จึงไม่มีข้อบ่งชี้ให้ยุติการตั้งครรภ์ ถ้าได้ตั้งครรภ์ในช่วงที่ฉีดวัคซีน
เคยติดเชื้อไวรัส HPV มาแล้ว การฉีดวัคซีนยังมีประโยชน์หรือไม่?
การฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกยังคงมีประโยชน์ ถึงแม้ว่าจะเคยติดเชื้อไวรัส HPV มาแล้ว เพราะสามารถช่วยป้องกันการติดเชื้อ HPV ในสายพันธุ์อื่น ๆ ที่ยังไม่เคยติดเชื้อมาก่อนได้
ผลข้างเคียงที่อาจพบได้หลังฉีดวัคซีน HPV vaccine
หลังจากฉีดวัคซีนอาจมีอาการข้างเคียงที่พบได้ ได้แก่ อาจมีอาการปวด บวม แดง คัน มีจ้ำเลือด มีตุ่มนู่นบริเวณที่ฉีด และอาจมีอาการข้างเคียงอื่น ๆ ที่พบเล็กน้อย ซึ่งพบได้หลังฉีดวัคซีนไปแล้ว 1-15 วัน เช่น ปวดศีรษะ, มีไข้, คลื่นไส้, เวียนศีรษะ, อ่อนเพลีย, ถ่ายเหลว, เจ็บช่องปากและคอ และมีอาการปวดท้องบริเวณช่องท้องส่วนบน
ฉีด HPV vaccine แล้วป้องกันได้นานแค่ไหน?
หลังฉีด HPV vaccine แล้วสามารถป้องกันโรคได้นานกว่า 10 ปี และจากข้อมูลพบว่าหลังจาก 10 ปี วัคซีนยังคงมีประสิทธิภาพในการป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้ถึง 90% จึงยังไม่มีคำแนะนำให้ฉีดกระตุ้นซ้ำ
เคยฉีดวัคซีน HPV ชนิด 2 สายพันธุ์ และ 4 สายพันธุ์ มาก่อน จะยังฉีดชนิด 9 สายพันธุ์ได้หรือไม่?
ในกลุ่มที่ได้รับ HPV vaccine ชนิด 2 และ 4 สายพันธุ์ ครบ 3 เข็มมาก่อนหน้านี้ และอยากฉีด HPV vaccine ชนิด 9 สายพันธุ์สามารถทำได้ ในกรณีนี้จะเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันมะเร็งปากมดลูกจาก 70% เป็น 90% และควรเริ่มต้นฉีดวัคซีนชนิด 9 สายพันธุ์เข็มแรกห่างจากเข็มสุดท้ายของวัคซีนชนิด 2 และ 4 สายพันธุ์ อย่างน้อย 12 เดือน แต่หากมีข้อติดขัดเรื่องค่าใช้จ่ายแพทย์อาจจะไม่ได้แนะนำการฉีด HPV vaccine ชนิด 9 สายพันธุ์ซ้ำเพราะวัคซีนชนิด 2 และ 4 สายพันธุ์ก็มีประสิทธิภาพการป้องกันได้ถึง 70%
คำแนะนำจากแพทย์
พญ.สมฤดี อุปลวัณณา สูติแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งนรีเวชวิทยา ได้ฝากคำแนะนำเกี่ยวกับโรคมะเร็งปากมดลูก และวัคซีนมะเร็งปากมดลูกสำหรับผู้อ่านทุก ๆ ท่านว่า
“มะเร็งปากมดลูก เป็นมะเร็งไม่กี่ชนิดที่สามารถป้องกันได้ ไม่ว่าจะเป็นการฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูกที่เป็นการป้องกันขั้นเริ่มแรกโดยเป็นการป้องกันปากมดลูกไม่ให้ติดเชื้อ HPV และการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก เป็นการป้องกันระยะที่สอง ซึ่งคือการตรวจคัดกรองหารอยโรคเพื่อทำการรักษาอย่างทันท่วงที ทั้งนี้การฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก หรือวัคซีน HPV และการตรวจคัดกรองอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็งปากมดลูกได้เป็นอย่างดีค่ะ”