กาแฟค่านิยมในปัจจุบัน?
ทุกคนคงทราบกันดีว่า กาแฟเป็นเครื่องดื่มที่นิยมดื่มกันอย่างแพร่หลายในทุกประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะวัยทำงาน ในหมู่หนุ่มสาวชาวออฟฟิศ และปัจจุบันเป็นที่นิยมมากขึ้นในวัยรุ่นและนักศึกษา
จากการสำรวจในปี 2015 คนไทยบริโภคกาแฟอยู่ที่ 0.9 กก.ต่อคนต่อปี ในปี 2020 กลับมียอดการบริโภคที่มากขึ้นเป็น 1.2 กก. ต่อคนต่อปี และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ * หมายเหตุ กาแฟ 1 กก. สามารถทำกาแฟออกมาได้เฉลีย 50-60 แก้ว ถ้าใช้กาแฟต่อแก้วที่ 17-20 กรัม*
จากการที่กาแฟเป็นที่นิยมอย่างมาก จึงมีการศึกษามากมายถึงคุณสมบัติของกาแฟว่ามีประโยชน์และโทษต่อสุขภาพอย่างไรบ้าง
ก่อนอื่นมารู้จักกาแฟกันคร่าว ๆ ก่อนนะคะ
• กาแฟเป็นพืชในตระกลูวงศ์เข็ม (Rubiaceae) มีผลลักษณะคล้ายผลเบอรี่ (Berry) จากเมล็ดกาแฟสีเขียว ๆ เวลาผลสุกจะมีสีแดงบางสายพันธุ์ผลสุกจะมีสีเหลือง และสีแดงอมม่วง กว่าจะเป็นกาแฟที่พวกเราดื่มกันนั้นต้องผ่านกระบวนการแปรรูปหลายขั้นตอนเริ่มจากการปลูกให้ได้คุณภาพ การเก็บเมล็ดที่ดี การขัดและล้างเมือก (ในกรณที่ทำ process แบบ wash) จนถึงการตากให้แห้ง หลังจากนั้นจึงนำไปสีเปลือกแข็ง (กะลากาแฟ) ออก หลังจากสีกะลาออกแล้วจึงนำไปคัดเมล็ดเสีย และคัดขนาดให้ได้ขนาดที่ใกล้เคียงกันทุกเมล็ดจึงนำไปคั่ว
ซึ่งในกระบวนการการคั่วนี้เองจะเกิดสารที่ชื่อว่า “caffeol หรือ cafestrol” ซึ่งเคยมีการศึกษามาก่อนหน้านี้ว่า แสดงว่าเจ้าสารตัวนี้จะทำให้ปริมาณไขมันคลอเลสเตอรอลตัวเลว หรือ LDL-cholesterol ในเลือดเพิ่มขึ้น หากเราชงกาแฟแบบวิธีดั้งเดิม โดยไม่ผ่านตัวกรอง เช่น French press, Turkish coffee/Greek coffee, Scandinavian boil ซึ่งกาแฟที่ชงจากเครื่อง espresso หรือวิธี Drip ที่ร้านกาแฟส่วนมากนิยมใช้ในปัจจุบันสามารถสกัดสารตัวนี้ออกไปได้ค่ะ
• นอกจาก คาเฟอีน ที่เรารู้จักกันดีแล้ว ในกาแฟยังมีส่วนประกอบอื่น ๆ อีก เช่น แมกนีเซียม วิตามินบี 2, 3 และ12, โซเดียม, แมงกานีส, โพแทสเซี่ยม, แอลคานีทีน, กรด Quinic, กรด Chlorogenic, น้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว Monosaccharide, สารอัลคาลอยด์ Trigonelline
จะเห็นได้ว่าสารประกอบที่อยู่ในเมล็ดกาแฟนั้นมีเยอะมาก ซึ่งแต่ละตัวก็มีประโยชน์กับร่างกายต่างกันออกไป จากการศึกษาเพิ่มยังพบด้วยว่ากรดที่มีในกาแฟนั้นมีส่วนช่วยป้องกันการเกิดโรคเหงือกอักเสบได้ด้วย
• กาแฟแต่ละชนิดมีปริมาณคาเฟอีนไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับชนิดของเมล็ดกาแฟ, วิธีการคั่วและชง ถ้าเป็นชนิดโรบัสต้าที่ส่วนมากนำไปทำกาแฟกระป๋องสำเร็จรูปจะมีปริมาณคาเฟอีนที่เยอะกว่ากาแฟชนิดอะราบิก้า ประมาณ 2.5-3 เท่า (สมัยที่ต้องอยู่เวรหนัก ๆ หมอก็พึ่งกาแฟกระป๋องเซเว่นนี่ล่ะ ตาตื่นเลย)
ซึ่งถ้าเป็นกาแฟกระป๋องเราสามารดูปริมาณคาเฟอีนจากรายละเอียดข้างกระป๋องได้เลยค่ะ ส่วนกาแฟชนิดอะราบิก้า ปริมาณโดยประมาณตามตารางค่ะ
- คาเฟอีน ทำให้เรารู้สึกตื่นตัวเมื่อดื่ม เนื่องจากตัวโครงสร้างของคาเฟอีน มีลักษณะที่คล้ายกับสารสื่อประสาทที่ชื่อว่า “Adenosine” ในสมอง ซึ่งมีคุณสมบัติในการกระตุ้นระบบประสาทและส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย
- ส่วนใหญ่คาเฟอีนจะถูกกำจัดที่ตับ
ผลต่อกาแฟและสุขภาพ
โดยสรุปจากการรีวิวการศึกษาต่าง ๆ ในปัจจุบันนะคะ ซึ่งในการศึกษาจะหมายถึงกาแฟดำเท่านั้น ที่ไม่ได้รวมกาแฟที่มีส่วนประกอบของนมและน้ำตาล
1. การเสียชีวิต
- การดื่มกาแฟปริมาณ 2-4 แก้วต่อวัน (ผลดีที่สุดคือ 3.5 แก้ว/วัน) ลดอัตราการเสียชีวิตจากทุกสาเหตุเมื่อเทียบกับคนที่ไม่ดื่มกาแฟ
2.ระบบหัวใจและหลอดเลือด
- การดื่มกาแฟยิ่งเยอะยิ่งลดการเสียชีวิตจากโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โดยปริมาณ 4-5 แก้วต่อวัน คือความสัมพันธ์ที่พบว่าลดได้มากที่สุด โดยไม่ขึ้นกับว่ากาแฟนั้นเป็นชนิด decaf* หรือไม่ (* decaf คือการที่สกัดสารคาเฟอีนออกจากกาแฟ คำนิยาม decaf ของแต่ละประเทศไม่เท่ากัน แต่ส่วนใหญ่มักจะสกัดออกมากกว่า 97% เหลือคาเฟอีนประมาณ 2 mg เมื่อเทียบกับขนาดปกติคือ 95mg)
- การดื่มกาแฟไม่มีผลต่อการควบคุมความดันโลหิต
- ไม่มีหลักฐานที่แสดงได้ชัดว่าเพิ่มการเกิดภาวะหรือหัวใจเต้นผิดจังหวะ/หัวใจเต้นระริก
- การดื่มกาแฟไม่มีผลต่อระดับไขมันคลอเลสเตอรอลในเลือด (เน้นว่า แน่นอนหมายถึงกาแฟดำ ที่ไม่มีส่วนผสมของนมหรือครีมเทียมค่ะ) แต่ต้องปริมาณที่ไม่เกิน 6 แก้วต่อวันและชงผ่านตัวกรองนะคะ
3.สุขภาพจิต
- มีการวิจัยที่กำลังรอผลการศึกษาพบว่า การดื่มกาแฟอาจจะลดการเกิดภาวะความจำเสื่อมและโรคหลงลืม หรือเรียกภาวะโรคนี้ว่าโรคอัลไซม์เมอร์
- ไม่มีหลักฐานแน่ในเรื่องความสัมพันธ์ของการเกิดภาวะซึมเศร้า
4.เบาหวาน
- การดื่มกาแฟไม่ว่าจะเป็นชนิด decaf หรือปกติ สามารถลดอัตราการเกิดโรคเบาหวานชนิดไม่พึ่งอินซูลินได้
5.มะเร็ง
- การดื่มกาแฟไม่มีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคมะเร็ง
6.โรคตับ
- การการดื่มกาแฟ 2 แก้วต่อวันช่วยชะลอการเกิดภาวะตับแข็งในผู้ป่วยโรคตับ จากการที่กาแฟมีที่ช่วยในการยับยั้งการเกิดผังผืดในตับ
จะเห็นได้ว่าการดื่มกาแฟดำ (เน้นย้ำนะคะว่ากาแฟดำ) ในปริมาณที่พอเหมาะ คือปริมาณ 3-5 แก้วหรือคาเฟอีนประมาณ 300-400 mg ต่อวัน ยังไม่พบว่ามีโทษและอาจจะยังมีประโยชน์ในบางเรื่อง แต่อย่างไรก็ตามการศึกษาหลายอย่างยังมีปัจจัยหลอก และอาจจะมีข้อมูลด้านอื่นในภายหลังเมื่อมีการศึกษาเพิ่มเติม เพราะฉะนั้นเราไม่ควรบริโภคกาแฟมากเกินไป ซึ่งจะส่งผลดีทั้งต่อร่างกายและเงินในกระเป๋าด้วยค่ะ
โดยส่วนตัวถึงแม้ว่ากาแฟจะมีประโยชน์มากมายแต่สำหรับใครที่ไม่เคยดื่มก็ไม่จำเป็นต้องพยายามจะหามาดื่มนะคะ เพราะถ้าเรารับประทานอาหารให้ครบห้าหมู่ พักผ่อนและออกกำลังกายเพียงพอ เท่านี้ร่างกายเราก็จะแข็งแรงห่างไกลจากโรคได้ค่ะ และหมอไม่แนะนำคนที่ตั้งครรภ์ดื่มกาแฟนะคะเพราะคาเฟอีนมีผลต่อการไหลเวียนของทารกในครรภ์ทำให้หัวใจของทารกนั้นเต้นเร็วขึ้นและมีผลต่อการพัฒนาของตัวอ่อนทารกในครรภ์ได้ค่ะ