
อาการของผู้ป่วยที่เป็นโรคไต
อาการของผู้ป่วยที่เป็นโรคไต ด้วยเหตุที่โรคไตมีหลายชนิด อาการของผู้ป่วยจึงมีความแตกต่างกันไป โรคไตบางชนิดพอเริ่มเป็นทั้งๆที่ไตยังไม่เริ่มเสียก็จะมีอาการออกมาให้เห็น เช่น ผู้ป่วยโรคไตอักเสบชนิดเฉียบพลันผู้ป่วยจะมีอาการบวม ปัสสาวะสีน้ำล้างเนื้อ ตรวจปัสสาวะจะพบเม็ดโลหิตแดงและไข่ขาว หากตรวจความดันโลหิตจะพบว่ามีความดันโลหิตสูงผิดปกติ สิ่งเหล่านี้จะแสดงออกมาให้เห็นในระยะแรกๆ ตั้งแต่เริ่มเป็น ในทางตรงกันข้ามหากเป็นโรคไตอักเสบชนิดเรื้อรังก็จะไม่แสดงอาการออกมาให้เห็นเลย โดยผู้ป่วยจะมีความเป็นอยู่ ดำเนินชีวิตเหมือนคนปกติทุกอย่างเป็นเวลาหลายๆ ปี ระหว่างนี้ถ้าผู้ป่วยมาตรวจร่างกาย แพทย์ก็อาจจะไม่พบความผิดปกติใดๆ ทั้งสิ้น ยกเว้นถ้าตรวจปัสสาวะจะพบเม็ดเลือดแดงในปัสสาวะหรือไข่ขาวในปัสสาวะ ดังนั้นเรามักจะได้ยินอยู่เสมอๆว่า ผู้ป่วยบางรายไปสมัครงาหรือเข้าเรียนตามสถาบันต่างๆ ครั้งแรก แพทย์ตรวจร่างกายไม่พบอะไร แต่เมื่อทำการตรวจปัสสาวะก็พบเม็ดเลือดแดงและไข่ขาวเล็กน้อย และได้รับคำวินิจฉัยว่าเป็นโรคไตอักเสบเรื้อรัง เป็นต้น ในทำนองเดียวกัน โรคไตที่เกิดจากภาวะแทรกซ้อนของโรคอื่นๆ เช่น โรคไตที่เกิดจากเบาหวาน โรคไตที่เกิดจากความดันโลหิตสูง โรคไตที่เกิดจากโรคเกาท์ ฯลฯ ส่วนมากจะไม่มีอาการ แม้เข้ารับการตรวจร่างกายโดยแพทย์ในระยะแรกๆ ก็จะไม่พบความผิดปกติส่อแสดงให้เห็นว่ามีโรคไตแต่อย่างใด ดังนั้นจะเห็นได้ว่าโรคไตนั้นค่อนข้างจะซ่อนเร้น ค่อยๆ กำเริบมากขึ้นโดยที่ผู้ป่วยไม่รู้สึกตัวหรือไม่มีอาการ บางครั้งแฝงมากับโรคอื่นอย่างลับๆ บางครั้งตรวจพบโดยบังเอิญจากการตรวจปัสสาวะหรือตรวจเลือด ถ้าเป็นโรคไตชนิดที่ลุกลามหรือเสื่อมลงไปเรื่อยๆ จนในที่สุดการทำงานของไตเหลือเพียงร้อยละ 25 หรือหนึ่งในสี่ของปกติ ผู้ป่วยโรคไตเหล่านั้นจะเริ่มมีอาการแสดงออกมาให้เห็นบ้าง ถ้าการทำงานของไตเสื่อมลงเหลือต่ำกว่าร้อยละ 10 ของปกติ ผู้ป่วยจะมีอาการแสดงออกมาชัดเจนทุกราย ด้วยเหตุที่ไตต้องเสียไปถึงร้อยละ 75 ผู้ป่วยจึงเริ่มมีอาการแสดงออกมาให้เห็นได้ จึงทำให้ผู้ป่วยโรคไตจำนวนมากไม่รู้ตัวว่าเป็นโรคไต เมื่อมีอาการก็มักจะมาพบแพทย์ซึ่งสายเกินไปเสียแล้วเพระไตของผู้ป่วยเสียมากจนเกินความสามารถที่แพทย์จะรักษาให้หายเป็นปกติได้ ดังนั้นโรคไตวายจึงเป็นโรคที่มักจะทำความประหลาดใจให้แก่ผู้ป่วยและญาติมิตรเสมอ เนื่องจากการที่ไม่รู้ตัวมาก่อน จะเห็นได้ว่าโรคไตนั้นไม่ได้มีความยุ่งยากเนื่องจากมีสาเหตุได้หลายร้อยหลายพันสาเหตุเท่านั้น แต่มีความซับซ้อนอันเนื่องมาจากการที่ไตต้องเสียการทำงานไปมากก่อนที่จะเริ่มมีอาการแสดงและก่อนที่จะมาพบแพทย์ ไม่ว่าจะเป็นโรคไตวายชนิดใดก็ตาม เมื่อการทำงานของไตเสียไปกว่าร้อยละ 75 ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการต่างๆให้พอสังเกตได้ ดังนี้ เริ่มจากสภาพทั่วๆไป ผู้ป่วยจะอ่อนเพลีย อ่อนแรง อิดโรย เหนื่อยง่าย ขาดสมาธิ หงุดหงิดง่าย ผู้ป่วยโรคไตบางรายจะซูบลง น้ำหนักลด แต่โรคไตบางชนิดอาจทำให้ผู้ป่วยบวม น้ำหนักมากขึ้น ทางด้านผิวหนัง จะซีด คัน มีจ้ำเลือดเกิดขึ้นง่าย ผิวหนังแตกแห้ง เป็นแผลแล้วหายช้า ผู้ป่วยบางรายจะมีผิวหนังตกสะเก็ดดำคล้ำกว่าปกติ ระบบทางเดินอาหาร จะมีอาการเบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ปากขม ไม่สามารถรับรสอาหารได้ สะอึก ปวดท้อง ท้องเดิน เลือดออกในกระเพาะอาหารหรือลำไส้ เป็นแผลในกระเพาะและลำไส้ ระบบหัวใจและการหายใจ ถ้าไตทำงานได้น้อยลงจนขับปัสสาวะและเกลือแร่ไม่ได้ ผู้ป่วยจะมีอาการบวมทำให้หัวใจทำงานไม่ไหว เหนื่อยง่าย นอนราบแล้วหายใจลำบาก ความดันโลหิตสูง หัวใจโต กล้ามเนื้อหัวใจเสื่อมสภาพ เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ อาจเกิดภาวะน้ำคั่งในเยื่อหุ้มหัวใจ น้ำคั่งในปอด ปอดบวม ทำให้หายใจไม่ออก ไอเป็นเลือด ด้านระบบประสาท สมองและกล้ามเนื้อ ผู้ป่วยจะมีปลายประสาทเสื่อม ทำให้มือเท้าชา กล้ามเนื้อกระตุก เป็นตะคริวและกล้ามเนื้ออ่อนแรง เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ขาดสมาธิ สมองเสื่อม ไม่สามารถคิดและจดจำได้เหมือนปกติ ในที่สุดอาจชักและหมดสติไปได้ ระบบกระดูก แคลเซียมต่ำจะทำให้กระดูกผุกร่อน กระดูกอ่อน เด็กที่มีไตวายจะหยุดเจริญเติบโตแคระแกร็น ระบบทางเดินปัสสาวะ ผู้ป่วยที่มีไตวายระยะแรกๆ ในตอนกลางคืนจะปัสสาวะบ่อยและมีสีจาง จนที่สุดเมื่อไตทำงานเสื่อมลงหรือไม่ทำงานเลย ผู้ป่วยจะมีปัสสาวะออกน้อย ระบบโลหิต เม็ดเลือดแดงน้อยทำให้โลหิตจาง ผู้ป่วยทุกรายเมื่อไตเสื่อมลง จะมีอาการซีด การทำงานของเกล็ดเลือดผิดปกติ เป็นสาเหตุให้มีเลือดออกง่าย เลือดไหลไม่หยุด มีจ้ำเลือดขึ้นตามตัว ระบบภูมิต้านทานโรค ผู้ป่วยโรคไตวายมักจะมีภูมิต้านทานโรคต่ำ เป็นสาเหตุให้ติดเชื้อได้ง่าย ระบบฮอร์โมนอื่นๆ ในร่างกายผู้ป่วยโรคไตวายมักจะมีการทำงานผิดปกติของฮอร์โมนเกือบทุกชนิด ทั้งฮอร์โมนจากต่อมใต้สมอง จากต่อมไธรอยด์ จากต่อมพาราไธรอยด์ จากต่อมหมวกไต ฮอร์โมนจากรังไข่เพศหญิง ทำให้ประจำเดือนผิดปกติ ฮอร์โมนจากลูกอัณฑะในเพศชาย ทำให้เป็นหมันและหมดสมรรถภาพทางเพศ