พลิกชีวิต ฟื้นชีวา…จากโรคไตวาย
เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปแล้วว่า ไตวายเรื้อรังเป็นโรคที่ทั้งทุกข์ทรมานและเสีย ค่าใช้จ่ายสูงในการรักษา จนบางคนถึงกับกล่าวว่า “เป็นไตวายเหมือนตายทั้งเป็น” ความท้อแท้ สับสน จึงเข้ามามีบทบาทในชีวิตของผู้ป่วยและญาติอย่างยากจะหลีกเลี่ยงได้ หลายคนหวังพึ่งปาฏิหาริย์จากแรงบันดาลใจอันเข้มแข็งและมุ่งมั่น เพื่อช่วยพยุงชีพให้สามารถยืนหยัดฟันฝ่าต่อสู้กับโรคร้ายนี้ ในขณะที่หลายคน…ผิดหวัง
แม้เทคโนโลยีทางการแพทย์จะเจริญก้าวหน้าไปมาก สามารถยืดอายุหรือช่วยชะลอการเสื่อมของไตได้ในกรณีตรวจพบตั้งแต่ระยะแรกเริ่ม และการรักษาแต่เนิ่นๆ ยังทุ่นค่าใช้จ่ายมากกว่าการรักษาโรคในระยะสุดท้าย แต่ก็ยังไม่อาจรักษาโรคไตวายเรื้อรังให้หายขาดได้ ประกอบกับโรคนี้จะไม่แสดงอาการผิดปกติใดๆ ในระยะแรก ดังนั้น คนส่วนใหญ่กว่าจะรู้ตัวว่าป่วยเป็นไตวายเรื้อรังจึงมักพบว่าไตเสียไปแล้วถึงร้อยละ 90 ซึ่งในเรื่องนี้แพทย์ได้แนะวิธีป้องกันที่ดีที่สุดไว้ คือ ให้หมั่นตรวจสุขภาพร่างกายอันหมายรวมถึงการตรวจปัสสาวะเป็นประจำอย่างน้อยปีละครั้ง
สิ่งที่ทำให้หลายคนเป็นห่วงและกังวลกันมากก็คือ การเข้าสู่ภาวะไตวายในระยะสุดท้าย ซึ่งเกิดได้จากหลากหลายสาเหตุ เช่น โรคไตที่เกิดจากเนื้อไตอักเสบ (Glomerulonephritis) ไตวายเรื้อรังจากโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูงอุดตันเส้นเลือดที่เลี้ยงไต นิ่ว อุดตันกรวยไตหรือท่อปัสสาวะ การใช้ยาเกินขนาด หรือจากสารเคมี สารพิษ โรคมะเร็ง โรคติดเชื้อ โรคแพ้ภูมิตัวเอง (SLE) โรคเส้นเลือดฝอยอักเสบ (Vasculitis) และโรคถุงน้ำในไตจากกรรมพันธุ์ เป็นต้น การหมั่นดูแลตรวจสุขภาพร่างกายเพื่อค้นหาโรคในเชิงป้องกันเป็นประจำอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอตามที่แพทย์แนะนำ จึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งที่จะช่วยค้นพบโรคไตตั้งแต่ในระยะแรกเริ่ม และสามารถป้องกันไม่ให้เกิดโรคไตวายเรื้อรังจากสาเหตุบางชนิดได้อีกด้วย
เมื่อตรวจพบโรคไตในระยะสุดท้าย สามารถทำการรักษาได้ด้วยวิวัฒนาการทางการแพทย์ที่มีความก้าวหน้าเป็นอย่างสูงในปัจจุบัน โดยนอกจากจะใช้วิธีการล้างช่องท้องด้วยน้ำยา (CAPD) ฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม (Hemodialysis) แล้ว ยังสามารถรักษาได้ด้วยการปลูกถ่ายไต หรือการผ่าตัดเปลี่ยนไต (Kidney Transplantation) ซึ่งถือเป็นการรักษาที่ช่วย
“พลิกชีวิต ฟื้นชีวา”
การปลูกถ่ายไต หรือการผ่าตัดเปลี่ยนไต (Kidney Transplantation) คือ การผ่าตัดนำไต ของผู้บริจาคจากญาติพี่น้องสายตรงหรือไตบริจาคจากผู้ที่เพิ่งเสียชีวิตใหม่ๆ ด้วยอุบัติเหตุ ที่มีกรุ๊ปเลือดตรงกันกับผู้ป่วยที่เป็นโรคไตวายระยะสุดท้ายและมีเนื้อเยื่อในร่างกายที่เข้ากันได้ มาทำการปลูกถ่ายให้กับผู้ป่วยโรคไตวาย ในทางการแพทย์ถือเป็นวิธีการรักษาที่ได้ผลดีที่สุด ซึ่งวงการแพทย์ของไทยในปัจจุบันมีความรู้ความสามารถที่ก้าวหน้าและมีอุปกรณ์ทันสมัยที่ใช้ในการผ่าตัดเปลี่ยนไตได้ทัดเทียมกับต่างประเทศที่เจริญแล้ว เมื่อเปลี่ยนไตได้สำเร็จผู้ป่วยจะมีชีวิตยืนยาวสามารถดำรงชีวิตประกอบอาชีพได้ตามปกติ นอกจากนี้ยังสามารถตั้งครรภ์และมีบุตรได้ ในขณะที่ญาติพ่อแม่พี่น้องผู้บริจาคไต 1 ข้างให้กับผู้ป่วยก็ยังคงมีสุขภาพร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรงเหมือนเดิม โดยไม่มีผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายภายหลังการบริจาคไตแต่อย่างใด
ที่เป็นเช่นนั้นเพราะความจริงแล้วมนุษย์เรามีไตเพียงข้างเดียวก็สามารถรับภาระขจัดของเสียออกจากร่างกายได้อย่างเพียงพอ เช่น บางคนมีไตเพียงข้างเดียวมาตั้งแต่กำเนิด บางคน เกิดนิ่วที่ไต 1 ข้างจนไตเสีย ในขณะที่บางคนประสบอุบัติเหตุรถชน โดนแทง หรือถูกกระสุนปืนยิงเข้าที่ไต ทำให้สูญเสียไตไป 1 ข้าง ก็ยังสามารถดำรงชีวิตได้อย่างมีความสุข สามารถทำมาหาเลี้ยงครอบครัว เป็นที่พึ่งของสมาชิกในครอบครัวได้เป็นอย่างดี การบริจาคไต 1 ข้าง ให้แก่ผู้ป่วยโรค ไตวายเรื้อรัง จึงเท่ากับเป็นการ “พลิกชีวิต ฟื้นชีวา” ให้แก่ทั้งตัวผู้ป่วยและญาติอย่าง น่ายกย่องสรรเสริญ ชีวิตใหม่ของผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังภายหลังการผ่าตัดเปลี่ยนไต โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านโรคไตโดยเฉพาะ จึงมิใช่ “เหมือนตายทั้งเป็น” อีกต่อไป
ผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรัง ให้สามารถกลับมาใช้ชีวิตอย่างคนปกติได้