Knowledge
Solve doubts, increase knowledge to take care of the health of yourself and your family
Metabolic Syndrome โรคที่มากับความอ้วน
Metabolic Syndrome เป็นศัพท์ทางการแพทย์ที่หมายถึง กลุ่มอาการของโรคที่เกี่ยวข้องและมีสาเหตุมาจากความอ้วนซึ่งมีมูลเหตุมาจากการเผาผลาญอาหารที่ผิดปกติ (Metabolism) ซึ่งนำไปสู่โรคไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง และภาวะดื้ออินซูลินในที่สุดจะก่อให้เกิดโรคไขมันอุเตันหลอดเลือด (Atherosclorosis)ซึ่งนำพาไปสู่การเสียชีวิต สมัยก่อนทางการแพทย์เรียกโรคนี้ว่า Syndrome X และ Insulin Resistane Syndrome แต่ในปัจจุบัน Metabolic Syndrome เป็นคำที่นิยมและสะท้อนถึงสาเหตุและอาการของโรคได้ดีที่สุด อาการของโรค Metabolic Syndrome จะก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพ ไตจะขับเกลือออกได้น้อยลงทำให้เกิดความดันโลหิตสูง ไขมันไตรกลีเซอไรด์ที่สูงเป็นปัจจัยเสี่ยงของการเกิดหลอดเลือดแดงตีบ ทำให้ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด อัมพฤกษ์ หรืออัมพาต และยังเพิ่มโอกาสให้เป็นโรคเบาหวานได้ง่าย ความน่ากลัวของโรค Metabolic Syndrome คือ
โรคหัวใจ ไม่น่ากลัว.. อยู่ที่ตัว.. ที่คุณทำ
โรคหัวใจไม่น่ากลัว…อยู่ที่ตัว…ที่คุณทำ You are what you eat, what you do สิ่งที่เกิดกับตัวเรานั้นเกิดเนื่องจากพฤติกรรมหรือการกระทำของตัวเราเอง โรคต่างๆก็เช่นกัน โดยเฉพาะในกลุ่มของโรคเรื้อรังที่ไม่ติดต่อเช่น โรคหัวใจ เบาหวาน อ้วน ไขมันสูง ความดันโลหิตสูง โรคเหล่านี้มักจะเกิดร่วมกันพร้อมๆกันในกลุ่มคนที่ไม่ดูแลตัวเองมีพฤติกรรมการดำรงชีวิตที่ไม่ถูกต้อง มีชีวิตที่เร่งรีบทำงานแข่งกับเวลาตลอด ทานอาหารเร่งรีบโดยไม่คำนึงถึงชนิดหรือจะทานให้ครบทุกหมวดหมู่ ทานอาหารเนื่องจากอิ่มอร่อยความอยาก เพื่อชดเชยกับความเหนื่อยความเครียด ทำงานมากพักผ่อนน้อย เหล่านี้เป็นการสร้างพฤติกรรมการดำรงชีวิตที่ไม่ถูกสุขลักษณะ นำไปสู่ภาวะการเกิดโรคหัวใจรวมและโรคในกลุ่มนี้ ดังนั้นถ้าทุกคนดูแลรักษาตนดี ทานพอควร ออกกำลังกายประจำ พักผ่อนให้พอดี โอกาสที่จะเกิดโรคหัวใจและโรคกลุ่มนี้ก็น้อยลง เป็นการป้องกันตนเองก่อนที่จะเกิดโรค แต่ถ้าเกิดโรคขึ้นแล้ว การทานยาประจำ และการผ่าตัดทำบอลลูนขยายเส้นเลือดที่ตีบเป็นการรักษาตามอาการไม่ได้ทำให้หายขาดจากโรค การแก้ไขดังกล่าวเป็นการแก้ไขเพียงส่วนเล็กน้อย ไม่ได้แก้ไขส่วนอื่นของเส้นเลือดที่ยาวมากมายที่มีอยู่ทั่วตัวเรา ดังนั้นถ้าคงดำเนินหรือมีพฤติกรรมการการดำรงชีวิตเหมือนเดิมอีกในไม่ช้าโรคเก็จะกลับมาเยือน ต้องทำการแก้ไขอีก
การผ่าตัดเอามดลูกที่มีพยาธิสภาพผิดปกติออก ด้วยกล้องส่องช่องท้อง
การผ่าตัดเอามดลูกที่มี พยาธิสภาพผิดปกติออกด้วยกล้องส่องช่องท้องTotal Laparoscopic Hysterectomy (TLH) ศาสตราจารย์นายแพทย์ แสงชัย พฤทธิพันธุ์-แพทยศาสตรบัณฑิต คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล- Diploma Thai Board of Obstetrics & Gynecology- Diplomate Thai sub-board of Reproductive Medicine- Certificate in Assisted Reproduction and Endoscopic surgery,- Faculty
เรื่องควรรู้ก่อนการเสริมจมูก
การเสริมจมูกเป็นผ่าตัดเสริมสวยที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในชาวไทยเนื่องจากธรรมชาติของเรามักจะมีดั้งจมูกที่ค่อนข้างต่ำและมักมีปัญหาปลายจมูกไม่ได้รูปทรงที่เด่นชัด ซึ่งอาจมีทั้งปลายจมูกแบนหรือค่อนข้างกว้างขวาง รวมถึงปัญหาปีกจมูกที่ค่อนข้างกว้าง ดังนั้นการผ่าตัดเสริมจมูกจำเป็นต้องวิเคราะห์รูปทรงของจมูกโดยดูความสัมพันธ์กับส่วนอื่นของใบหน้า เช่น ดวงตา ปาก คางด้วยเสมอเพื่อให้การทำศัลยกรรมได้ผลบออกมาเป็นที่น่าพอใจและรับกับใบหน้าของแต่ละคน ซึ่งการพิจารณาของศัลยแพทย์ปกติจะเริ่มวิเคราะห์ตั้งแต่ส่วนบนสุดถึงล่างดังต่อไปนี้ 1.ส่วนของสันจมูกหรือที่เรียกว่าดั้งจมูกซึ่งเรื่มตั้งแต่บริเวณระหว่างดวงตาทั้งสองข้าง ปกติแล้วสันจมูกจะต้องเรื่มทำมุมจากหน้าผากออกมาตั้งแต่แนวของกึ่งกลางของตาดำทั้งสองข้างออกมาอย่างกลมกลืนการเสริมจมูกบริเวณนี้ต้องหลีกเลี่ยงการเสริมให้ดูลอยโด่งออกมาเป็นลักษณะของสันเขื่อนเพราะจะทำให้ดูผิดธรรมชาติในคนเอเชียการเสริมบริเวณดั้งนิยมใช้ซิลิโคนเนื่องจากควบคุมทรงได้ง่าย แต่หากต้องการความปลอดภัยและเป็นธรรมชาติ ศัลยแพทย์อาจแนะนำให้ใช้กระดูกอ่อนหรือส่วนของไขมันของเราเอง เนื่องจากไม่ต้องกลัวว่าจะมีปัญหาในอนาคต ส่วนการเสริมดั้งจมูกด้วยการใช้ฟิลเลอร์นั้นก็ทำได้เช่นกัน แต่มีข้อเสียคือการควบคุมรูปทรงยาก ไม่อยู่ถาวรและมีโอกาสเกิดผลแทรกซ้อนที่รุนแรงเข้าเส้นเลือดบริเวณรอบดวงตา 2.บริเวณปลายจมูก เป็นบริเวณที่ท้าทายและทำยากที่สุด หากต้องการความเป็นธรรมชาติและไม่ให้คนทราบว่าเสริมจมูกมา ซึ่งศัลยแพทย์ต้องวิเคราะห์ดูรูปทรงของปลายจมูกซึ่งนิยมให้มีลักษณะคล้ายหยดน้ำ ปละมีส่วนปลายที่เชิดพอดีไม่สั้นและไม่งุ้มจนเกินไป ความสูงของปลายจมูกต้องรับกับบริเวณดั้งจมูกและริมฝีปากและทำมุมพอดีกับริมฝีปาก ความกว้างของปลายจมูกต้องสมดุลกับใบหน้าพอดีเพื่อให้ดูเด่นและสวยงาม 3. ส่วนของปีกจมูก เป็นส่วนที่ทำให้จมูกดูกว้างหรือพอดี โดยมากถ้าเราลากเส้นตั้งฉากจากขอบในของตาดำลงมาทั้งสองข้างความกว้างของจมูกไม่ควรกว้างเกินเส้นสมมติเส้นนี้ แต่แน่นอนต้องขึ้นกับความกว้างและลักษณะของใบหน้าด้วย หากปีกจมูกกว้างเกินไปอาจทำให้ดูเหมือนคนจมูกบาน ซึ่งอาจต้องทำการตัดปีกจมูกซึ่งมีวิธีมากมายหลายวิธีด้วยกัน แต่เนื่องจากคนเอเชียเรามีผิวที่เกิดแผลเป็นง่ายจึงนิยมซ่อนแผลเป็นไว้ภายในจมูกมากกว่าการผ่าตัดที่ขอบจมูกด้านนอก ทั้งนี้ศัลยแพทย์จำเป็นต้องตรวจดูการหายใจและโพรงจมูกก่อนเสมอว่ามีการอุดตันหรือไม่เพื่อแก้ไขก่อนจะพิจารณาตัดปีกจมูกซึ่งมักจะทำให้รูจมูกแคบลง 4. ลักษณะของผิวบริเวณจมูก ว่ามีลักษณะบางหรือหนาแค่ไหนและมีความยืดหยุ่นมากน้อยเพียงใด
RSV ไวรัสวายร้าย มากับสายฝน
……. อดทนเวลาที่ฝนพรำ..อย่างน้อยก็ทำให้เราได้เห็นถึงความแตกต่าง พอเข้าสู่ฤดูฝนโดยเฉพาะช่วงปลายฝนต้นหนาวหรือระหว่างเดือนสิงหาคม – ตุลาคม เด็ก ๆ มักจะป่วยและมาหาป้าหมอที่โรงพยาบาลบ่อย เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงและมักจะรับเชื้อโรคได้ง่าย โดยเฉพาะไวรัส RSV ที่มีอาการคล้ายไข้หวัดแต่ส่งผลรุนแรง ถึงขั้นปอดอักเสบติดเชื้อได้ค่ะ คุณแม่ ๆ หลายคนอาจจะเคยมีประสบการณ์ที่ลูกติดเชื้อ RSVหรืออาจจะเคยได้ยินชื่อนี้มาจากคุณครู หรือ คุณหมอที่ดูแล แล้วเชื้อ RSV นี้เป็นอย่างไร ทำไมป้าหมอถึงเรียกว่า เป็นไวรัสวายร้าย ถ้าพร้อมแล้ว มาทำความรู้จักกับเชื้อ RSV ไปพร้อม ๆ กันค่ะ RSV ไวรัส คืออะไร RSV (Respiratory Syncytial Virus) จริง ๆ แล้วเป็นเชื้อไวรัสที่ทำให้ทางเดินหายใจอักเสบในผู้ป่วยทุกช่วงอายุ แต่อาการจะเป็นมากในช่วงวัยเด็ก โดยเฉพาะเด็กอายุน้อยตั้งแต่ วัยแรกเกิด จนถึงช่วงวัยเข้า nursery ค่ะ
คำถามจากงานสัมมนา “ภูมิแพ้…โรคฮิตคนเมือง”
1.ภูมิแพ้เหงื่อตนเอง จะเป็นเมื่อถูกแดด และอากาศร้อน มีวิธีรักษาหายหรือไม่ ? ตอบ มีวิธีรักษาค่ะ แต่ต้องมาตรวจเพิ่มเติมก่อนว่าเป็นผื่นภูมิแพ้แบบไหน 2. เคยถูกน้ำร้อนลวกที่มือ ได้ประมาณ 1 เดือน ต่อจากนั้นบริเวณรอบข้างจะเป็นผื่นทั้งมือ และลามไปทั้งตัวยกเว้นหน้า และลำตัว จากนั้นผิวที่ถูกน้ำร้อนลวกจะแพ้ทุกสิ่ง ไม่ว่าจะเป็น สบู่ น้ำยาล้างจาน แสบและลักษณะจะเป็นตุ่มแดงใส ทั้งหมดนี้เรียกว่าภูมิแพ้หรือไม่ ? ตอบ น่าจะเป็นลักษณะของผื่นแพ้สัมผัสค่ะ เนื่องจากผิวหนังที่เคยถูกน้ำร้อนลวกอ่อนแอลง ทำให้สารระคายเคืองต่างๆกระตุ้นให้เกิดการอักเสบของผิวได้มากขึ้นค่ะ
โรคการกดทับเส้นประสาทบริเวณข้อมือ
Carpal Tunnel Syndrome หรือเรียกย่อๆว่า CTS เป็นโรคที่พบได้บ่อยในกลุ่มคนอายุประมาณ 30 ปีขึ้นไป มักพบในคนวัยทำงานที่ใช้มือในการทำงานมากๆ เช่น การขับรถนานๆ กวาดบ้าน ซักผ้า ใช้คอมพิวเตอร์ เล่นเกมส์ ใช้โทรศัพท์ ผู้ป่วยบางรายจะกังวลและมีความเข้าใจผิดว่าเป็นภาวะจากเส้นเลือดในสมองตีบ ทำให้มีคำถามตามมาอีกว่าเอาการเหล่านี้เกิดจากอะไร มีผลกระทบร้ายแรงหรือไม่ หายขาดได้หรือไม่ อาการ โดยส่วนใหญ่ผู้ป่วยมักมีอาการชาบริเวณปลายนิ้วมือ ส่วนใหญ่อาการมักจะเป็นๆหายๆ ที่ปลายนิ้วโป้ง นิ้วชี้ นิ้วกลาง โดยอาการมักจะเป็นหลังตื่นนอนหรือผู้ป่วยในบางรายอาจมีอาการปวดร่วมด้วย ในกรณีที่เป็นมากอาจจะมีอาการชามือทั้งวัน ชาทั้งมือ อาการอ่อนแรงของมือ หยิบจับของลำบาก กล้ามเนื้อในฝ่ามือลีบ