Knowledge
Solve doubts, increase knowledge to take care of the health of yourself and your family
กระดูกและข้อ โรคที่ต้องดูแลตั้งแต่วัยรุ่น
กระดูกและข้อ โรคที่ต้องดูแลตั้งแต่วัยรุ่น ความเสื่อมของกลุ่มเนื้อเยื่อกระดูกและข้อ อาจเกิดขึ้นตั้งแต่วัย 30 ปีต้นๆ แต่กว่าจะปรากฏอาการก็ต้องใช้เวลาอีกระยะ เราจะนิยามเป็นโรคก็ต่อเมื่ออาการเกิดขึ้น เมื่อกระบวนการเสริมสร้างซ่อมแซมน้อยกว่ากระบวนการทำลาย อาการเริ่มแรกของข้อเสื่อมคืออาการข้อฝืดหรือติดขัด ในระยะหลังๆ จึงมีอาการปวดและบวมผิดรูป ส่วนในการเสื่อมของกระดูกบางเนื่องจากมวลกระดูกลดลงเรื่อยๆ ซึ่งไม่มีอาการ แต่จะแสดงอาการเมื่อกระดูกหักเอง หรือหักง่ายในวัยชรา อาการปวดกระดูกและข้อ อาจจะเกิดจากการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อที่สะสมเรื้อรัง ซึ่งมักเกิดจากการสะสมความเครียด และการใช้งานที่ไม่ถูกต้อง พบบ่อยในผู้ที่ทำงานออฟฟิศและไม่ดูแลตัวเอง ถือเป็นส่วนสำคัญของโรคออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) สาเหตุการเกิดโรค ในส่วนของเนื้อกระดูก เกิดจาภาวะขาดสมดุลของแคลเซียมทีละน้อยเป็นเวลานาน ปัจจัยที่ทำให้เกิดมากขึ้นได้แก่ ภาวะเป็นกรด เช่น การดื่มน้ำอัดลม ชา กาแฟ สูบบุหรี่ และรับประทานเนื้อสัตว์ที่มีโซเดียมมากเกินไป ส่วนที่ข้อนั้นปัจจัยที่ทำให้เกิดการเสื่อมมากขึ้นได้แก่ การใช้งานหนักเกินไป
สมองเสื่อม ออกกำลังกายสมองช่วยได้
สมองเสื่อมเป็นโรคที่เกิดขึ้นจากความเสื่อมของร่างกาย โดยปกติคนวัยนี้จะมีโรคประจำตัวบ้าง เช่น เบาหวาน ความดัน ไขมัน บางทีก็มีเส้นเลือดในสมองที่เปลี่ยนไป เส้นเลือดอุดตันเลือดเลี้ยงไม่พอ สมองก็จะทำงานไม่ได้ดีเท่าเดิม สมองเสื่อม ไม่ใช่จำไม่ได้ แต่เป็น ความคิดและอารมณ์ ด้วย จึงแสดงออกมาด้วยอาการซึมเศร้าก็มี เพราะสมองที่เสื่อมเป็นส่วนของการแสดงอารมณ์ ขณะที่คนปกติ สมองก็จะเสื่อมไปตามวัยอยู่แล้ว แต่ผู้สูงอายุจะมีความเสื่อมมากกว่าคนทั่วไป ทั้งความเสื่อมตามธรรมชาติ และอาการเจ็บป่วยตามช่วงวัย ข้อบ่งชี้การเกิดโรค สมองเสื่อมเป็นโรคที่แสดงการบ่งชี้ได้หลายแบบ เช่น อาการอารมณ์แปรปรวน ความคิดไม่เฉียบแหลมเท่าเดิม สมองที่ไม่ดีเท่าเดิม ก็จะเสียความมั่นใจไป ส่งผลให้เกิดโรคซึมเศร้าได้ หรือความจำไม่ดี หลงหลงลืมลืม อาการเหล่านี้ส่วนใหญ่ญาติจะพามา สามีภรรยาพามา เพราะเขาผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด ถ้าเป็นมากๆ
สุขภาพจิตเติมเต็มได้ด้วยการออกกำลังกาย
ปัญหาสุขภาพจิต และสมองเสื่อม เป็นหนึ่งในอาการทางจิตของคนในวัยสูงอายุ ซึ่งสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากสภาพความเสื่อมของร่างกายและความเครียดในการใช้ชีวิต ส่งผลให้เกิดอาการทางจิตต่างๆ ตั้งแต่ อาการระยะแรกเริ่ม คือ ความเครียด กระวนกระวาย ซึมเศร้า จนถึงขั้นเป็นโรคจิตแบบสมบูรณ์แบบ ซึ่งกลุ่มอาการเหล่านี้เป็นกลุ่มอาการที่เกิดกับวัยทำงานเช่นกัน แต่ด้วยสภาวะความเครียดที่น้อยกว่า การผ่อนคลาย และสภาพร่างกายที่สมบูรณ์ทำให้อาการเหล่านั้นไม่แสดงออกมา จนเมื่ออายุมากขึ้น สารเคมีในสมองผิดปกติ อาการเครียดแบบเดิมๆ ก็ส่งผลให้เกิดความเครียดจนนำไปสู่อาการทางจิตได้ ขณะที่วัยสูงอายุ ยังมีสาเหตุที่กระทบกระเทือนจิตใจได้มาก เช่น การจากไปของคนใกล้ชิดหรือคนในครอบครัว ก็ทำให้เกิดความเครียดที่นำไปสู่อาการทางจิตได้ในที่สุด ข้อบ่งชี้การเกิดโรค อาการทางจิตสามารถสังเกตได้ง่ายโดยคนรอบข้าง จากความเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ เช่น อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย ร้องไห้ง่าย อาการต่างๆเหล่านี้จะเป็นการแสดงออกที่ผิดปกติไปจากนิสัยเดิมๆ นอกจาก 2
โรคไต ภัยเงียบใกล้ตัว
โรคไต หรือ โรคที่ผิดปกติทางไต เป็นหนึ่งในโรคร้ายที่มีอัตราผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ตามอัตราการเพิ่มขึ้นของ Metabolic Syndrome ที่เป็นสาเหตุของโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ อัมพาต โรคอ้วน และโรคไขมันอุดตันเส้นเลือด ซึ่งทุกโรคมีผลกระทบโดนตรงต่อไตและเป็นบ่อเกิดของโรคไตวายในที่สุด สาเหตุของการเกิดโรค สาเหตุการเกิดโรคไตมีมากมาย แต่สาเหตุที่พบมากที่สุดมี 7 กลุ่ม ได้แก่ 1.โรคเบาหวาน น้ำตาลในเลือดสูงนานๆ จะทำให้เส้นเลือดในร่างกายเสียไป2.โรคความดันโลหิตสูง ความดันสูงนานๆ ทำให้เส้นเลือดที่ไตเสีย ในที่สุดก็เป็นโรคไตวาย3.การอักเสบของไต ร่างกายสร้างภูมิต้านทานที่ผิดปกติทำลายไต ทำให้เกิดไตวาย 4.เป็นนิ่วอุดตัน โรคเก๊าท์5.เส้นเลือดอักเสบบางชนิด และไขมันอุดตันเส้นเลือดก็ทำให้ไตเสียได้6.ติดเชื้อทำให้ไตอักเสบนานๆ7.ยาและสารเคมีบางชนิดทำให้ไตเสีย การดูแลป้องกัน การดูแลป้องกันโรคที่เกี่ยวกับไตนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร เช่น เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ ลดอาหารไขมันสูง ลดอาหารจำพวกแป้ง
มะเร็ง โรคที่ใครก็ไม่อยากเจอ
มะเร็งโรคที่ใครก็ไม่อยากเจอ มะเร็ง หรือ เนื้องอกร้าย เกิดจากการเจริญเติบโตที่ผิดปกติของเซลล์ในร่างกาย กล่าวคือจะมีการแบ่งตัวของเซลล์อย่างควบคุมไม่ได้จนกลายเป็นก้อนเนื้อร้ายที่มีขนาดใหญ่ขึ้นจนส่งผลกระทบต่อการทำงานของอวัยวะในส่วนต่างๆ ของร่างกาย ตามตำแหน่งที่เกิดการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง ความผิดปกติของเซลล์มะเร็งนั้น อาจจะเกิดขึ้ในส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายโดยที่ผู้ป่วยไม่รู้ตัว จนกระทั่งก้อนมะเร็งใหญ่ขึ้นและแสดงอาการพื้นฐาน และอาการบกพร่องของอวัยวะนั้นๆ เช่น น้ำหนักตัวลดผิดปกติ ระบบการทำงานผิดปกติไปจากเดิม ชนิดของมะเร็งแบ่งประเภทได้ 5 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ 1.Carcinoma มะเร็งที่เกิดจากความผิดปกติของเซลล์เยื่อบุต่างๆ พบมะเร็งชนิดนี้ได้กว่า 85% และผู้สูงอายุมักจะเป็นมะเร็งชนิดนี้มากที่สุด2.Sarcoma มะเร็งที่เกิดจากเนื้อเยื่อของร่างกาย เช่น ไขมัน กล้ามเนื้อ3.Lymphoma มะเร็งที่พัฒนาขึ้นจากต่อมน้ำเหลือง4.Leukemias มะเร็งที่เกิดจากความผิดปกติของเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดในไขกระดูก5.Melanoma มะเร็งที่เกิดจากความผิดปกติของเซลล์เม็ดสีที่ผิวหนัง สาเหตุการเกิดโรค 90% ของสาเหตุการเกิดโรคมะเร็งเนื่องมาจากปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม เช่น วิถีการดำเนินชีวิต ปัจจัยทางเศรษฐกิจและมลพิษ
Metabolic Syndrome โรคที่มากับความอ้วน
Metabolic Syndrome เป็นศัพท์ทางการแพทย์ที่หมายถึง กลุ่มอาการของโรคที่เกี่ยวข้องและมีสาเหตุมาจากความอ้วนซึ่งมีมูลเหตุมาจากการเผาผลาญอาหารที่ผิดปกติ (Metabolism) ซึ่งนำไปสู่โรคไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง และภาวะดื้ออินซูลินในที่สุดจะก่อให้เกิดโรคไขมันอุเตันหลอดเลือด (Atherosclorosis)ซึ่งนำพาไปสู่การเสียชีวิต สมัยก่อนทางการแพทย์เรียกโรคนี้ว่า Syndrome X และ Insulin Resistane Syndrome แต่ในปัจจุบัน Metabolic Syndrome เป็นคำที่นิยมและสะท้อนถึงสาเหตุและอาการของโรคได้ดีที่สุด อาการของโรค Metabolic Syndrome จะก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพ ไตจะขับเกลือออกได้น้อยลงทำให้เกิดความดันโลหิตสูง ไขมันไตรกลีเซอไรด์ที่สูงเป็นปัจจัยเสี่ยงของการเกิดหลอดเลือดแดงตีบ ทำให้ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด อัมพฤกษ์ หรืออัมพาต และยังเพิ่มโอกาสให้เป็นโรคเบาหวานได้ง่าย ความน่ากลัวของโรค Metabolic Syndrome คือ
โรคหัวใจ ไม่น่ากลัว.. อยู่ที่ตัว.. ที่คุณทำ
โรคหัวใจไม่น่ากลัว…อยู่ที่ตัว…ที่คุณทำ You are what you eat, what you do สิ่งที่เกิดกับตัวเรานั้นเกิดเนื่องจากพฤติกรรมหรือการกระทำของตัวเราเอง โรคต่างๆก็เช่นกัน โดยเฉพาะในกลุ่มของโรคเรื้อรังที่ไม่ติดต่อเช่น โรคหัวใจ เบาหวาน อ้วน ไขมันสูง ความดันโลหิตสูง โรคเหล่านี้มักจะเกิดร่วมกันพร้อมๆกันในกลุ่มคนที่ไม่ดูแลตัวเองมีพฤติกรรมการดำรงชีวิตที่ไม่ถูกต้อง มีชีวิตที่เร่งรีบทำงานแข่งกับเวลาตลอด ทานอาหารเร่งรีบโดยไม่คำนึงถึงชนิดหรือจะทานให้ครบทุกหมวดหมู่ ทานอาหารเนื่องจากอิ่มอร่อยความอยาก เพื่อชดเชยกับความเหนื่อยความเครียด ทำงานมากพักผ่อนน้อย เหล่านี้เป็นการสร้างพฤติกรรมการดำรงชีวิตที่ไม่ถูกสุขลักษณะ นำไปสู่ภาวะการเกิดโรคหัวใจรวมและโรคในกลุ่มนี้ ดังนั้นถ้าทุกคนดูแลรักษาตนดี ทานพอควร ออกกำลังกายประจำ พักผ่อนให้พอดี โอกาสที่จะเกิดโรคหัวใจและโรคกลุ่มนี้ก็น้อยลง เป็นการป้องกันตนเองก่อนที่จะเกิดโรค แต่ถ้าเกิดโรคขึ้นแล้ว การทานยาประจำ และการผ่าตัดทำบอลลูนขยายเส้นเลือดที่ตีบเป็นการรักษาตามอาการไม่ได้ทำให้หายขาดจากโรค การแก้ไขดังกล่าวเป็นการแก้ไขเพียงส่วนเล็กน้อย ไม่ได้แก้ไขส่วนอื่นของเส้นเลือดที่ยาวมากมายที่มีอยู่ทั่วตัวเรา ดังนั้นถ้าคงดำเนินหรือมีพฤติกรรมการการดำรงชีวิตเหมือนเดิมอีกในไม่ช้าโรคเก็จะกลับมาเยือน ต้องทำการแก้ไขอีก
การผ่าตัดเอามดลูกที่มีพยาธิสภาพผิดปกติออก ด้วยกล้องส่องช่องท้อง
การผ่าตัดเอามดลูกที่มี พยาธิสภาพผิดปกติออกด้วยกล้องส่องช่องท้องTotal Laparoscopic Hysterectomy (TLH) ศาสตราจารย์นายแพทย์ แสงชัย พฤทธิพันธุ์-แพทยศาสตรบัณฑิต คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล- Diploma Thai Board of Obstetrics & Gynecology- Diplomate Thai sub-board of Reproductive Medicine- Certificate in Assisted Reproduction and Endoscopic surgery,- Faculty
เรื่องควรรู้ก่อนการเสริมจมูก
การเสริมจมูกเป็นผ่าตัดเสริมสวยที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในชาวไทยเนื่องจากธรรมชาติของเรามักจะมีดั้งจมูกที่ค่อนข้างต่ำและมักมีปัญหาปลายจมูกไม่ได้รูปทรงที่เด่นชัด ซึ่งอาจมีทั้งปลายจมูกแบนหรือค่อนข้างกว้างขวาง รวมถึงปัญหาปีกจมูกที่ค่อนข้างกว้าง ดังนั้นการผ่าตัดเสริมจมูกจำเป็นต้องวิเคราะห์รูปทรงของจมูกโดยดูความสัมพันธ์กับส่วนอื่นของใบหน้า เช่น ดวงตา ปาก คางด้วยเสมอเพื่อให้การทำศัลยกรรมได้ผลบออกมาเป็นที่น่าพอใจและรับกับใบหน้าของแต่ละคน ซึ่งการพิจารณาของศัลยแพทย์ปกติจะเริ่มวิเคราะห์ตั้งแต่ส่วนบนสุดถึงล่างดังต่อไปนี้ 1.ส่วนของสันจมูกหรือที่เรียกว่าดั้งจมูกซึ่งเรื่มตั้งแต่บริเวณระหว่างดวงตาทั้งสองข้าง ปกติแล้วสันจมูกจะต้องเรื่มทำมุมจากหน้าผากออกมาตั้งแต่แนวของกึ่งกลางของตาดำทั้งสองข้างออกมาอย่างกลมกลืนการเสริมจมูกบริเวณนี้ต้องหลีกเลี่ยงการเสริมให้ดูลอยโด่งออกมาเป็นลักษณะของสันเขื่อนเพราะจะทำให้ดูผิดธรรมชาติในคนเอเชียการเสริมบริเวณดั้งนิยมใช้ซิลิโคนเนื่องจากควบคุมทรงได้ง่าย แต่หากต้องการความปลอดภัยและเป็นธรรมชาติ ศัลยแพทย์อาจแนะนำให้ใช้กระดูกอ่อนหรือส่วนของไขมันของเราเอง เนื่องจากไม่ต้องกลัวว่าจะมีปัญหาในอนาคต ส่วนการเสริมดั้งจมูกด้วยการใช้ฟิลเลอร์นั้นก็ทำได้เช่นกัน แต่มีข้อเสียคือการควบคุมรูปทรงยาก ไม่อยู่ถาวรและมีโอกาสเกิดผลแทรกซ้อนที่รุนแรงเข้าเส้นเลือดบริเวณรอบดวงตา 2.บริเวณปลายจมูก เป็นบริเวณที่ท้าทายและทำยากที่สุด หากต้องการความเป็นธรรมชาติและไม่ให้คนทราบว่าเสริมจมูกมา ซึ่งศัลยแพทย์ต้องวิเคราะห์ดูรูปทรงของปลายจมูกซึ่งนิยมให้มีลักษณะคล้ายหยดน้ำ ปละมีส่วนปลายที่เชิดพอดีไม่สั้นและไม่งุ้มจนเกินไป ความสูงของปลายจมูกต้องรับกับบริเวณดั้งจมูกและริมฝีปากและทำมุมพอดีกับริมฝีปาก ความกว้างของปลายจมูกต้องสมดุลกับใบหน้าพอดีเพื่อให้ดูเด่นและสวยงาม 3. ส่วนของปีกจมูก เป็นส่วนที่ทำให้จมูกดูกว้างหรือพอดี โดยมากถ้าเราลากเส้นตั้งฉากจากขอบในของตาดำลงมาทั้งสองข้างความกว้างของจมูกไม่ควรกว้างเกินเส้นสมมติเส้นนี้ แต่แน่นอนต้องขึ้นกับความกว้างและลักษณะของใบหน้าด้วย หากปีกจมูกกว้างเกินไปอาจทำให้ดูเหมือนคนจมูกบาน ซึ่งอาจต้องทำการตัดปีกจมูกซึ่งมีวิธีมากมายหลายวิธีด้วยกัน แต่เนื่องจากคนเอเชียเรามีผิวที่เกิดแผลเป็นง่ายจึงนิยมซ่อนแผลเป็นไว้ภายในจมูกมากกว่าการผ่าตัดที่ขอบจมูกด้านนอก ทั้งนี้ศัลยแพทย์จำเป็นต้องตรวจดูการหายใจและโพรงจมูกก่อนเสมอว่ามีการอุดตันหรือไม่เพื่อแก้ไขก่อนจะพิจารณาตัดปีกจมูกซึ่งมักจะทำให้รูจมูกแคบลง 4. ลักษณะของผิวบริเวณจมูก ว่ามีลักษณะบางหรือหนาแค่ไหนและมีความยืดหยุ่นมากน้อยเพียงใด