โรคมะเร็งปอดเกิดจากอะไร ?
มะเร็งปอด เกิดจากเซลล์เนื้อเยื่อบุผิวของปอดเจริญเติบโตผิดปกติอย่างรวดเร็ว จนไม่สามารถควบคุมได้ และเกิดเป็นก้อนเนื้อร้ายในที่สุด โดยเนื้อร้ายนี้สามารถลุกลามและกระจายไปอวัยวะอื่น ๆ ได้ ซึ่งส่วนใหญ่จะไม่แสดงอาการในระยะเริ่มแรก กว่าผู้ป่วยจะรู้ตัวก็มักจะอยู่ในระยะโรคที่รุนแรงแล้ว
โดยปัจจุบันยังไม่สามารถบอกถึงสาเหตุของมะเร็งปอดได้ชัดเจนนัก แต่มีปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็งปอด ได้แก่
- การสูบบุหรี่ ทั้งผู้ที่สูบบุหรี่เอง และผู้ใกล้ชิดที่ได้รับควันบุหรี่ หรือที่เรียกว่า “ควันบุหรี่มือสอง” การสูบบุหรี่เป็นปัจจัยหลัก 80-90% เพราะในบุหรี่เต็มไปด้วยสารก่อมะเร็ง เมื่อสูดควันเข้าไปสารเหล่านี้จะเข้าไปทำลายเนื้อเยื่อในปอดโดยตรงทำให้เกิดความเสียหายต่อเซลล์ และเกิดเป็นมะเร็งในที่สุด โดยคนที่สูบบุหรี่ 1 ซองต่อวันเป็นเวลา 20 ปี จะมีความเสี่ยงที่จะเกิดมะเร็งปอดเพิ่มขึ้น 8 – 20 เท่า
- สารพิษและมลภาวะในสิ่งแวดล้อม เช่น
- สารแอสเบสตอส (asbestos) หรือแร่ใยหิน ที่ถูกนํามาใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตวัสดุก่อสร้าง (กระเบื้องมุงหลังคา กระเบื้องแผ่นเรียบ ฝ้าเพดาน) อุตสาหกรรมการผลิตท่อน้ำซีเมนต์ กระเบื้องยางไวนิลปูพื้น ผ้าเบรก ฉนวนกันความร้อน และ อุตสาหกรรมสิ่งทอ แร่ใยหินเป็นสารที่ทำให้เกิดมะเร็งปอดได้ โดยผู้ที่ทำงานในโรงงานที่มีการใช้แร่ใยหินจะมีโอกาสเป็นมะเร็งปอดมากกว่าคนปกติถึง 7 เท่า
- ก๊าซเรดอน (radon) เป็นก๊าซสารกัมมันตภาพรังสีที่เกิดจากการสลายตัวของเรเดียมหรือยูเรเนียม พบได้ในอาคารหรือสิ่งก่อสร้างซึ่งมักมีดิน หิน หรือทรายที่มีแร่เรเดียมเจือปนมา
- สารเคมีอื่น ๆ เช่น สารหนู ถ่านหิน ที่ผู้ป่วยมักได้รับจากการประกอบอาชีพที่เกี่ยวกับโรงงานอุตสาหกรรม หรือสารพิษจากมลภาวะที่มาจากท่อไอเสียของยานพาหนะ
- ฝุ่น PM 2.5 หรือฝุ่นละอองจิ๋วขนาดเล็กที่มีขนาดโมเลกุลเล็กเพียง 2.5 ไมครอน ที่ไม่สามารถมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า โดยฝุ่น PM 2.5 จะเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งปอดมากขึ้นถึง 1 – 1.4 เท่า โดยเมื่อฝุ่น PM 2.5 เข้าไปในปอดจะทำให้เกิดการอักเสบ และมีการกลายพันธุ์ของสารพันธุกรรม ซึ่งอาจทำให้เกิดมะเร็งปอดขึ้นได้
- อายุ อายุที่มากขึ้น อวัยวะรวมถึงเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายจะยิ่งทำงานเสื่อมสภาพลง โดยผู้ที่เสี่ยงจะเป็นมะเร็งปอดมากที่สุดจะอยู่ในช่วงอายุประมาณ 55 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่สูบบุหรี่
- พันธุกรรม ถ้ามีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งปอด จะมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งปอดเพิ่มขึ้น
หากคุณอยู่ในกลุ่มเสี่ยงดังกล่าว ควรเข้ารับการตรวจคัดกรองมะเร็งปอด และหมั่นตรวจร่างกายเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ
อาการของโรคมะเร็งปอด
มะเร็งปอดส่วนใหญ่มักจะไม่แสดงอาการในระยะเริ่มแรก แต่จะมีสัญญาณที่บ่งบอกถึงการเกิดโรคเมื่อมีการเจริญเติบโตของมะเร็งมากขึ้น และอาการจะแตกต่างกันไปแล้วแต่ตำแหน่งของก้อนที่เกิดขึ้น โดยอาการที่พบได้ ได้แก่
- ไอเรื้อรัง 50-75%
- ไอมีเสมหะปนเลือด ไอมีเลือดสด 25-50%
- เหนื่อยง่าย หายใจลำบาก 25%
- เจ็บหน้าอก 20%
- เบื่ออาหาร น้ำหนักลดโดยหาสาเหตุไม่ได้
- หายใจมีเสียงดังผิดปกติ
- เสียงแหบ
อาการเหล่านี้พบได้ในโรคอื่น ๆ แต่หากมีอาการเหล่านี้ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อรับการตรวจและวินิจฉัยอย่างถูกต้อง
มะเร็งปอดกับวัณโรค
อาการไอแล้วมีเลือดปนเป็นอาการหนึ่งของโรคมะเร็งปอด และก็สามารถพบได้ในโรควัณโรค ซึ่งผู้ป่วยวัณโรคก็มักจะมีการอาการไอเรื้อรัง ไอเป็นเลือดเช่นกัน นอกจากนี้ผู้ป่วยทั้งสองโรคนี้ก็มักจะมีอาการเหนื่อยง่ายร่วมด้วย ทำให้การแยกโรคมะเร็งปอดและโรควัณโรคออกจากกันได้ยากจากอาการดังกล่าว
ดังนั้นหากคุณมีอาการไอเรื้อรัง มีเลือดปน แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยโรคและวางแผนการรักษาอย่างถูกต้อง
มะเร็งปอด มีกี่ชนิด ?
มะเร็งปอดแบ่งออกเป็น 2 ชนิดหลักๆ ขึ้นกับชนิดของเซลล์ ซึ่งสามารถวินิจฉัยได้โดยการเอาชิ้นเนื้อไปตรวจทางพยาธิวิทยา โดยมะเร็งปอดแต่ละชนิดจะมีวิธีการรักษา และพยากรณ์โรคที่แตกต่างกันออกไป
- มะเร็งปอดชนิดไม่ใช่เซลล์เล็ก (non-small cell lung cancer) เป็นมะเร็งปอดชนิดที่พบได้บ่อยกว่า สามารถแบ่งเป็นชนิดเซลล์ได้อีกหลายชนิด เช่น adenocarcinoma, squamous cell carcinoma ซึ่งชนิดของเซลล์จะมีแนวทางการรักษาที่แตกต่างกันเล็กน้อย
- มะเร็งปอดชนิดเซลล์เล็ก (small cell lung cancer) เป็นมะเร็งปอดชนิดที่พบได้น้อยกว่า แต่เป็นชนิดที่ตอบสนองได้ดีต่อยาเคมีบำบัดและการฉายแสง
การวินิจฉัยมะเร็งปอด
การวินิจฉัยมะเร็งปอดต้องยืนยันการวินิจฉัยโดยการตรวจชิ้นเนื้อ ซึ่งการตรวจชิ้นเนื้อจะเกิดขึ้นได้ เราต้องตรวจพบก้อนเนื้อที่ผิดปกติในปอดให้เจอก่อน โดยถ้าเราตรวจเจอก้อนเนื้อที่ผิดปกติตั้งแต่ในระยะแรกเริ่ม การรักษามะเร็งปอดในระยะแรกด้วยการผ่าตัดสามารถหายขาดได้เลย
การตรวจ x-ray ปอด อาจไม่ใช่วิธีการคัดกรองโรคมะเร็งปอดที่ดีนัก เพราะกว่า x-ray ปอดจะตรวจพบความผิดปกติ ก็มักจะเป็นก้อนที่ค่อนข้างใหญ่ หรือลุกลามไปแล้ว ทำให้ไม่สามารถทำการรักษาโดยการผ่าตัดให้หายขาดได้
การตรวจคัดกรองที่แนะนำ คือ การเอกซเรย์คอมพิวเตอร์แบบใช้ปริมาณรังสีต่ำ (low-dose CT lung scan) ซึ่งเป็นการตรวจที่ใช้ปริมาณรังสีน้อย และใช้เทคนิคการเก็บภาพแบบ 3 มิติ ที่มีความละเอียดมากกว่าเอกซเรย์ธรรมดามาก ทำให้สามารถตรวจพบความผิดปกติต่างๆ ภายในปอดได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น
โดยปัจจุบันประเทศสหรัฐอเมริกา แนะนำให้ใช้วิธีดังกล่าว เป็นมาตรฐานในการคัดกรองโรคมะเร็งปอด ซึ่งจะได้ประโยชน์สูงสุดในกลุ่มคนไข้ที่มีความเสี่ยง นั่นคือ อายุมากกว่า 55 ปี มีประวัติสูบบุหรีมากกว่า 30 pack years (pack years = จำนวนบุหรี่ที่สูบใน 1 วัน x จำนวนปีที่สูบบุหรี่) และเลิกสูบบุหรีมาไม่เกิน 15 ปี ถึงแม้ไม่มีอาการผิดปกติใดๆ
***มะเร็งปอดสามารถรักษาให้หายขาดได้ ถ้าตรวจพบตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ดังนั้นการตรวจคัดกรองจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก***
หากมีอาการหรือแพทย์สงสัยว่าเป็นโรคมะเร็งปอด แพทย์อาจพิจารณาการตรวจเพิ่มเติม ได้แก่
- ตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (computed tomography scan; CT scan)
- การตรวจทางเวชศาสตร์นิวเคลียร์ (positron emission tomography scan; PET scan)
- การตรวจโดยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (Magnetic Resonance Imaging; MRI)
- การส่องกล้องหลอดลมปอด (bronchoscopy)
- การตัดชิ้นเนื้อส่งตรวจหาชนิดของมะเร็ง (biopsy)
การรักษามะเร็งปอด
เมื่อได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งปอดแล้ว การรักษาจะขึ้นอยู่กับ ชนิดของมะเร็ง ระยะของมะเร็ง และความแข็งแรงของผู้ป่วย ซึ่งทางเลือกการรักษาในปัจจุบันมีความทันสมัยขึ้นมาก มีทั้งการผ่าตัด การใช้ยาเคมีบำบัด (chemotherapy) การรักษาด้วยการฉายแสง (radiotherapy) และการใช้ยาแบบจำเพาะเจาะจง (targeted therapy) โดยแพทย์จะร่วมตัดสินใจกับคนไข้และครอบครัว เพื่อเลือกการรักษาให้เหมาะสมกับคนไข้แต่ละคน
สรุป
อย่างที่ทราบกันดีว่า สาเหตุที่สำคัญของมะเร็งปอดคือการสูบบุหรี่ รวมถึงสารพิษและมลภาวะที่เพิ่มมากขึ้นในปัจจุบัน ดังนั้นการป้องกันมะเร็งปอดที่ดีที่สุดคือการงดสูบบุหรี่ หรือหลีกเลี่ยงการรับควันบุหรี่มือสอง และที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือการตรวจคัดกรองสุขภาพปอดอย่างสม่ำเสมอเป็นประจำทุกปี และการตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์แบบ low-dose CT lung scan ในคนที่มีความเสี่ยงของโรคมะเร็งปอด จะช่วยให้สามารถตรวจพบและรักษามะเร็งได้ตั้งแต่ระยะแรกเริ่ม ทำให้ลดอัตราการเสียชีวิตและทำไห้ผู้ป่วยมีโอกาสหายจากโรคมะเร็งปอดได้