โรคเข่าเสื่อมถือเป็นโรคที่พบได้บ่อยโดยเฉพาะในผู้สูงอายุ และยังพบได้ในผู้ที่ใช้ข้อเข่ามาก ๆ ได้อีกด้วย ปัจจุบันการรักษาโรคเข่าเสื่อมมีหลายวิธีทั้งการรักษาแบบผ่าตัดและไม่ต้องผ่าตัด ซึ่งขึ้นอยู่กับความรุนแรงและความเหมาะสมของผู้ป่วยแต่ละราย
การรักษาเข่าเสื่อมด้วยการฉีดเกล็ดเลือด (platelet-rich plasma; PRP) เป็นทางเลือกการรักษาอาการเข่าเสื่อมที่ลดอาการปวดได้ดี ปลอดภัย ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล ช่วยลดการรับประทานยาแก้ปวด และมีฤทธิ์การรักษาอยู่นาน และสามารถฉีดซ้ำได้
สารบัญ
- โรคข้อเข่าเสื่อม
- การฉีดเกล็ดเลือด (platelet-rich plasma; PRP) รักษาเข่าเสื่อมคืออะไร?
- เกล็ดเลือดเข้มข้น PRP ช่วยรักษาเข่าเสื่อมได้อย่างไร?
- การฉีดเกล็ดเลือดเหมาะกับใครบ้าง?
- ข้อดีของการฉีดเกล็ดเลือดรักษาเข่าเสื่อม
- ข้อจำกัดของการฉีดเกล็ดเลือดรักษาเข่าเสื่อม
- ขั้นตอนการฉีดเกล็ดเลือดรักษาเข่าเสื่อม
- การฉีดเกล็ดเลือดใช้รักษาอะไรได้บ้าง?
- สรุป
โรคข้อเข่าเสื่อม
ข้อเข่าเสื่อมเป็นโรคในผู้สูงอายุที่พบได้บ่อย สถิติในประเทศไทยพบว่าในผู้สูงอายุที่มีอายุเกิน 65 ปี เกินกว่าครึ่งหนึ่งเป็นโรคข้อเข่าเสื่อม และปัจจุบันยังพบอาการเข่าเสื่อมในคนที่อายุน้อยกว่า 65 ปีซึ่งมักจะพบในผู้ที่มีการใช้งานข้อเข่าหนัก เช่น นักกีฬา หรือผู้ที่มีน้ำหนักตัวมาก โรคข้อเข่าเสื่อมเกิดจากการเสื่อมสภาพของกระดูกอ่อนผิวข้อเข่าทำให้เกิดการเสียดสีของกระดูกขาท่อนบนและท่อนล่าง จนเกิดการอักเสบ มีอาการปวด เข่าบวม ข้อยึด เดินลำบาก หรือบางรายเข่าผิดรูปโก่งงอได้
แนวทางการรักษาข้อเข่าเสื่อมจะแบ่งการรักษาเป็นแบบการรักษาที่ไม่ต้องผ่าตัด และต้องผ่าตัด โดยเบื้องต้นแพทย์อาจพิจารณาการรักษาแบบไม่ต้องผ่าตัดโดยการใช้ยา เช่น ให้รับประทานยาแก้อักเสบ หรือยาแก้ปวด อาจเป็นยาในกลุ่มแก้อักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (non-steroidal antiinflammatory drugs; NSAIDs) หรือการทำกายภาพบำบัด การออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อขา การลดน้ำหนักตัว และหากอาการรุนแรงมากขึ้นแพทย์อาจพิจารณาการรักษาด้วยการผ่าตัดข้อเข่าบางส่วน หรือการผ่าตัดข้อเข่าแบบทั้งหมด
แต่ในปัจจุบันมีทางเลือกการรักษาอาการข้อเข่าเสื่อมด้วยวิธีการฉีดเกล็ดเลือดรักษาเข่าเสื่อม (platelet-rich plasma; PRP) ซึ่งช่วยลดอาการปวด และช่วยกระตุ้นการซ่อมแซมเนื้อเยื่อบริเวณที่อักเสบได้
การฉีดเกล็ดเลือด (platelet-rich plasma; PRP) รักษาเข่าเสื่อมคืออะไร?
- การฉีดเกล็ดเลือดรักษาเข่าเสื่อม เป็นการรักษาอาการเข่าเสื่อมด้วยการฉีดเกล็ดเลือดเข้มข้น (platelet-rich plasma; PRP) ได้มาจากการเอาเลือดของผู้ป่วยเองมาปั่นแยกเอาเม็ดเลือดแดงออก แล้วเอาเกล็ดเลือดที่ได้ ฉีดกลับไปในบริเวณที่อักเสบ โดยการรักษาวิธีนี้จะเพื่อช่วยลดอาการปวด และการอักเสบของเอ็นกล้ามเนื้อ เอ็นกระดูก และเนื้อเยื่ออ่อนต่าง ๆ ได้
- การรักษาด้วยเกล็ดเลือดเข้มข้น ต้องฉีดต่อเนื่องอย่างน้อย 3 ครั้ง โดยมีระยะห่าง 2-4 สัปดาห์ หรือมากกว่านั้น ตามตารางนัดของแพทย์ที่จะทำการฉีดได้
- แพทย์อาจฉีดเกล็ดเลือดเข้มข้น ร่วมกับน้ำข้อเข่าเทียม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา
- การฉีดเกล็ดเลือดเข้มข้นจะให้ผลในการระงับปวดได้ประมาณ 6 เดือน ถึง 1 ปี ไม่ใช่วิธีที่จะรักษาข้อเข่าเสื่อมให้หายขาด หรือทำให้ผิวข้อที่เสื่อมไปแล้วกลับมาปกติได้
- ผู้ป่วยที่จะได้ผลการรักษาที่ดีโดยวิธีฉีดเกล็ดเลือดเข้มข้นคือ ผู้ป่วยที่มีข้อเข่าเสื่อมน้อยถึงปานกลาง
เกล็ดเลือดเข้มข้น PRP ช่วยรักษาเข่าเสื่อมได้อย่างไร?
เนื่องจากในเกล็ดเลือดเข้มข้น (PRP) มีองค์ประกอบของ growth factor ซึ่งเป็นสารที่มีอยู่ในร่างกายตามธรรมชาติ ทำหน้าที่ช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์และยังช่วยกระตุ้นการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอต่าง ๆ โดยใน PRP มี growth factor อยู่สูงกว่าปกติมาก จึงทำให้เกิดการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอได้เร็วขึ้น โดยมีการศึกษาพบว่าการรักษาด้วยการฉีดเกล็ดเลือดสามารถช่วยลดอาการปวดจากอาการของโรคเข่าเสื่อมได้
การฉีดเกล็ดเลือดเหมาะกับใครบ้าง?
- ผู้ที่มีอาการของเข่าเสื่อมในระยะแรก
- ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บของกล้ามเนื้อและเส้นเอ็น
- นักกีฬาที่มีการบาดเจ็บหรือการอักเสบของเส้นเอ็นและกล้ามเนื้อ
- ผู้ป่วยหลังผ่าตัดกล้ามเนื้อและเส้นเอ็น
- ผู้ป่วยที่อยู่ระหว่างการรักษากระดูกหัก
อย่างไรก็ตาม การรักษาขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของอาการและความรุนแรงของผู้ป่วยแต่ละราย ดังนั้นจึงควรปรึกษาแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเพื่อการรักษาที่เหมาะสม
ข้อดีของการฉีดเกล็ดเลือดรักษาเข่าเสื่อม
การรักษาข้อเข่าเสื่อมด้วยเกล็ดเลือดเข้มข้นมีข้อดีได้แก่
- ลดโอกาสการแพ้และผลข้างเคียงต่าง ๆ เนื่องจากเกล็ดเลือดเข้มข้นที่ใช้ในการรักษาได้มาจากเลือดของผู้ป่วยเอง จึงถือว่าเป็นการรักษาที่มีความปลอดภัยสูง
- เป็นหัตถการที่ไม่ซับซ้อน ไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีรอยแผลเป็น
โดยผลข้างเคียงเล็กน้อยที่อาจเกิดขึ้นได้หลังการฉีด ได้แก่ ปวดบริเวณที่ฉีด หรือมีรอยฟกช้ำขนาดเล็กที่มักจะหายได้เองภายใน 2-3 วัน
ข้อจำกัดของการฉีดเกล็ดเลือดรักษาเข่าเสื่อม
การรักษาข้อเข่าเสื่อมด้วยเกล็ดเลือดเข้มข้นอาจไม่เหมาะสมกับผู้ป่วยในบางกรณี เช่น
- ได้รับผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมไปแล้ว
- ได้รับยาต้านการแข็งตัวของเลือด
- มีการติดเชื้อของบริเวณที่จะมีการฉีดเกล็ดเลือด
- ข้อจำกัดอื่น ๆ ตามการพิจารณาของแพทย์
ขั้นตอนการฉีดเกล็ดเลือดรักษาเข่าเสื่อม
การรักษาข้อเข่าเสื่อมด้วยการฉีดเกล็ดเลือด เป็นการรักษาแบบผู้ป่วยนอก ใช้เวลาไม่นาน และไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล โดยขั้นตอนการรักษาในเบื้องต้น มีดังนี้
- เจาะเลือด เพื่อดูดเก็บเลือดประมาณ 25-180 มิลลิลิตร
- นำเลือดที่ได้มาปั่นด้วยความเร็วสูง เพื่อให้มีการแยกชั้นของเกล็ดเลือด และแยกให้ได้ PRP ออกมา
- นำเกล็ดเลือดที่แยกออกมาได้ไปผ่านกระบวนการฉายแสง (photoactivation)
- ฉีด PRP ที่ได้เข้าไปในข้อเข่าที่มีการอักเสบ
- ในวันแรกหลังการฉีดผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงการใช้งานข้อเข่า เพื่อลดโอกาสเกิดผลข้างเคียง
- โดยทั่วไปแผนการรักษาจะเป็นการฉีด PRP ทั้งหมด 3 เข็ม โดยแต่ละเข็มห่างกัน 1 สัปดาห์ ทั้งนี้สามารถเห็นผลการรักษาได้ตั้งแต่ 4-6 สัปดาห์ เป็นต้นไป ผลของการรักษาอยู่ได้นาน 6 เดือนถึง 1 ปี และสามารถฉีดซ้ำได้
การฉีดเกล็ดเลือดใช้รักษาอะไรได้อีกบ้าง?
นอกจากจะใช้ในการรักษาข้อเข่าเสื่อมแล้ว การใช้เกล็ดเลือดเข้มข้นยังใช้ในการรักษาอย่างอื่นได้ด้วย เช่น
- รักษาการบาดเจ็บของเอ็นหรือกล้ามเนื้อทั้งแบบเฉียบพลันและเรื้อรัง เช่น เอ็นร้อยหวายอักเสบ เอ็นไหล่ฉีกขาด โรคข้อศอกเทนนิส
- รักษาผมร่วง ผมบาง กระตุ้นการงอกใหม่ของรากผม และใช้เสริมร่วมกับการปลูกผม
- รักษาผิวหน้าจากความเสื่อมตามวัย
สรุป
ทางเลือกหนึ่งของการรักษาอาการของโรคเข่าเสื่อมโดยไม่ต้องผ่าตัดอีกวิธีหนึ่งที่น่าสนใจคือ การรักษาข้อเข่าด้วยการฉีดเกล็ดเลือดเข้มข้น (PRP) เพราะเป็นการรักษาที่สามารถช่วยระงับปวด เจ็บตัวน้อย ไม่มีแผลผ่าตัด ช่วยระงับปวด แต่ไม่สามารถทำให้ผิวข้อที่เสื่อมไปแล้วกลับมาปกติได้ ไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล ปลอดภัย ผลข้างเคียงน้อยเพราะเป็นการรักษาด้วยเลือดของผู้ป่วยเอง ทั้งนี้ควรเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมตามคำแนะนำของแพทย์ ซึ่งอาจทำร่วมกับการควบคุมน้ำหนักตัวเพื่อลดแรงกดที่มีต่อข้อต่อเข่า หรืออาจมีการออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อต้นขาร่วมด้วย เพื่อลดอาการปวดและทำให้ข้อต่อหัวเข่าทำงานได้สะดวกขึ้น