ใคร ๆ ก็เคยเป็นหวัด น้ำมูกไหลกันทั้งนั้น ซึ่งไข้หวัดจะป่วยอยู่ไม่กี่วันก็หายได้เอง แต่ในบางครั้ง บางคนอาจเป็นหวัดยาวนานเป็นอาทิตย์ ๆ หรืออาจนานจนเป็นเดือน ๆ คัดจมูกน้ำมูกไหลอยู่ตลอดไม่หายสักที ซึ่งนี่อาจไม่ใช่อาการของไข้หวัดธรรมดา แต่อาจเป็นอาการของไซนัสอักเสบ
ไซนัสคืออะไร?
ก่อนที่จะทำความเข้าใจเรื่องไซนัสอักเสบ เราต้องทราบก่อนว่าไซนัสคืออะไร?
ไซนัส คือ โพรงอากาศขนาดเล็กในกระดูกกะโหลกศีรษะ โพรงอากาศเหล่านี้มีอยู่ด้วยกัน 4 ตำแหน่ง โดยวางตัวเป็นคู่ในฝั่งซ้ายและขวาของกะโหลกศีรษะ ดังนี้
- หน้าผาก
- ระหว่างหัวตาและสันจมูก
- หน้าแก้ม
- ด้านหลังโพรงจมูก
ไซนัสเหล่านี้จะมีเยื่อบุภายในที่คอยผลิตมูก และมีรูเปิดเชื่อมต่อถึงกันกับโพรงจมูก ทำให้สามารถระบายมูกออกจากภายในไซนัส และช่องว่างเหล่านี้จะมีอากาศไหลเวียนภายใน โดยในทางวิวัฒนาการ ไซนัสมีประโยชน์หลายอย่าง ได้แก่ ช่วยให้กะโหลกศีรษะมีน้ำหนักเบาลง ช่วยเพิ่มความก้องของเสียงที่เปล่งออกมา ช่วยป้องกันการกระแทกไม่ให้ถึงส่วนลึกของใบหน้า เป็นฉนวนป้องกันฐานสมองจากความร้อนเย็นภายนอก ช่วยเพิ่มอุณหภูมิและความชื้นให้กับลมหายใจเข้า นอกจากนั้น มูกที่เยื่อบุไซนัสผลิตออกมายังช่วยป้องกันการติดเชื้ออีกด้วย
ไซนัสอักเสบคืออะไร?
ไซนัสอักเสบ คือ การอักเสบของเยื่อบุภายในโพรงไซนัส ทำให้เยื่อบุบวมขึ้น และเกิดการคั่งของมูกภายในไซนัส โดยสาเหตุมักมาจากการติดเชื้อ และ/หรือภูมิแพ้
ไซนัสอักเสบแบ่งได้เป็น 3 ชนิดตามระยะเวลาและสาเหตุของการติดเชื้อ ดังนี้
- ไซนัสอักเสบเฉียบพลัน คือ มีอาการมาไม่เกิน 4 สัปดาห์ มักเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย
- ไซนัสอักเสบกึ่งเฉียบพลัน คือ มีอาการมานาน 1 ถึง 3 เดือน
ไซนัสอักเสบเรื้อรัง คือ มีอาการมานานกว่า 3 เดือน สาเหตุอาจเกิดจากแบคทีเรีย มีติดเชื้อราซ้ำซ้อน หรืออาจเป็นการอักเสบเรื้อรังจากภูมิแพ้โดยไม่มีการติดเชื้อใด ๆ ก็ได้
อาการไซนัสอักเสบ
ไซนัสอักเสบมักเกิดหลังจากเป็นไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ที่อาการไม่ดีขึ้น หรือแย่ลงหลังจากเป็นมาแล้ว 7-10 วัน โดยอาการที่พบบ่อยของไซนัสอักเสบ มีดังนี้
- ปวด บวม และกดเจ็บบริเวณของไซนัส (แก้ม หัวตา หรือหน้าผาก)
- คัดจมูก รู้สึกตื้อแน่นในจมูก
- มีน้ำมูกสีเขียวหรือเหลือง
- ได้กลิ่นลดลง
- มีไข้
โดยอาจมีอาการเหล่านี้ร่วมด้วย:
- ปวดหัว ปวดขมับ ปวดท้ายทอย หรือรู้สึกหนักไปทั้งหัว
- ปวดฟัน
- มีกลิ่นปาก หรือลมหายใจมีกลิ่นเหม็น
- ไอ
- รู้สึกหูอื้อ
- กรนขณะหลับ
- เสียงพูดขึ้นจมูก
- ในเด็กเล็กอาจมีอาการหงุดหงิด งอแง กินได้น้อยลง และหายใจทางปาก
ไซนัสอักเสบ เกิดจากอะไร?
ไซนัสอักเสบมักเกิดตามหลังการเป็นไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ เนื่องจากการติดเชื้อในช่วงแรกทำให้เยื่อบุโพรงจมูกอักเสบและบวม เมื่อการติดเชื้อลุกลาม จนทำให้เยื่อบุรูเปิดไซนัสอักเสบและบวมไปด้วย จึงทำให้รูเปิดไซนัสตีบแคบลง แต่การอักเสบทำให้เยื่อบุภายในไซนัสกลับผลิตมูกเพิ่มมากขึ้น จึงมีการคั่งของมูก เชื้อโรคไม่ถูกระบายออก จึงเกิดการติดเชื้อภายในและไซนัสอักเสบตามมา นอกจากการเป็นไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ ยังมีปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดไซนัสอักเสบ ดังนี้
- ขนเส้นเล็ก ๆ (cilia) ภายในโพรงไซนัสซึ่งอยู่ส่วนบนสุดของเยื่อบุโพรงไซนัส ไม่สามารถทำหน้าที่พัดโบกขับมูกออกมาระบายสู่ภายนอกไซนัสได้
- ไข้หวัดและภูมิแพ้ส่งผลให้มีการหลั่งน้ำมูกมากเกินไป และรูเปิดไซนัสตีบแคบหรืออุดตัน
- มีความผิดปกติในโพรงจมูกที่เบียดบังรูเปิดไซนัส เช่น ภาวะผนังกั้นจมูกคด (deviated nasal septum) กระดูกงอกในโพรงจมูก (nasal bone spur) หรือริดสีดวงจมูก (nasal polyp) เป็นต้น โดยมีจุดสังเกตคือผู้ป่วยมักเป็นไซนัสอักเสบในฝั่งที่มีความผิดปกติเพียงข้างเดียว
- การติดเชื้อที่ยาวนานเรื้อรัง ทำให้เยื่อบุบวมและอักเสบมาก มูกข้นเหนียว
การวินิจฉัยไซนัสอักเสบ
แพทย์สามารถวินิจฉัยโรคไซนัสอักเสบได้จากการซักประวัติ การตรวจร่างกายด้วยการกดที่ตำแหน่งไซนัส การส่องดูภายในโพรงจมูก และ นอกจากนั้นยังมีการส่งตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT sinus screening) ซึ่งมีความแม่นยำมากกว่าการส่งตรวจเอกซเรย์ธรรมดาเป็นอย่างมาก
ไซนัสอักเสบรักษาอย่างไร?
ด้วยความที่กายวิภาคของไซนัสเป็นโพรงอากาศในกระดูกที่มีรูเปิดเพียงรูเดียว เปรียบเหมือนถ้ำที่มีทางเข้าออกเพียงทางเดียว เมื่อมีการติดเชื้อเกิดขึ้นภายในนั้น การระบายเอาเชื้อโรคออกจึงทำได้ยาก ทำให้มีแนวโนมที่จะติดเชื้อเรื้อรัง หายยาก ไซนัสอักเสบจึงต้องอาศัยการรักษาที่มากกว่าไข้หวัดธรรมดาทั่วไป โดยแพทย์เฉพาะทางสำหรับโรคนี้ คือ แพทย์หู คอ จมูก (Ear Nose Throat; ENT) ซึ่งแนวทางการรักษาโรคไซนัสอักเสบมีดังนี้
การล้างจมูก
การล้างจมูกด้วยน้ำเกลือจะช่วยระบายมูกข้นเหนียวที่คั่งค้างอยู่ในโพรงจมูกและไซนัสออกมา เชื้อโรคและ/หรือสารก่อภูมิแพ้ก็จะถูกชะล้างไปด้วย จึงเป็นการรักษาทางกายภาพที่ตรงจุดและทำได้ง่าย ทำให้การอักเสบลดลง ผู้ป่วยรู้สึกโล่งสบายจมูกขึ้น แต่มีข้อควรระวังคือ
- ต้องใช้อุปกรณ์ล้างจมูกและน้ำเกลือสำหรับทำความสะอาดที่ปลอดเชื้อ ซึ่งสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป
- ใช้อุปกรณ์ที่ล้างสะอาด และแห้งสนิทแล้วเท่านั้น เพื่อไม่ให้มีการสะสมของเชื้อโรค
- ไม่ใช้อุปกรณ์ล้างจมูกร่วมกับผู้อื่น แยกใช้ของใครของมันเท่านั้น
- ควรล้างจมูกเฉพาะเมื่อมีอาการ เพราะการล้างจมูกบ่อยเกินไปอาจรบกวนการสร้างมูกที่ดีที่ช่วยป้องกันการติดเชื้อได้
การรักษาด้วยยา
- ยาบรรเทาอาการ ได้แก่ ยาลดน้ำมูก (antihistamines) ยาหดหลอดเลือด (decongestant) เพื่อลดการคัดจมูก เป็นต้น
- ยาปฏิชีวนะ หากมีการติดเชื้อแบคทีเรีย
- ยาลดการอักเสบ ในผู้ป่วยไซนัสอักเสบเรื้อรัง แพทย์อาจพิจารณาให้ยาสเตียรอยด์พ่นจมูก หรือยากิน
- หากมีการติดเชื้อราหรือมีความผิดปกติในโพรงจมูก การใช้ยาเพียงอย่างเดียวมักไม่ได้ผล จะต้องมีการรักษาด้วยการผ่าตัดร่วมด้วย
การรักษาด้วยการผ่าตัด
ไซนัสอักเสบทั้งชนิดเฉียบพลันและเรื้อรังที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยา กลับเป็นซ้ำบ่อยครั้ง มีการติดเชื้อรา หรือมีสาเหตุจากภาวะผิดปกติในโพรงจมูก จำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยการผ่าตัดเพื่อแก้ไข โดยในปัจจุบันการผ่าตัดไซนัสด้วยการส่องกล้องเป็นวิธีการผ่าตัดที่ได้ผลดี ปลอดภัย และใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก
การรักษาด้วยการผ่าตัดส่องกล้อง
การผ่าตัดไซนัสผ่านกล้องเอนโดสโคป (functional endoscopic sinus surgery; FESS) เป็นการส่องกล้องเข้าไปทางรูจมูก เพื่อผ่าตัดขยายรูเปิดไซนัสให้กว้างขึ้น ทำให้ระบายมูกออกไปได้ดี นอกจากนั้นยังสามารถผ่าตัดเอาเนื้อเยื่อที่ติดเชื้อ และแก้ไขความผิดปกติในโพรงจมูกที่เป็นสาเหตุของโรคได้ในคราวเดียว อย่างไรก็ตาม การผ่าตัดนี้จำเป็นต้องมีการวางยาสลบ แต่มีข้อดี คือ ไม่มีแผลผ่าตัดภายนอกให้เห็น เพราะเป็นการส่องกล้องเข้าไปทางรูจมูก
การป้องกัน
การป้องกันไซนัสอักเสบที่ดีที่สุด คือ การป้องกันตัวเองไม่ให้เป็นไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่ หรือหากป่วยแล้วก็ให้พักผ่อนเพื่อดูแลรักษาให้หายเร็วที่สุด ไม่ฝืนร่างกาย หรือหักโหมทำงานจนปล่อยให้เป็นหวัดอยู่นาน โดยมีแนวทางการปฏิบัติเพื่อป้องกันโรคไซนัสอักเสบ ดังนี้
- ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่เป็นประจำทุกปี
- ล้างมือด้วยสบู่ หรือใช้แอลกอฮอล์ทำความสะอาดมือบ่อย ๆ
- หลีกเลี่ยงการใกล้ชิดกับผู้ป่วยไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่
- หากเป็นภูมิแพ้ ควรพบแพทย์เพื่อหาสารก่อภูมิแพ้และควบคุมอาการให้สงบโดยเร็วที่สุด
- เลี่ยงควันบุหรี่ มลภาวะ และฝุ่น PM2.5
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ ไม่ให้ร่างกายขาดน้ำ เพื่อการขับมูกในโพรงไซนัสที่เป็นปกติ
- ไม่เครียด พักผ่อนให้เพียงพอ
- หากเป็นหวัดและมีอาการคัดจมูก ควรใช้ยาหดหลอดเลือด (decongestant) เพื่อลดการคัดจมูกแต่เนิ่น ๆ เพื่อลดโอกาสการตีบตับของรูเปิดไซนัส
- หากอยู่ในห้องแอร์ทั้งวันทั้งคืน ควรระวังไม่ให้อากาศแห้งจนเกินไป
สรุป
ไซนัสอักเสบเป็นโรคที่พบได้บ่อย และหายช้ากว่าไข้หวัดทั่วไปอย่างมาก ผู้ป่วยไซนัสอักเสบเฉียบพลันอาจเป็น ๆ หาย ๆ อยู่หลายครั้งในหนึ่งปี ในขณะที่ผู้ป่วยไซนัสอักเสบเรื้อรัง แม้ว่ามักจะมีอาการรุนแรงน้อยกว่า แต่ผู้ป่วยจะต้องทนกับอาการเช่นนั้นอยู่เป็นเดือน ๆ ไม่หายสักที การรักษาไซนัสอักเสบจึงต้องอาศัยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้การวินิจฉัยถึงสาเหตุที่ถูกต้อง และนำไปสู่การรักษาให้หายขาดได้ในที่สุด