บทความสุขภาพ

Knowledge

หญิงมีครรภ์กับการรักษาทางทันตกรรม

หญิงมีครรภ์กับการรักษาทางทันตกรรม

โดย ท.พ.สุรชาติ หนุนภักดี

ผู้หญิงเมื่อตั้งครรภ์จะมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของระบบฮอร์โมนในร่างกาย ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงทางระบบสรีระต่างๆ ของร่างกายตามมา รวมถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพในช่องปากด้วย หญิงมีครรภ์จึงควรได้รับการดูแลทางทันตกรรมเป็นพิเศษ มิฉะนั้นจะเกิดโรคต่างๆ ในช่องปากได้


มีคำกล่าวโบราณที่ว่ามีลูก 1 คน เสียฟัน 1 ซี่ สะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของการตั้งครรภ์และสุขภาพช่องปาก ปัจจุบันนี้เราพบว่า เมื่อมีการตั้งครรภ์จะมีการถ่ายเทแคลเซี่ยมจากกระดูกมารดาไปสร้างอวัยวะให้กับทารกในครรภ์ ดังนั้นกระดูกรองรับฟันจึงอ่อนแอลงและส่งผลถึงความแข็งในการยึดเหนี่ยวฟันด้วย


หญิงมีครรภ์ส่วนใหญ่มักจะมีปัญหาโรคเหงือกนั้นเป็นเพราะ ระดับของฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone) สูงขึ้น ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงโดยตรงต่อหลอดเลือดขนาดเล็กของเหงือกทำให้สภาพของเหงือกเปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะในเดือนที่ 2 ถึงเดือนที่ 8 เหงือกบริเวณฟันหน้าจะอักเสบมากกว่าฟันหลัง มีลักษณะบวมแดง เลือดออกง่าย ยิ่งถ้าหากสภาพช่องปากมีหินปูนอยู่แล้วหรือใส่ฟันปลอมแบบถอดได้ และไม่รักษาสุขภาพช่องปากให้ดียิ่งทำให้สภาพเหงือกแย่ลงไปอีก บางรายเหงือกจะเป็นก้อนโตคล้ายเนื้องอก ก้อนเนื้อนี้จะโตอย่างรวดเร็วอาจมีเส้นผ่าศูนย์กลางถึง 2 เซ็นติเมตร แต่ไม่มีอาการปวดเจ็บแต่ประการใด นอกจากจะไปขัดขวางการบดเคี้ยว ส่วนใหญ่เนื้องอกนี้จะหยุดโตเอง และลดขนาดลงหลังจากภาวะตั้งครรภ์ผ่านพ้นไปแล้วหลายเดือน แต่หากก้อนเนื้อขัดขวางการเคี้ยวอาหารมีเลือดออกง่ายอาจต้องทำการผ่าตัดออก


ผลกระทบทางอ้อมอีกทางหนึ่งของการตั้งครรภ์ในระยะ 3 เดือนแรก ซึ่งเป็นระยะที่มักจะแพ้ท้อง การอาเจียนจะทำให้น้ำย่อยจากกระเพาะซึ่งมีฤทธิ์เป็นกรดออกมาทำลายผิวเคลือบฟันได้ หญิงแพ้ท้องจะลำบากในการแปรงฟันเพราะ จะคลื่นไส้อาเจียนทุกครั้งที่แปรงฟัน บางคนอาจอยากทานของเปรี้ยว ของดอง หรือของหวาน ประกอบกับการละเลยการดูแลสุขภาพช่องปากทำให้สภาพช่องปากแย่ลงไปอีก ความเครียด ความวิตกกังวล เป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญโดยเฉพาะถ้าหากต้องมาทำฟันด้วยแล้วจะทำให้หัวใจเต้นเร็ว ความดันโลหิตสูง


ความเปลี่ยนแปลงทั้งทางร่างกายและจิตใจของหญิงมีครรภ์ ได้ส่งผลต่อสุขภาพช่องปากทั้งทางตรงและทางอ้อม จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่หญิงมีครรภ์ต้องได้รับการดูแลรักษาทางทันตกรรมอย่างเหมาะสมและใกล้ชิด


การบำบัดทางทันตกรรมใดๆ ในช่วงไตรมาสแรก (3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์) ควรทำเฉพาะกรณีฉุกเฉิน หรือที่ทำง่ายๆ เช่น อุดฟัน ขูดหินปูน การถ่ายภาพรังสีเอ็กซเรย์ต้องได้รับการปกป้องร่างกายและครรภ์จากเสื้อตะกั่วและควรทำเฉพาะกรณีจำเป็นจริงๆ การรักษาที่ยุ่งยากขึ้นและใช้เวลานานๆ เช่น การใส่ฟันปลอม การรักษารากฟัน การอุดฟันยากๆ การรักษาโรคเหงือกที่รุนแรง ควรกระทำในระยะตั้งครรภ์ 4 ถึง 6 เดือน สำหรับในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของการตั้งครรภ์ มารดาจะรู้สึกอึดอัดไม่สบาย การให้นอนราบนานๆ อาจเกิดสภาวะแทรกซ้อนได้จึงควรหลีกเลี่ยงการรักษาทางทันตกรรมในช่วงนี้ ยกเว้นกรณีจำเป็นจริงๆ ซึ่งการบำบัดทันตกรรมต้องกระทำช่วงเวลาสั้นๆ ให้พลิกตัวบ่อยๆมารดาไม่ควรเกร็ง ไม่ควรเครียด


ส่วนการให้ยาในทางทันตกรรมนั้น มีความปลอดภัยสูงไม่ว่าจะเป็นยาชาเฉพาะที่ หรือยาปฏิชีวนะจำพวก Penicillin, Erythromycin base หรือยาแก้ปวดจำพวก Paracetamol


กล่าวโดยสรุปแล้วหญิงมีครรภ์ส่วนใหญ่จะเกิดภาวะเหงือกอักเสบและฟันผุได้ง่ายกว่าคนปกติ จึงควรได้รับการรักษาและดูแลทางทันตกรรมอย่างใกล้ชิด ก่อนที่อาการของโรคจะเป็นมาก ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการรักษาคือ ช่วงตั้งครรภ์ 4-6 เดือน ซึ่งสามารถทำได้ทุกอย่างตั้งแต่อุดฟัน ถอนฟัน รักษารากฟัน รักษาโรคเหงือก การใช้ยาต่างๆ ก็มีความปลอดภัยเช่นกัน แต่ถ้าหากปล่อยปละละเลยจนกระทั่งทนไม่ไหวค่อยมารักษาในช่วง 6-9 เดือนของการตั้งครรภ์ การรักษาทางทันตกรรมก็จะมีความยุ่งยาก และมีข้อจำกัดหลายอย่าง.

เกี่ยวกับผู้เขียนบทความ

บทความที่เกี่ยวข้อง (10)

ดูทั้งหมด

หมอนรองกระดูกเสื่อม ต้นเหตุอาการปวดหลังเรื้อรังที่อายุน้อยก็พบได้

หมอนรองกระดูกเสื่อมคือภาวะที่เกิดจากการเสื่อมของหมอนรองกระดูกจนไม่สามารถทำหน้าที่ลดแรงกระแทกได้ ทำให้กระดูกรอบ ๆ สึกและอักเสบขึ้นจนเกิดอาการปวดเรื้อรัง

อาการปวดสะโพกร้าวลงขา อีกหนึ่งสัญญาณเส้นประสาทถูกกดทับ

อาการปวดสะโพกร้าวลงขา (Sciatica pain) เกิดจากการถูกกดทับที่เส้นประสาท ทำให้รู้สึกปวดจากช่วงเอวหรือสะโพกร้าวลงขาด้านหลัง บางรายอาจร้าวไปถึงน่องและเท้าได้

ปวดข้อเท้าเกิดจากสาเหตุอะไร มีวิธีรักษาอย่างไรไม่ให้เจ็บเรื้อรัง?

ทำความเข้าใจกับอาการปวดข้อเท้าที่ควรรู้ อาการแบบไหนที่ควรเข้าปรึกษาแพทย์? พร้อมเรียนรู้สาเหตุของอาการ วิธีรักษา ตลอดจนการป้องกันไม่ให้เจ็บข้อเท้าเรื้อรัง

คำแนะนำการป้องกันมาลาเรียสำหรับนักเดินทาง

โรคมาลาเรียเป็นโรคที่เกิดจากโปรโตซัว Plasmodium นำโดยยุงก้นปล่อง มีทั้งหมด 5 สายพันธุ์ สายพันธ์ุที่รุนแรงคือ Plasmodium falciparum ซึ่งเป็นสายพันธุ์หลักในทวีปแอฟริกา ทำให้เกิดการติดเชื้อรุนแรง อวัยวะต่างๆล้มเหลว ติดเชื้อขึ้นสมอง โคม่า ชัก และเสียชีวิตได้ หากได้รับการรักษาที่ล่าช้า

ไส้เลื่อน ใครก็เป็นได้ อันตรายที่ต้องรักษาก่อนเกิดภาวะแทรกซ้อน

ไส้เลื่อน คือภาวะที่ลำไส้เลื่อนหรือดันออกมาจากช่องท้อง สามารถสังเกตเห็นก้อนนูนออกมาตามขาหนีบ หน้าท้อง สะดือ หากไม่รักษาอาจเกิดอันตรายจากอาการแทรกซ้อนได้

รู้ทันต้อหิน โรคร้ายทำลายการมองเห็น รีบรักษาก่อนสายเกินแก้

ต้อหิน (Glaucoma) คือโรคตาที่มีสาเหตุจากขั้วประสาทตาเสื่อม ผู้ป่วยจะมีอาการปวดหัวปวดตา กระจกตาขุ่น การมองเห็นแย่ลง และค่อย ๆ สูญเสียการมองเห็นไปในที่สุด

Hypothyroidism คืออะไร? รู้ทันสาเหตุ อาการ และวิธีรักษา

Hypothyroidism คือ ภาวะพร่องฮอร์โมนไทรอยด์ หรือฮอร์โมนไทรอยด์ทำงานต่ำ ทำให้ระดับการเผาผลาญพลังงานลดลง และนำมาสู่การทำงานของระบบต่าง ๆ ผิดปกติ

รู้ทันอาการน้ำในหูไม่เท่ากัน ใครเวียนหัว บ้านหมุนบ่อยต้องระวัง

โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน เป็นความผิดปกติของระบบน้ำในหูชั้นใน ซึ่งสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ ทำให้ผู้ป่วยมีอาการ เวียนหัว บ้านหมุน ทรงตัวไม่อยู่ และการได้ยินผิดปกติ

หายใจไม่อิ่ม หายใจลำบาก สัญญาณอันตรายที่คุณไม่ควรมองข้าม

หายใจไม่อิ่ม เป็นอาการที่หลายคนเผชิญ อาจมีอาการแน่นหน้าอก หายใจไม่เต็มปอด หายใจลำบาก หัวใจเต้นเร็ว เหนื่อยง่าย บทนี้ความจะพาไปดูสาเหตุของอาการเหล่านี้กัน

ภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน อันตรายถึงชีวิตแบบไร้สัญญาณเตือน

หัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน (Sudden Cardiac Arrest) คือ ภาวะที่หัวใจหยุดทำงานกะทันหัน ทำให้หมดสติและเสียชีวิตในไม่กี่นาที จึงเป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องรับการรักษาทันที

Copyright © 2024 All Rights Reserved | Praram 9 Hospital