บทความสุขภาพ

Knowledge

การผ่าตัดแบบ Minimally Invasive Surgery คืออะไร? ทำไมถึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า?

ในปัจจุบันการรักษาด้วยวิธีการผ่าตัดได้รับการพัฒนาให้มีความก้าวหน้ามากขึ้น หนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมและมีประสิทธิภาพสูงคือ การผ่าตัดแบบ Minimally Invasive Surgery (MIS) หรือการผ่าตัดผ่านกล้อง เทคนิคนี้ถูกออกแบบมาเพื่อลดความบอบช้ำต่อร่างกายผู้ป่วย โดยใช้แผลเล็กแทนการผ่าตัดแบบเปิด ส่งผลให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้เร็วขึ้นและเจ็บปวดน้อยลง ทั้งยังช่วยลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ การผ่าตัดแบบ MIS ถูกนำมาใช้ในการรักษาโรคหลายประเภท ทำให้เป็นทางเลือกที่ดีอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ป่วยที่ต้องการฟื้นตัวที่รวดเร็ว


การผ่าตัดแบบ Minimally Invasive Surgery คืออะไร?

การผ่าตัดแบบ Minimally Invasive Surgery (MIS) เป็นเทคนิคการผ่าตัดรักษาโรคของอวัยวะต่าง ๆ โดยใช้เทคโนโลยีมาช่วย เพื่อลดการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นกับเนื้อเยื่อรอบ ๆ โดยในการผ่าตัดจะใช้เครื่องมือพิเศษที่สอดเข้าไปทางแผลเล็ก ๆ ที่ผิวหนัง ผู้ป่วยจะมีแผลที่เล็กลงและใช้เวลาฟื้นตัวน้อยลง นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อและการเสียเลือดเมื่อเทียบกับการผ่าตัดแบบเปิดที่ต้องผ่าตัดเปิดแผลขนาดใหญ่ วิธีนี้สามารถใช้ในการรักษาโรคได้หลายระบบ เช่น การผ่าตัดถุงน้ำดี การผ่าตัดไส้เลื่อน การผ่าตัดไส้ติ่ง หรือการผ่าตัดรักษามะเร็งบางชนิด ซึ่งจะช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นหลังการรักษาผ่าตัด


ประเภทของการผ่าตัดแบบ Minimally Invasive Surgery


  • การส่องกล้องผ่าตัดช่องท้อง (Laparoscopic Surgery)

การผ่าตัดผ่านกล้องช่องท้องเป็นวิธีที่นิยมใช้ในการรักษาโรคหลาย ๆ โรค เช่น การผ่าตัดถุงน้ำดี (Laparoscopic Cholecystectomy) การผ่าตัดไส้เลื่อน การผ่าตัดไส้ติ่ง (Laparoscopic Appendectomy) และการผ่าตัดรักษามะเร็งบางชนิด โดยผู้ป่วยจะมีแผลเล็ก ๆ เพียงไม่กี่เซนติเมตร ทำให้การฟื้นตัวหลังผ่าตัดเร็วและมีรอยแผลเป็นน้อย

  • การผ่าตัดปอดผ่านกล้อง (Video Assisted Thoracic Surgery หรือ VATS)

การผ่าตัด VATS เป็นการผ่าตัดเพื่อรักษาโรคในช่องอก เช่น มะเร็งปอด ภาวะลมรั่วในเยื่อหุ้มปอด หรือก้อนเนื้อในทรวงอก การผ่าตัดนี้ช่วยให้ผู้ป่วยเจ็บตัวน้อยลงและฟื้นตัวได้เร็วเมื่อเทียบกับการผ่าตัดแบบเปิด

  • การผ่าตัดไทรอยด์ผ่านกล้อง

การผ่าตัดไทรอยด์ผ่านกล้องมีสองเทคนิค คือการผ่าตัดบริเวณใต้ลิ้นและการผ่าตัดผ่านรักแร้ ซึ่งทำให้ไม่มีรอยแผลที่ลำคอ ช่วยเพิ่มความมั่นใจด้านความสวยงามหลังการผ่าตัดโดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีความกังวลเรื่องแผลเป็น

  • การผ่าตัดกระเพาะเพื่อลดน้ำหนัก (Sleeve Gastrectomy)

การผ่าตัดกระเพาะเพื่อลดน้ำหนักเป็นการผ่าตัดที่ทำในผู้ป่วยที่มีภาวะน้ำหนักเกิน หรือเป็นโรคอ้วน โดยการผ่าตัดจะตัดกระเพาะอาหารบางส่วนออกไปเพื่อทำให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารได้น้อยลง ช่วยให้น้ำหนักตัวลดลง ดัชนีมวลกายกลับเข้าสู่เกณฑ์ที่เหมาสม

  • การผ่าตัดไตผ่านกล้อง

การผ่าตัดไตผ่านกล้องใช้ในกรณีที่ผู้ป่วยมีก้อนมะเร็งหรือซีสต์ในไต การใช้กล้องทำให้สามารถเข้าถึงอวัยวะได้อย่างแม่นยำและลดการบาดเจ็บที่เกิดกับเนื้อเยื่อรอบ ๆ ช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้เร็วขึ้น

  • การผ่าตัดต่อมลูกหมาก (Prostate Surgery)

เป็นการผ่าตัดที่ใช้ในการรักษาภาวะต่อมลูกหมากโต หรือมะเร็งต่อมลูกหมาก ซึ่งการผ่าตัดผ่านกล้องช่วยทำให้ผู้ป่วยมีความเจ็บปวดน้อยกว่าและมีระยะพักฟื้นในโรงพยาบาลน้อยลง

  • การผ่าตัดไส้เลื่อนผ่านกล้อง (Laparoscopic Hernia Repair)

การผ่าตัดไส้เลื่อนผ่านกล้องช่วยให้ผู้ป่วยเจ็บตัวน้อยและฟื้นตัวได้เร็วกว่าการผ่าตัดแบบเปิด ทำให้สามารถกลับไปทำงานและกิจกรรมปกติได้เร็วขึ้น

  • การทำหมันในผู้หญิง (Sterilization)

การทำหมันผ่านกล้องในผู้หญิง แผลจะมีขนาดเล็กมากหรือแทบไม่มีรอยแผล ทำให้ผู้ป่วยไม่ต้องกังวลเรื่องความงามของร่างกายหลังการผ่าตัด

  • การผ่าตัดตับบางส่วนผ่านกล้อง (Laparoscopic Liver Resection)

สำหรับผู้ป่วยที่มีเนื้องอกหรือต้องตัดเนื้อตับบางส่วนออก การผ่าตัดตับผ่านกล้องเป็นอีกทางเลือกที่ช่วยลดการเสียเลือดและลดระยะเวลาในการพักฟื้น

เช่น การผ่าตัดเนื้องอกมดลูก (Fibroids) หรือโรคทางนรีเวชอื่น ๆ การผ่าตัดผ่านกล้องทำให้ผู้ป่วยเจ็บตัวน้อยลงและมีเวลาพักฟื้นสั้นกว่า

  • การผ่าตัดรักษาโรคทางเดินอาหาร

เช่น การผ่าตัดรักษาแผลในกระเพาะอาหาร หรือการผ่าตัดรักษาภาวะกรดไหลย้อน

  • การผ่าตัดส่องกล้องรักษาโรคของกระดูกและข้อ (Arthroscopy)

เช่น ซ่อมแซมหมอนรองข้อเข่าที่บาดเจ็บ การปรับพื้นผิวข้อในกรณีข้อเข่าเสื่อม รักษาเส้นเอ็นหัวไหล่ที่บาดเจ็บ ซ่อมแซมเส้นเอ็นที่บาดเจ็บจากการเล่นกีฬา ลดอาการปวดจากการกดทับเส้นประสาทและซ่อมแซมบาดเจ็บของเอ็นข้อมือ

  • การผ่าตัดรักษาโรคทางศัลยกรรมอื่น ๆ

การผ่าตัดแบบ MIS ยังใช้ในการรักษาโรคทางศัลยกรรมอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น การผ่าตัดเนื้องอก การผ่าตัดรักษาภาวะลำไส้อุดตัน และการผ่าตัดรักษาภาวะถุงน้ำในอวัยวะต่าง ๆ


ข้อดีของการผ่าตัดแบบ Minimally Invasive Surgery


  • ฟื้นตัวเร็ว: เนื่องจากแผลมีขนาดเล็ก ผู้ป่วยจึงสามารถฟื้นตัวได้เร็วกว่าการผ่าตัดแบบเปิดที่ต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน การผ่าตัดแบบ MIS ทำให้ผู้ป่วยสามารถกลับไปทำกิจกรรมปกติได้ภายในไม่กี่วันหรือไม่กี่สัปดาห์
  • แผลขนาดเล็ก: นอกจากลดการเสียเลือดแล้ว ขนาดของแผลที่เล็กยังช่วยลดรอยแผลเป็นหลังการผ่าตัด ทำให้ผู้ป่วยไม่ต้องกังวลเรื่องความสวยงามของร่างกายหลังการรักษา
  • ลดความเสี่ยงการติดเชื้อ: เมื่อมีการบาดเจ็บที่เนื้อเยื่อน้อยลง โอกาสในการติดเชื้อก็ลดลงตามไปด้วย นอกจากนี้ยังลดการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นหลังการผ่าตัด เช่น ภาวะบวมน้ำหรือภาวะแผลติดเชื้อ หรือแผลปริ
  • การนอนโรงพยาบาลสั้นลง: เนื่องจากการฟื้นตัวที่เร็วขึ้น ผู้ป่วยที่เข้ารับการผ่าตัดแบบ MIS มักใช้เวลาพักฟื้นในโรงพยาบาลสั้นกว่าผู้ที่ผ่าตัดแบบเปิด การลดระยะเวลาการนอนโรงพยาบาลช่วยให้ผู้ป่วยลดค่าใช้จ่ายในการรักษาและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

ขั้นตอนการเตรียมตัวก่อนการผ่าตัดแบบ Minimally Invasive Surgery


  1. ปรึกษาแพทย์ เพื่อประเมินความเหมาะสมและวางแผนการรักษา: ขั้นตอนการเตรียมตัวที่สำคัญคือการพบและปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำเกี่ยวกับการผ่าตัด โดยแพทย์จะตรวจประเมินความพร้อมของผู้ป่วยเพื่อดูว่าการผ่าตัดแบบ MIS เหมาะสมกับสภาพร่างกายและอาการของผู้ป่วยหรือไม่ การเตรียมตัวนี้อาจรวมไปถึงการตรวจเลือด การตรวจภาพถ่าย X-Ray หรือการตรวจ CT Scan หรือการตรวจร่างกายอื่น ๆ เพื่อประเมินความพร้อมของร่างกายก่อนการผ่าตัด
  2. เตรียมร่างกายก่อนผ่าตัด: แพทย์อาจแนะนำให้ผู้ป่วยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวได้ดีที่สุด เช่น หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ เพราะการสูบบุหรี่ส่งผลต่อระยะเวลาการหายของแผลและมีผลต่อการทำงานของปอด และผู้ป่วยต้องงดอาหารและเครื่องดื่มก่อนผ่าตัดตามคำแนะนำของแพทย์
  3. เตรียมจิตใจก่อนการผ่าตัด: ความเครียดก่อนการผ่าตัดเป็นเรื่องปกติ การพูดคุยกับแพทย์และผู้เชี่ยวชาญจะช่วยลดความกังวลลงได้ โดยแพทย์จะอธิบายขั้นตอนต่าง ๆ และให้คำแนะนำต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ป่วยทราบถึงข้อมูลของการผ่าตัด

ความเสี่ยงและข้อจำกัดของการผ่าตัดแบบ Minimally Invasive Surgery

แม้ว่าการผ่าตัดแบบ MIS จะมีข้อดี แต่ก็ยังมีความเสี่ยงและข้อจำกัดบางประการ เช่น


  • โรคที่ซับซ้อนบางอย่างอาจไม่เหมาะสมกับการผ่าตัดแบบ MIS: ในบางกรณีที่โรคหรืออวัยวะมีความซับซ้อนมาก การผ่าตัดแบบเปิดอาจเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและเหมาะสมกว่า
  • ความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อน: เช่นเดียวกับการผ่าตัดทุกประเภท การผ่าตัดแบบ MIS ก็มีความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น การบาดเจ็บของอวัยวะใกล้เคียงหรือการติดเชื้อ

การฟื้นตัวหลังการผ่าตัด

การฟื้นตัวหลังจากการผ่าตัดแบบ MIS มักใช้เวลาน้อยกว่าการผ่าตัดแบบเปิด โดยผู้ป่วยสามารถกลับไปทำกิจกรรมเบา ๆ ได้ภายในไม่กี่วันหรือภายในสัปดาห์แรก ๆ หลังการผ่าตัด การปฏิบัติตัวตามคำแนะนำจากแพทย์ในการดูแลตัวเองหลังการผ่าตัดมีความสำคัญมาก เช่น การรับประทานอาหารที่เหมาะสม การพักผ่อนให้เพียงพอ และการดูแลรักษาแผลอย่างถูกต้องเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน อาจมีการนัดติดตามอาการอย่างใกล้ชิดในผู้ป่วยบางรายที่มีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน


คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการผ่าตัดแบบ Minimally Invasive Surgery

การผ่าตัดแบบ MIS เหมาะกับใคร?

ผู้ป่วยที่มีโรคหรือภาวะที่สามารถรักษาได้ด้วยการผ่าตัดขนาดเล็ก เช่น โรคถุงน้ำดี โรคไส้เลื่อน หรือมะเร็งบางชนิด สามารถเข้ารับการผ่าตัดแบบ MIS ได้ อย่างไรก็ตามความเหมาะสมของแต่ละคนขึ้นอยู่กับการประเมินของแพทย์


จะรู้สึกปวดหลังการผ่าตัดหรือไม่?

ผู้ป่วยจะรู้สึกปวดบ้าง แต่จะน้อยกว่าการผ่าตัดแบบเปิด เนื่องจากการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อมีน้อยกว่าและแผลมีขนาดเล็ก แพทย์อาจมีการให้ใช้ยาแก้ปวดหลังการผ่าตัดในกรณีที่มีอาการปวด


ต้องพักฟื้นนานเท่าไร?

โดยปกติผู้ป่วยจะพักฟื้นที่บ้านเป็นเวลาสั้น ๆ ประมาณ 1-2 สัปดาห์ขึ้นอยู่กับประเภทของการผ่าตัด และสามารถกลับไปทำกิจกรรมประจำวันได้หลังจากนั้น


สรุป

การผ่าตัดแบบ Minimally Invasive Surgery (MIS) หรือการผ่าตัดผ่านกล้อง เป็นเทคนิคทางการแพทย์ที่ช่วยลดความบอบช้ำของร่างกายผู้ป่วยเมื่อเทียบกับการผ่าตัดแบบเปิด โดยมีการใช้เครื่องมือพิเศษและกล้องขนาดเล็กสอดเข้าไปในร่างกายผ่านแผลขนาดเล็ก เทคนิคนี้สามารถรักษาโรคได้หลากหลาย ตั้งแต่โรคในระบบทางเดินหายใจ โรคทางเดินอาหาร โรคกระดูกและข้อ ไปจนถึงโรคในระบบสืบพันธุ์ ข้อดีของการผ่าตัดแบบ MIS คือช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นตัวเร็ว ลดความเจ็บปวด และมีแผลขนาดเล็ก ทำให้ระยะเวลาการพักฟื้นสั้นลง และกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้เร็วขึ้น

บทความที่เกี่ยวข้อง (10)

ดูทั้งหมด

ผ่าตัดไส้เลื่อน วิธีรักษาไส้เลื่อนให้หายดี ลดเสี่ยงภาวะแทรกซ้อน

ผ่าตัดไส้เลื่อน เป็นวิธีรักษาไส้เลื่อนที่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด โดยเฉพาะการผ่าแบบส่องกล้อง จะช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนรุนแรง และลดการเป็นซ้ำได้

เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ สัญญาณเตือนที่ผู้หญิงไม่ควรมองข้าม

เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis) คือภาวะที่เนื้อเยื่อในโพรงมดลูกเจริญนอกมดลูก เช่น รังไข่หรือท่อนำไข่ ทำให้เกิดการอักเสบและปวดท้องประจำเดือนรุนแรง

เนื้องอกมดลูก อันตรายใกล้ตัวของผู้หญิงที่ไม่ควรมองข้าม

เนื้องอกมดลูก มีสาเหตุมาจากเซลล์กล้ามเนื้อมดลูกเจริญผิดปกติ ผู้ป่วยส่วนมากมักไม่แสดงอาการ และผู้ป่วยบางส่วนอาจมีอาการปวดท้องน้อยรุนแรง ท้องผูก ปัสสาวะบ่อย

ต่อมลูกหมากโต (BHP) อาการเป็นอย่างไร รักษาวิธีไหนได้บ้าง?

โรคต่อมลูกหมากโต (BPH) คือ ภาวะที่ต่อมลูกหมากขยายใหญ่ขึ้น ส่งผลให้ปัสสาวะติดขัดและกระทบต่อคุณภาพชีวิต มักพบได้บ่อยในผู้ชายวัยกลางคนอายุ 50 ปีขึ้นไป

รู้ทันอาการริดสีดวงทวาร กับพฤติกรรมเสี่ยงที่ต้องระมัดระวัง

ริดสีดวงทวาร มีสาเหตุมาจากการเพิ่มแรงดันในช่องทวารหนัก ทำให้เนื้อเยื่อหลอดเลือดในช่องทวารหนัก (Anal cushion) เกิดการขยายตัวเป็นหัวริดสีดวง

ปัสสาวะบ่อย ไม่ใช่เรื่องเล็ก เสี่ยงโรคอันตรายบั่นทอนคุณภาพชีวิต

ปัสสาวะบ่อยเกิดได้จากหลายปัจจัย ตั้งแต่การดื่มน้ำหรือของเหลวในปริมาณมาก ได้รับคาเฟอีนมาก การใช้ยา ไปจนถึงโรคที่เกี่ยวข้องกับทางเดินปัสสาวะ เรียนรู้ในบทความนี้!

การผ่าตัดเปลี่ยนผิวข้อเข่าเทียมบางส่วน ทางเลือกรักษาข้อเข่าเสื่อม แผลเล็ก ฟื้นตัวเร็ว

การผ่าตัดเปลี่ยนผิวข้อเข่าเทียมบางส่วน หรือ UKA เป็นการผ่าตัดรักษาโรคข้อเข่าเสื่อม โดยเอาผิวข้อเฉพาะส่วนที่สึกหรอออก และเก็บผิวข้อเข่าส่วนที่ยังมีสภาพดีไว้ ทำให้ผู้ป่วยไม่ต้องใช้เวลาปรับตัวนาน ในการกลับไปใช้ข้อเข่าได้เหมือนธรรมชาติ

คุณเป็นโรคภูมิแพ้…จริงหรือ…?

คนทั่วไปเมื่อมีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหลเรื้อรัง หรือเป็นๆ หายๆ มักจะบอกว่า เป็นโรคภูมิแพ้ หรือไม่ก็เข้าใจว่าตนเป็นหวัด หวัด เกิดจากการติดเชื้อไวรัส คนทั่วไปมักเป็นได้ปีละ 4 – 5 ครั้งก็มากเกินปกติแล้ว อาการหวัดมักเป็นอยู่ 3 – 4 วัน

โรคไข้อีดำอีแดง โรคที่เกิดจากพิษของเชื้อแบคทีเรีย

ข้อมูลจาก สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย โรคไข้อีดำอีแดงหรือ scarlet fever เป็นโรคที่เกิดจากพิษของเชื้อแบคทีเรียชื่อ #สเตร็ปโตคอคคัสชนิดเอ ทำให้มีผื่นแดง ตามตัวร่วมกับคอหอยหรือทอนซิลอักเสบ พบบ่อยในช่วงอายุระหว่าง 5-15 ปี

วัคซีนปอดอักเสบนิวโมคอกคัสชนิดใหม่ 20 สายพันธุ์ (PCV 20)

โรคปอดอักเสบจากเชื้อนิวโมคอกคัสเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียสเตรปโตคอคคัสนิวโมเนียอี (Streptococcus pneumoniae) ส่วนใหญ่เชื้อจะพบอยู่ในโพรงจมูกและลำคอ สามารถแพร่กระจายผ่านการสัมผัสสารคัดหลั่งทางละอองฝอยทางการไอหรือจาม เป็นหนึ่งในเชื้อที่ทำให้เกิดปอดอักเสบที่พบบ่อย ทั้งในเด็ก ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ

Copyright © 2024 All Rights Reserved | Praram 9 Hospital