บทความสุขภาพ

Knowledge

โรคซึมเศร้าดีขึ้นได้โดยการรักษาด้วย TMS

โรคซึมเศร้าเป็นปัญหาสุขภาพที่สำคัญอย่างหนึ่งเพราะเป็นโรคที่คนทั่วไปอาจยังไม่ค่อยเข้าใจหรือยังไม่ค่อยตระหนักถึงผลกระทบที่เกิดจากโรคนี้ ผู้ป่วยบางคนอาจไม่รู้ตัวว่ามีอาการของโรคซึมเศร้าอยู่ หรือแม้กระทั่งญาติหรือคนใกล้ชิดก็อาจไม่ได้สังเกตว่าคนใกล้ตัวกำลังมีภาวะซึมเศร้าอยู่ หรือบางคนถึงกับคิดไปว่าผู้ป่วยคิดมาก เครียดเกินไป หรือคิดไปเอง ทำให้ผู้ป่วยหลาย ๆ คนได้รับการรักษาช้าหรือมีอาการรุนแรงมากจนเกิดผลกระทบที่รุนแรงตามมา เช่น การคิดฆ่าตัวตาย การพยายามฆ่าตัวตาย


และหลายปีมานี้มีการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจำนวนมาก และผู้ที่ติดเชื้อที่หายแล้วหลาย ๆ รายมี “ภาวะลองโควิด” ซึ่งพบว่าผู้ป่วยกลุ่มนี้จะมีปัญหาสุขภาพจิด เช่น วิตกกังวล ปัญหาด้านการควบคุมอารมณ์ ภาวะนอนไม่หลับ และอาจนำไปสู่โรคซึมเศร้าได้ ซึ่งทำให้มีคนป่วยเป็นโรคซึมเศร้ามากขึ้นในปัจจุบัน


การรักษาโรคซึมเศร้าตั้งแต่เพิ่งเริ่มมีอาการด้วยวิธีที่ถูกต้องจึงเป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญ โดยปัจจุบันการรักษาโรคซึมเศร้าสามารถทำได้หลายวิธีตั้งแต่การรับประทานยา การพูดคุยกับจิตแพทย์ การรักษาจิตบำบัดเชิงลึก และการรักษาโดยการกระตุ้นสมองด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า หรือ transcranial magnetic stimulation (TMS) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการกระตุ้นสมองด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าโดยไม่ต้องผ่าตัดหรือดมยาสลบ ซึ่งบทความนี้เราจะมาทำความรู้จักกับการรักษาโรคซึมเศร้าด้วย TMS ซึ่งเป็นทางเลือกหนึ่งของการรักษาโรคซึมเศร้าในปัจจุบัน

โรคซึมเศร้า


โรคซึมเศร้า เกิดจากภาวะสารเคมีในสมองผิดปกติ ส่งผลให้ผู้ป่วยมีกระทบทางด้านอารมณ์ ความคิด พฤติกรรม ผู้ป่วยมักน้ำหนักลด มีอาการอ่อนเพลีย นอนไม่หลับ หรืออาจส่งผลไปถึงประสิทธิภาพการทำงานและความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง เป็นโรคที่สามารถรักษาได้ด้วยการรับประทานยา การพบและพูดคุยกับจิตแพทย์ หรือการรักษาด้วยการพูดคุยกับนักจิตบำบัด การกระตุ้นด้วยการช็อตไฟฟ้า (electroconvulsive therapy: ECT) และการรักษาโดยการกระตุ้นสมองด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า หรือ transcranial magnetic stimulation (TMS)


Transcranial magnetic stimulation (TMS) คืออะไร?


Transcranial magnetic stimulation (TMS) คือ เทคโนโลยีการรักษาด้วยการกระตุ้นสมองด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าผ่านกะโหลกศีรษะจากภายนอก โดยจะปล่อยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าไปกระตุ้นเซลล์ประสาทในสมองให้ทำงานได้ดีขึ้นเพื่อฟื้นฟูประสิทธิภาพการทำงานของสมองและลดอาการของโรคซึมเศร้า ซึ่งนอกจากโรคซึมเศร้าแล้ว TMS ยังมาใช้รักษาโรคเกี่ยวกับระบบประสาทและสมองอื่น ๆ ได้อีกด้วย เช่น โรคไมเกรนชนิดมีออร่า โรคย้ำคิดย้ำทำ โรคจิตเภท (schizophrenia) โรคหลอดเลือดสมอง การบาดเจ็บของไขสันหลัง และกล้ามเนื้อหดเกร็ง และช่วยในการเลิกบุหรี่ เป็นต้น


TMS รักษาซึมเศร้าได้อย่างไร?


การรักษาโรคซึมเศร้าด้วย TMS คือการปล่อยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าไปเหนี่ยวนำ และกระตุ้นทำให้เกิดกระเเสประสาท แล้วทำให้เกิดการหลั่งสารเคมีในสมองและปรับการทำงานของสมองให้อยู่ในสภาวะปกติเเละลดการเกิดอาการซึมเศร้าลงได้ โดยการรักษาด้วย TMS นี้ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (FDA) ว่ามีความปลอดภัยเเละมีประโยชน์ช่วยในการรักษาโรคซึมเศร้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยจากการศึกษาพบว่าการรักษาโรคซึมเศร้าด้วย TMS นี้มีอัตราความสำเร็จในการรักษามากถึง 78%


รักษาโรคซึมเศร้าด้วย TMS ทำอย่างไร?


  1. จิตแพทย์จะทำการประเมินและซักประวัติอย่างละเอียดเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการวางแผนการรักษา
  2. ในวันที่เข้ารับการทำ TMS ผู้ป่วยจะได้รับการรักษา ในห้อง TMS โดยจะนั่งบนเก้าอี้ที่ปรับเอน แล้ววางศีรษะในตำแหน่งที่เหมาะสมเเละสบาย จากนั้น สวมอุปกรณ์บริเวณศีรษะและใส่ที่อุดหูเพื่อป้องกันเสียงรบกวน
  3. เจ้าหน้าที่ (TMS team) จะนำอุปกรณ์ปล่อยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า มาติดบนศีรษะในตำแหน่งที่ต้องการกระตุ้นและทดสอบความแรงของการกระตุ้นที่เหมาะสม แล้วทำการกระตุ้น โดยจะกระตุ้นติดต่อกันเป็นเวลา 30-60 นาที โดยไม่ต้องวางยาสลบหรือยาระงับความรู้สึก ซึ่งความถี่ในการรักษาจะอยู่ที่ประมาณ 5 ครั้งต่อสัปดาห์ ติดต่อกันประมาณ 4-6 สัปดาห์ โดยจำนวนครั้งและระยะเวลาการรักษาจะขึ้นกับอาการของผู้ป่วยแต่ละราย

ใครบ้างที่เหมาะกับการรักษาด้วย TMS


แพทย์จะทำการแนะนำการรักษาด้วยวิธี TMS ในผู้ป่วยโรคซึมเศร้าที่มีอาการรุนแรง ผู้ป่วยที่ทนต่อผลข้างเคียงจากยาไม่ได้ หรือในกลุ่มผู้ป่วยโรคซึมเศร้าที่รักษาด้วยยามามากกว่า 1 ปี แล้วอาการไม่ดีขึ้น หรือไม่ตอบสนองต่อยาและปริมาณยาที่สูงขึ้น


โดยในปัจจุบันได้มีการเริ่มนำการรักษาด้วย TMS มาใช้ร่วมกับการรักษาด้วยการพูดคุยกับนักจิตบำบัดเเละการทานยาเพื่อให้ผลการรักษาดีขึ้นอีกด้วย


ในบางกรณีอาจใช้ TMS ในการรักษาโรคหลอดเลือดสมอง โรคอัมพฤกษ์อัมพาต รวมไปถึงอาการนอนไม่หลับเรื้อรัง เเละการเลิกบุหรี่


ผลการรักษาโรคซึมเศร้าด้วย TMS


การรักษาด้วย TMS จะช่วยลดอาการซึมเศร้า และอาการวิตกกังวลลงได้ แล้วยังช่วยให้มีสมาธิและทำให้การนอนหลับดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อพฤติกรรมในด้านบวก ทั้งในแง่การเข้าสังคมเเละการใช้ชีวิต การรักษาโรคซึมเศร้าด้วย TMS นี้เป็นการรักษาที่จะทำให้อาการของภาวะซึมเศร้าดีขึ้นได้ ภายใน 2-3 สัปดาห์ ทั้งนี้ขึ้นกับจำนวนครั้งที่ทำการกระตุ้นและความรุนแรงของโรคแต่ละราย


การรักษาโรคซึมเศร้าด้วย TMS มีผลข้างเคียงหรือไม่?


การรักษาด้วย TMS เป็นการรักษาที่มีผลข้างเคียงน้อย อาจทำให้มีอาการวิงเวียนศีรษะ ปวดศีรษะเล็กน้อยในบริเวณที่ทำการกระตุ้น และอาจเกิดอาการชักในขณะทำการรักษาโดยมีโอกาสเกิดเพียง 0.01% โดยอาการทั้งหมดสามารถหายได้เอง หรือรักษาให้หายได้ภายในวันที่ทำการกระตุ้น อย่างไรก็ตามก่อนรับการรักษาด้วย TMS จิตแพทย์จะประเมินความเสี่ยงของผู้ป่วยทุกราย กรณีที่มีความเสี่ยงการเกิดอาการชัก แพทย์อาจต้องพิจารณาความเหมาะสมเป็นราย ๆ ไป


การรักษาด้วย TMS ดีอย่างไร?


  • เป็นการรักษาที่ผู้ป่วยไม่ต้องมีการผ่าตัด หรือได้รับความเจ็บปวดจากการรักษา
  • ให้ผลดีในผู้ป่วยโรคซึมเศร้าที่อาการรุนแรงและดื้อต่อการรักษาด้วยวิธีอื่น ๆ
  • เป็นการรักษาที่มีความปลอดภัย มีผลข้างเคียงจากการรักษาค่อนข้างน้อย
  • เป็นวิธีการรักษาที่สามารถใช้ร่วมกับการรักษาวิธีอื่น เช่น การรักษาด้วยการรับประทานยา หรือการรักษาโดยการทำจิตบำบัดได้
  • ช่วยเพิ่มการรอดชีวิตของผู้ป่วยโรคซึมเศร้า เพราะการรักษาวิธีนี้ช่วยลดอาการของโรคซึมเศร้าได้ดี ทำให้ลดการฆ่าตัวตายของผู้ป่วยซึมเศร้าได้
  • ภายหลังการรักษาสามารถกลับบ้านไปทำกิจวัตรประจำวันและทำงานได้ตามปกติ

สรุป


การรักษาโรคซึมเศร้าด้วยเทคโนโลยี TMS เป็นทางเลือกการรักษาที่มีผลข้างเคียงน้อยเเละสามารถรักษาโรคซึมเศร้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นทางเลือกของการรักษาของผู้ป่วยซึมเศร้าที่อาการรุนแรง และดื้อต่อการรักษาด้วยวิธีอื่น ๆ อีกทั้งยังเป็นการรักษาที่ไม่ต้องผ่าตัด หรือไม่ทำให้ผู้ป่วยได้รับความเจ็บปวด อย่างไรก็ตามการรักษาด้วย TMS ต้องทำโดยจิตเเพทย์ผู้เชี่ยวชาญเเละเจ้าหน้าที่ที่มีความชำนาญสูงเพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพสูงสุด


ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญกับ Praram 9 V ปรึกษาแพทย์ได้ทุกที่ผ่านทางวิดีโอคอล (Telemedicine)

เกี่ยวกับผู้เขียนบทความ

บทความที่เกี่ยวข้อง (10)

ดูทั้งหมด

“เสื่อม ปวด อ้วน เครียด” 4 ปัญหาสุขภาพมาแรงในปัจจุบัน

ในยุคปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงในหลากหลายด้าน การมีสุขภาพดี เพื่อต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดอย่างรวดเร็ว ย่อมเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการ

Extraordinary Attorney Woo Ep.1 “รักยิ่งใหญ่จากชายคนหนึ่ง”

วิเคราะห์ “อูยองอู” เด็กที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคออทิสติก ผ่านซีรีย์ Extraordinary Attorney Woo โดยจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น รพ.พระรามเก้าที่ดูแลเด็กออทิสติกมายาวนาน

จิตเวช เด็ก และ วัยรุ่น: ลูกสาวอายุ 4 ขวบ ชอบเถียง และดื้อมาก ขัดใจก็จะร้องไห้ทำอย่างไรดีคะ

จิตเวช เด็ก และ วัยรุ่น: ลูกสาวอายุ 4 ขวบ ชอบเถียง และดื้อมาก ขัดใจก็จะร้องไห้ทำอย่างไรดีคะคำถาม ลูกสาวอายุ 4 ขวบ ชอบเถียง และดื้อมาก ทำอะไรขัดใจก็จะร้องไห้ทำอย่างไรดีคะ ตอนนี้ไม่มีใครปราบได้เลยค่ะ คำตอบ โดย แพทย์หญิงสุภาพร ปิตวิวัฒนานนท์

ใครนอนไม่หลับ ฟังทางนี้!

“คุณเคยเป็นแบบนี้ไหม?” นอนหลับยาก หลับไม่สนิท ตื่นกลางดึกบ่อย ตื่นเช้ากว่าปกติ นอนไม่หลับเรื้อรัง รู้สึกไม่สดชื่นเมื่อตื่นนอน ในช่วงเวลาหนึ่งของชีวิต หลายท่านอาจเคยประสบปัญหาการนอนไม่หลับ

กินอย่างไรห่างไกลความเครียด

เซโรโทนิน สารสื่อประสาทต้านเครียด การมีสารสื่อประสาทในสมองที่มีชื่อว่า ซีโรโทนิน (serotonin) อย่างเพียงพอจะช่วยให้อารมณ์ดี รู้สึกผ่อนคลายและสงบ แต่ในสภาวะเครียดซีโรโทนินจะลดลง ทำให้นอนไม่หลับ หงุดหงิด ขาดสมาธิ และซึมเศร้า

จิตเวช: ห้ามบ่อยๆ หรือจะปล่อยตามใจ

จิตเวช: ห้ามบ่อยๆ หรือจะปล่อยตามใจ ห้ามบ่อยๆ หรือจะปล่อยตามใจ โดย พญ.พยอม อิงคตานุวัฒน์ การเลี้ยงลูกถึงแม้จะเป็นเรื่องของชีวภาพ มนุษย์ไม่ว่าอยู่ที่มุมใดของโลกเมื่อมีลูกก็จะเลี้ยงลูกเป็น หากแต่การเลี้ยงลูกย่อมแตกต่างตามภูมิภาคและวัฒนธรรม

จิตเวช: เห็น…(จิต)…ใจคนแก่บ้าง

จิตเวช: เห็น…(จิต)…ใจคนแก่บ้าง เห็น…(จิต)…ใจคนแก่บ้าง โดย นพ.ประทักษ์ ลิขิตเลอสรวง โปรดอย่าเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเรื่องพรรค์นั้นนะครับ ผมหมายถึง “ปัญหาสุขภาพจิตของผู้สูงอายุ” ต่างหาก

จิตเวช: ยาบ้า ยาอี ยาม้า เหมือนกันหรือต่างกันตรงไหนคะ

ตเวช: ยาบ้า ยาอี ยาม้า เหมือนกันหรือต่างกันตรงไหนคะ คำถาม ยาบ้า ยาอี ยาม้า เหมือนกันหรือต่างกันตรงไหนคะ ยาพวกนี้มามีส่วนทำอะไรในร่างกายหรือจิตใจเราคะจึงทำให้เราติดมัน คำตอบ โดย นายแพทย์ประทักษ์ ลิขิตเลอสรวง ยาบ้า หรือ ยาม้า เป็นชื่อสารเสพติด

ไอคิว (IQ)

ไอคิวหรือความสามารถทางเชาว์ปัญญาของแต่ละคนมีมาแต่กำเนิด โดยถ่ายทอดจากพันธุกรรมต่อจากพ่อแม่ ไอคิวสามารถพัฒนาให้สมบูรณ์ขึ้นได้ตามช่วงอายุ ซึ่งมีปัจจัยต่าง ๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นความสมบูรณ์ของระบบประสาทและสมอง รวมถึงสภาพแวดล้อมที่ช่วยส่งเสริมและกระตุ้นการเรียนรู้ ทำให้เกิดพัฒนาการทางไอคิวที่ดีขึ้น

สุขภาพจิตเติมเต็มได้ด้วยการออกกำลังกาย

ปัญหาสุขภาพจิต และสมองเสื่อม เป็นหนึ่งในอาการทางจิตของคนในวัยสูงอายุ ซึ่งสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากสภาพความเสื่อมของร่างกายและความเครียดในการใช้ชีวิต ส่งผลให้เกิดอาการทางจิตต่างๆ ตั้งแต่ อาการระยะแรกเริ่ม คือ ความเครียด กระวนกระวาย ซึมเศร้า จนถึง

Copyright © 2024 All Rights Reserved | Praram 9 Hospital