บทความสุขภาพ

Knowledge

มะเร็งปากมดลูก โรคร้ายของผู้หญิงทุกคน

พญ. ธิษณา อนันตวัฒน์

จากข้อมูลสถิติในประเทศไทยปี 2563 พบว่ามะเร็งปากมดลูกเป็นมะเร็งที่พบบ่อยเป็นอันดับ 3 ในผู้หญิงไทย รองจากมะเร็งเต้านมและมะเร็งลำไส้ มะเร็งปากมดลูกส่วนใหญ่ในระยะเริ่มแรก มักจะไม่ค่อยมีอาการ หรืออาจจะมีอาการเพียงเล็กน้อย เช่น ตกขาวผิดปกติ มีเลือดปน หรือมีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด เช่น ออกแบบกะปริบกะปรอย หรือเลือดออกหลังจากมีเพศสัมพันธ์ ดังนั้นหากท่านมีอาการหรือสัญญาณเตือนที่อาจจะเกิดจากโรคมะเร็งปากมดลูก ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจรักษาตั้งแต่แรกเริ่ม และป้องกันไม่ให้กลายเป็นมะเร็งปากมดลูกระยะลุกลาม


มะเร็งปากมดลูก เกิดจากอะไร?


ปัจจุบันพบว่าสาเหตุสำคัญของการเกิดมะเร็งปากมดลูก คือเกิดจากการติดเชื้อไวรัสที่ชื่อว่า Human Papilloma Virus หรือเรียกสั้นๆว่า เชื้อ เอชพีวี (HPV) ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสที่สามารถติดต่อได้ทางเพศสัมพันธ์ โดยอาจจะเกิดจากการติดต่อได้หลายช่องทาง เช่น ทางปาก ทางช่องคลอด หรือ ทางทวารหนัก โดยได้รับเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่มีเชื้อ HPV อยู่


cervical-cancer-2.jpg


เชื้อ HPV คืออะไร?


ดังที่กล่าวไปแล้วว่า เชื้อ HPV คือเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งที่เป็นสาเหตุหลักของมะเร็งปากมดลูก


เชื้อ HPV มีกว่า 100 สายพันธุ์ โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่มสายพันธุ์ที่มีความเสี่ยงสูง ซึ่งคือสายพันธุ์ที่ทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูกได้ ตัวอย่างเช่น สายพันธุ์ 16, 18, 31, 33, 35, 39, 45, 51, 52, 58 เป็นต้น และกลุ่มที่เป็นสายพันธุ์ความเสี่ยงหรือสายพันธุ์ที่ไม่ได้ทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูก แต่อาจจะทำให้เกิดโรคอื่น เช่น โรคหูดหงอนไก่


อาการของมะเร็งปากมดลูก


โรคมะเร็งปากมดลูกเป็นโรคที่สามารถตรวจพบได้ในระยะก่อนที่จะกลายเป็นมะเร็ง โดยส่วนใหญ่ระยะเริ่มแรกนี้มักจะไม่มีอาการแสดงใด ๆ ส่วนใหญ่เป็นการตรวจพบจากการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกประจำปี ดังนั้น สตรีในวัยเจริญพันธุ์ทั่วไปควรทำการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเป็นประจำและสม่ำเสมอ โดยไม่ต้องรอให้มีอาการใด ๆ


มะเร็งปากมดลูกอาจมีอาการดังต่อไปนี้


  1. ระยะแรกมักไม่มีอาการ
  2. เลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด เช่น ประจำเดือนมามากผิดปกติ หรือ เลือดออก กะปริบกะปรอย
  3. เลือดออกเวลามีเพศสัมพันธ์
  4. เลือดออกทางช่องคลอดหลังหมดประจำเดือน
  5. ตกขาว หรือระดูขาวผิดปกติ เช่น มีกลิ่น มีเลือดปน ปริมาณมากผิดปกติ
  6. ปวดหน่วงท้องน้อย

cervical-cancer-3.jpg


มะเร็งปากมดลูกสามารถป้องกันได้หรือไม่?


เนื่องจากมะเร็งปากมดลูก เกิดจากการติดเชื้อไวรัส HPV ดังนั้นการป้องกันการติดเชื้อ HPV จึงเป็นการป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูก โดยแนวทางในการป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูก


มี 2 แนวทาง ได้แก่


  1. การป้องกันการติดเชื้อ HPV ได้แก่ การฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อ HPV การป้องกันการติดเชื้อระหว่างมีเพศสัมพันธ์ เช่น การใช้ถุงยางอนามัย การมีคู่นอนคู่เดียว หรือการรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง พักผ่อนให้เพียงพอ และหลีกเลี่ยงอาหารก่อมะเร็งต่างๆ การติดเชื้อ HPV ในช่วงแรก มักจะเป็นๆ หายๆ ได้เอง หากผู้ได้รับเชื้อมีสุขภาพและมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง
  2. การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกโรคมะเร็งปากมดลูกสามารถตรวจพบเจอได้ก่อนที่จะกลายเป็นมะเร็ง (premalignant lesions) ซึ่งระยะนี้ส่วนใหญ่มักจะไม่มีอาการแสดงให้เห็น ดังนั้น จึงควรเข้ารับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกอย่างสม่ำเสมอ

cervical-cancer-4.jpg


วัคซีนมะเร็งปากมดลูก ป้องกันได้จริงหรือ?


วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกที่รู้จักกันในปัจจุบัน คือวัคซีนที่ป้องกันการติดเชื้อไวรัส HPV เนื่องจากสาเหตุหลักของการเกิดมะเร็งปากมดลูกคือการติดเชื้อไวรัส HPV ดังนั้นการป้องกันการติดเชื้อไวรัส HPV แต่เริ่มแรก จึงเป็นการป้องกันการเกิดมะเร็งปากมดลูกที่ดีที่สุด


ในปัจจุบันประเทศไทยมีวัคซีนป้องกันการติดเชื้อ HPV อยู่ 3 ชนิด ได้แก่


  1. วัคซีนป้องกัน HPV ชนิด 2 สายพันธุ์ (bivalent) ครอบคลุมสายพันธุ์ 16 และ 18 ที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งปากมดลูก
  2. วัคซีนป้องกัน HPV ชนิด 4 สายพันธุ์ (quadrivalent) ครอบคลุมสายพันธุ์ 16 และ 18 ที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งปากมดลูก และสายพันธุ์ 6 และ 11 ที่ทำให้เกิดโรคหูดหงอนไก่
  3. วัคซีนป้องกัน HPV ชนิด 9 สายพันธุ์ (nonavalent) ครอบคลุมสายพันธุ์ 16, 18, 31, 33, 45, 52 และ 58 ที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งปากมดลูก และสายพันธุ์ 6 และ 11 ที่ทำให้เกิดโรคหูดหงอนไก่

โดยเชื้อ HPV สายพันธุ์ 16 และ 18 เป็น 2 สายพันธุ์หลักที่พบได้บ่อยที่สุดในกลุ่มสายพันธุ์ความเสี่ยงสูง โดยรวมกัน พบได้ประมาณ 70% ของ HPV ที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็งปากมดลูก


ดังนั้น วัคซีน 2 สายพันธุ์ และ 4 สายพันธุ์ จะป้องกันการติดเชื้อ HPV ได้ประมาณ 70% ในขณะที่วัคซีนชนิด 9 สายพันธุ์ จะป้องกันสายพันธุ์ความเสี่ยงสูงได้เพิ่มอีกประมาณ 20% (ป้องกันได้ประมาณ 90%)


ข้อมูลเพิ่มเติมเรื่อง วัคซีน HPV


การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก ควรตรวจเมื่อไหร่?


การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกที่ใช้ในปัจจุบันมี 2 วิธี คือ การตรวจทางเซลล์วิทยา (cervical cytology) หรือที่รู้จักว่า PAP Test และอีกวิธีหนึ่ง คือ การตรวจหาเชื้อ HPV ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญ

ของการเกิดโรคมะเร็งปากมดลูก โดยมีแนวทางการตรวจดังนี้


  1. เริ่มตรวจในสตรีที่มีอายุ 25 – 30 ปีขึ้นไป
  2. วิธีการตรวจอาจตรวจด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง (ตรวจทางเซลล์วิทยา หรือ ตรวจหาเชื้อ HPV) หรืออาจตรวจพร้อมกัน ที่เรียกว่า Co-test ซึ่งเป็นการตรวจที่ให้ความแม่นยำที่สุดในปัจจุบัน
  3. ระยะเวลาห่างในการตรวจ ในกรณีที่ผลตรวจเลือดเป็นปกติ แนะนำให้ตรวจทุก 2-3 ปี หรือถ้าตรวจด้วย Co-test อาจตรวจได้ทุก 3-5 ปี หรือตรวจตามที่สูตินรีแพทย์แนะนำ อย่างไรก็ตาม การตรวจภายในที่มักจะทำพร้อมกับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก เป็นการตรวจดูมดลูกและรังไข่ร่วมด้วย ซึ่งควรจะตรวจภายในทุกปี

ในกรณีที่ตัดมดลูกและปากมดลูกไปแล้ว อาจจะสามารถหยุดตรวจมะเร็งปากมดลูกได้ ควรปรึกษาแพทย์ที่ทำการผ่าตัดอีกครั้ง ส่วนบุคคลทั่วไป อาจหยุดตรวจเมื่ออายุมากกว่า 65-70 ปีขึ้นไปได้


cervical-cancer-5.jpg


สรุป


โรคมะเร็งปากมดลูกเป็นโรคมะเร็งที่สามารถป้องกันได้ การฉีดวัคซีน HPV และการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกอย่างสม่ำเสมอจะเป็นการป้องกันและลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งปากมดลูกได้ และหากพบความผิดปกติที่สงสัยว่าเป็นอาการของมะเร็งปากมดลูก ควรรีบปรึกษาแพทย์ เพื่อรับตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาอย่างถูกต้องต่อไป


ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญกับ Praram 9 V ปรึกษาแพทย์ได้ทุกที่ผ่านทางวิดีโอคอล (Telemedicine)

เกี่ยวกับผู้เขียนบทความ

พญ. ธิษณา อนันตวัฒน์

พญ. ธิษณา อนันตวัฒน์

ศูนย์สูตินรีเวช

แพ็กเกจที่เกี่ยวข้อง (3)

ดูทั้งหมด

ตรวจมะเร็งปากมดลูกพร้อมตรวจหาเชื้อเอชพีวีที่ก่อให้เกิดมะเร็งปากมดลูก (Liquid Prep Plus HPV DNA Cervical Screening)

ตรวจมะเร็งปากมดลูกพร้อมตรวจหาเชื้อเอชพีวีที่ก่อให้เกิดมะเร็งปากมดลูก (Liquid Prep Plus HPV DNA Cervical Screening)

ตรวจมะเร็งปากมดลูกพร้อมตรวจหาเชื้อเอชพีวีที่ก่อให้เกิดมะเร็งปากมดลูก

฿ 3,300

ตรวจหาเชื้อเอชพีวีที่ก่อให้เกิดมะเร็งปากมดลูก (HPV DNA Test)

ตรวจหาเชื้อเอชพีวีที่ก่อให้เกิดมะเร็งปากมดลูก (HPV DNA Test)

รวจหาเชื้อเอชพีวีที่ก่อให้เกิดมะเร็งปากมดลูก (HPV DNA Test)

฿ 2,300

โปรแกรมวัคซีน HPV 9 สายพันธุ์ ( เด็กอายุ 9-15 ปี ) Full Course for Young Campaign

โปรแกรมวัคซีน HPV 9 สายพันธุ์ ( เด็กอายุ 9-15 ปี ) Full Course for Young Campaign

โปรแกรมวัคซีน HPV 9 สายพันธุ์ ( เด็กอายุ 9-15 ปี ) Full Course for Young Campaign

฿ 5,300 - 10,600

บทความที่เกี่ยวข้อง (10)

ดูทั้งหมด

เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ สัญญาณเตือนที่ผู้หญิงไม่ควรมองข้าม

เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis) คือภาวะที่เนื้อเยื่อในโพรงมดลูกเจริญนอกมดลูก เช่น รังไข่หรือท่อนำไข่ ทำให้เกิดการอักเสบและปวดท้องประจำเดือนรุนแรง

เนื้องอกมดลูก อันตรายใกล้ตัวของผู้หญิงที่ไม่ควรมองข้าม

เนื้องอกมดลูก มีสาเหตุมาจากเซลล์กล้ามเนื้อมดลูกเจริญผิดปกติ ผู้ป่วยส่วนมากมักไม่แสดงอาการ และผู้ป่วยบางส่วนอาจมีอาการปวดท้องน้อยรุนแรง ท้องผูก ปัสสาวะบ่อย

รวมสาเหตุที่ต้องผ่าตัดมดลูก พร้อมเคล็ดลับการดูแลตัวเองหลังการผ่าตัด

การผ่าตัดมดลูกคือการแก้ปัญหาที่มีสาเหตุจากมดลูกจนทำให้เกิดความอันตรายต่อชีวิต มาทำความเข้าใจกันว่าดูแลตัวเองหลังผ่าตัดอย่างไรให้ไม่ต้องกังวลปัญหาแทรกซ้อน

“ซีสต์” หรือ ถุงน้ำรังไข่ อาการเป็นยังไง? พร้อมเจาะลึกหาสาเหตุและวิธีรักษา

ซีสต์ (Cyst) มีหลายชนิด สามารถเกิดได้ทั่วร่างกาย แต่สำหรับผู้หญิงควรระวังซีสต์รังไข่หรือถุงน้ำรังไข่ เพราะอาจทำให้มีอาการปวดหน่วงท้องน้อย ประจำเดือนมาไม่ปกติได้

คุณแม่ตั้งครรภ์กับการออกกำลังกาย

การออกกำลังกายที่เหมาะสมและเพียงพอในคุณแม่ตั้งครรภ์จะช่วยส่งผลดีต่อสุขภาพของทั้งคุณแม่และทารกในครรภ์ อย่างไรก็ตามไม่ควรออกกำลังกายหักโหมและหนักเกินไป ควรเลือกการออกกำลังกายที่เหมาะสม และอยู่ในการดูแลและแนะนำจากสูตินรีแพทย์

ทำอย่างไร เมื่อหลังคลอด ไม่มีความรู้สึกทางเพศ

ปัญหาของคุณแม่หลังคลอดที่มีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ซึ่งมีผลต่อทางร่างกายและจิตใจ ปัญหาด้านอารมณ์ทางเพศที่ลดลงหลังคลอดเป็นอีกปัญหาที่ทำให้คุณผู้หญิงหลายคนกังวล การพูดคุยทำความเข้าใจกับคู่ครองจะช่วยให้ความสัมพันธ์ยังคงดีเหมือนเดิมได้

อัลตร้าซาวด์ช่องท้อง เพื่อวินิจฉัยโรคต่างๆ ในช่องท้องที่ตามองไม่เห็น

ผ่าตัดปลูกถ่ายไตซ้ำ มาจากปัจจัยสำคัญอะไรบ้าง เสี่ยงกว่าครั้งแรกมากน้อยแค่ไหนต้องเตรียมตัวอย่างไรก่อนผ่าตัด

ตรวจเต้านมด้วยตนเอง เพื่อรู้ทันมะเร็งเต้านม

การคลำเต้านมด้วยตนเองเป็นประจำ ช่วยให้เราสังเกตเห็นสัญญาณผิดปกติของมะเร็งเต้านมตั้งแต่ระยะแรก ๆ วิธีการคลำเต้านมทำง่ายๆได้ด้วยตัวเองดังนี้

ตั้งครรภ์ช่วงโควิด เสี่ยงมากน้อยแค่ไหน?

โควิด 19 จะส่งผลอะไรต่อลูกน้อยในครรภ์ไหม ต้องป้องกันหรือรักษาอย่างไร

Q&A รวมข้อสงสัยมะเร็งเต้านม พร้อมคำตอบแบบเคลียร์ชัด

ทำความรู้จักมะเร็งเต้านม ผ่าน 36 คำถามยอดฮิตที่ใคร ๆ ก็สงสัย พร้อมคำตอบแบบเคลียร์ชัด เพื่อความเข้าใจในโรคนี้ เพิ่มโอกาสรีบเข้ารักษาให้หายขาด

Copyright © 2024 All Rights Reserved | Praram 9 Hospital