เมื่อก้าวเข้าสู่ช่วงอายุ 40 ปลาย ๆ หรือ 50 ต้น ๆ หลายคนอาจเริ่มสงสัยว่ากำลังเข้าสู่วัยทองหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเริ่มมีสัญญาณบ่งชี้ที่ชัดเจนของอาการวัยทอง ซึ่งเป็นอาการแปลก ๆ ที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เช่น ประจำเดือนเริ่มมาไม่สม่ำเสมอ ร้อนวูบวาบ หรือช่องคลอดแห้ง คัน เป็นต้น บทความนี้จะพาไปรู้จักว่าอาการวัยทองเป็นอย่างไร แล้ววัยทองเริ่มอายุเท่าไหร่ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือได้อย่างเหมาะสม
Key Takeaways
- วัยทองเป็นช่วงเวลาที่รังไข่เริ่มหยุดทำงาน ฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนลดลง ส่งผลให้ประจำเดือนหมดไปอย่างถาวร
- อาการวัยหมดประจำเดือนเกิดขึ้นได้ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เช่น ร้อนวูบวาบ ช่องคลอดแห้ง อารมณ์แปรปรวน และปัสสาวะเล็ดบ่อย เป็นต้น
- วิธีดูแลตนเอง ได้แก่ การปรับพฤติกรรม ออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่เหมาะสม หรือในรายที่อาการรุนแรงอาจพิจารณาการรักษาด้วยฮอร์โมนทดแทน
ทำความรู้จักวัยทอง คืออะไร?
วัยทอง หรือ Menopause คือช่วงเวลาที่รังไข่ของผู้หญิงเริ่มหยุดทำงาน ส่งผลให้การผลิตฮอร์โมนเพศหญิงที่สำคัญอย่างเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนลดลงอย่างมากจนกระทั่งหยุดผลิตไปในที่สุด การเปลี่ยนแปลงนี้จะทำให้ประจำเดือนหมดไปอย่างถาวร แล้วส่วนมากผู้หญิงจะหมดประจำเดือนตอนอายุเท่าไหร่? โดยส่วนใหญ่มักมีอายุเฉลี่ยระหว่าง 45-55 ปี ซึ่งการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป สามารถแบ่งเป็น 3 ระยะก่อนหมดประจำเดือน คือ
- ระยะก่อนหมดประจำเดือน (Pre-Menopause) : จะเกิดขึ้นช่วงหลังอายุ 40 ปีเป็นต้นไป โดยเฉพาะช่วง 40 ตอนปลาย แม้จะยังมีประจำเดือนตามปกติ แต่การทำงานของรังไข่จะเริ่มเสื่อมสภาพลง
- ระยะใกล้หมดประจำเดือน (Peri-Menopause) : ประจำเดือนจะเริ่มมาไม่สม่ำเสมอ แต่ไม่ขาดหายเกิน 12 เดือน โดยระยะนี้สามารถพบได้นาน 2-3 ปี
- ระยะหลังหมดประจำเดือน (Post-Menopause) : ในระยะนี้รังไข่จะหยุดทำงาน เกิดหลังจากประจำเดือนขาดนานเกิน 1 ปีไปแล้ว
วัยทองมีอาการอย่างไรบ้าง?

อาการของคนวัยทองสามารถแสดงออกได้หลากหลาย และแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล โดยจะแบ่งอาการวัยทองออกเป็นอาการระยะสั้นและระยะยาว ดังนี้
อาการระยะสั้น
- ร้อนวูบวาบ (Hot Flashes) : นี่คืออาการที่พบบ่อยที่สุดของวัยทอง ผู้หญิงจะรู้สึกร้อนวูบวาบขึ้นมาอย่างกะทันหัน โดยเฉพาะบริเวณใบหน้า ลำคอ และหน้าอก อาจปวดศีรษะ วิงเวียน ใจสั่น วิตกกังวล มีเหงื่อออกมาก ซึ่งอาการนี้อาจเกิดขึ้นได้บ่อยครั้งตลอดทั้งวัน อีกทั้งยังมีเหงื่อออกตอนกลางคืน (Night Sweats) ทำให้รู้สึกไม่สบายตัวและรบกวนการนอนหลับ
- ช่องคลอดแห้ง (Vaginal Dryness) : การขาดฮอร์โมนเอสโตรเจน ทำให้เนื้อเยื่อช่องคลอดบางลง ขาดความยืดหยุ่น และลดการหลั่งสารหล่อลื่น ส่งผลให้เกิดอาการช่องคลอดแห้ง คัน ระคายเคือง รู้สึกเจ็บปวดขณะมีเพศสัมพันธ์ นอกจากนี้ช่องคลอดยังมีความเป็นด่างมากขึ้น ส่งผลให้เกิดช่องคลอดอักเสบ (Atrophic Vaginitis) ได้ง่าย นับเป็นอาการวัยทองที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตผู้หญิงอย่างมาก
- ปัญหาการนอนหลับ : หลายคนประสบปัญหาในการนอนหลับ ไม่ว่าจะเป็นการหลับยาก ตื่นกลางดึกบ่อยครั้ง หรือนอนไม่หลับเลย ซึ่งอาจเกิดจากอาการร้อนวูบวาบ หรือการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนโดยตรง มักเกิดขึ้นช่วง 5-7 ปีก่อนหมดประจำเดือนถาวร
- อารมณ์แปรปรวน : ช่วงวัยทอง ผู้หญิงอาจมีอารมณ์ที่อ่อนไหว หงุดหงิดง่าย วิตกกังวล หรือมีอาการซึมเศร้า เนื่องจากระดับฮอร์โมนที่ไม่สมดุล รวมถึงการเผชิญหน้ากับการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย ทำให้หมดความมั่นใจในตัวเองได้ง่าย
- ความผิดปกติของประจำเดือน : ก่อนเข้าสู่วัยทองอย่างสมบูรณ์ ประจำเดือนอาจเริ่มมาไม่สม่ำเสมอก่อนที่จะหยุดไปอย่างถาวร สัญญาณนี้เป็นอาการก่อนหมดประจําเดือนที่ผู้หญิงวัยทองสามารถสังเกตได้ง่ายเช่นกัน
- อาการอื่น ๆ ที่บ่งชี้ว่าใกล้หมดประจําเดือน : ผู้หญิงที่ใกล้หมดประจำเดือน มักมีอาการเช่น ปวดศีรษะ โดยเฉพาะจากไมเกรน เมื่อยตามร่างกายหรือปวดตามข้อนิ้วตอนเริ่มเข้าวัยทอง เจ็บเต้านม ขี้ลืม ไม่มีสมาธิ ท้องอืด แน่นท้อง และท้องเสีย เป็นต้น
อาการระยะยาว
- ระบบทางเดินปัสสาวะมีปัญหา : ความอ่อนแอของกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน และเนื้อเยื่อในกระเพาะปัสสาวะที่บางลงจากการขาดฮอร์โมน อาจทำให้เกิดอาการปัสสาวะบ่อยหรือปัสสาวะเล็ด อีกทั้งช่องคลอดที่แคบและสั้นลง จะทำให้รูเปิดของท่อปัสสาวะเปลี่ยนมุมไปหันเข้าสู่ช่องคลอดมากขึ้น ผู้หญิงจึงมีโอกาสติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะได้ง่าย
- ภาวะกระดูกพรุน (Osteoporosis) : ฮอร์โมนเอสโตรเจนมีบทบาทสำคัญในการรักษามวลกระดูก เมื่อระดับฮอร์โมนลดลง กระดูกจะสูญเสียมวลกระดูกอย่างรวดเร็ว ทำให้กระดูกพรุน เปราะบางและเสี่ยงต่อการแตกหักได้ง่าย
- โรคหัวใจและหลอดเลือด : ฮอร์โมนเอสโตรเจนมีส่วนช่วยในการลดไขมันไม่ดีในเลือด เมื่อระดับฮอร์โมนลดลง ความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดจึงเพิ่มขึ้น
- โรคสมองเสื่อม : เนื่องจากฮอร์โมนเอสโตรเจนมีผลต่อเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง โดยเฉพาะสมองส่วนฮิปโปแคมปัส (Hippocampus) เมื่อฮอร์โมนลดระดับลงในช่วงวัยทอง จึงทำให้มีอาการหลงลืม เพิ่มความเสี่ยงเป็นโรคสมองเสื่อมและอัลไซเมอร์
วิธีเตรียมตัวรับมือกับวัยทองอย่างเหมาะสม
วัยทองควรดูแลตัวเองอย่างไร? การเตรียมตัวรับมือกับวัยทองอย่างเหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยลดความรุนแรงของอาการ และรักษาสุขภาพที่ดีไว้ได้ โดยสามารถปฏิบัติตามข้อแนะนำเหล่านี้
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ครบ 5 หมู่ พักผ่อนให้เพียงพอ และหาวิธีผ่อนคลายความเครียดที่เหมาะสมกับตนเอง
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมออย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน 3-5 ครั้งต่อสัปดาห์ เช่น การเดินเร็ว วิ่ง โยคะ หรือการยกน้ำหนักเบา ๆ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูกและกล้ามเนื้อ
- หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ คาเฟอีน และการสูบบุหรี่ ซึ่งอาจทำให้อาการร้อนวูบวาบรุนแรงขึ้น
- เข้ารับการตรวจสุขภาพประจำปีอย่างสม่ำเสมอ หากสงสัยว่าเริ่มมีอาการวัยทอง ควรจดบันทึกอาการเพื่อนำไปปรึกษาแพทย์ เพื่อใช้คัดกรองระหว่างวัยทองกับโรคอื่น ๆ ที่อาจมีอาการคล้ายกัน เช่น ไทรอยด์เป็นพิษ เป็นต้น
การรักษาวัยทอง คืนความสมดุลของฮอร์โมน
การรักษาอาการวัยทองเป็นอย่างไรนั้น ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการและสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย ซึ่งวิธีแก้อาการวัยทองมีดังนี้
- การรักษาด้วยฮอร์โมนทดแทน (Hormone Replacement Therapy - HRT) : เป็นวิธีที่ใช้กับผู้ที่มีอาการรุนแรง โดยมีหลายรูปแบบ และควรใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น
- ยาเม็ดชนิดรับประทาน ช่วยเพิ่มระดับไขมันดีในเลือดได้ดี แต่การสันดาปของยาผ่านตับอาจทำให้ระดับฮอร์โมนไม่คงที่
- เจลฮอร์โมนสำหรับทาผิวหนัง เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับการใช้ฮอร์โมนภายนอก ที่ให้ผลดีมาก เพราะร่างกายสามารถนำฮอร์โมนไปใช้ได้เลยหลังทายา โดยไม่ต้องผ่านการสันดาบของยาที่ตับ
- ยาสอดทางช่องคลอด เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการช่องคลอดแห้งโดยไม่มีอาการวัยทองอื่นๆร่วมด้วย
- ยาที่ไม่ใช่ฮอร์โมน : สำหรับผู้ที่ไม่สามารถใช้ HRT หรือมีข้อห้าม แพทย์อาจพิจารณายาอื่น ๆ เพื่อบรรเทาอาการ เช่น ยาในกลุ่ม SSRIs หรือ SNRIs ที่ใช้รักษาอาการซึมเศร้า แต่มีผลช่วยลดอาการร้อนวูบวาบ เป็นต้น
รับมือกับวัยทองอย่างเข้าใจ ช่วยให้คุณผู้หญิงมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น
วัยทอง เป็นช่วงเวลาธรรมชาติที่ผู้หญิงทุกคนต้องเผชิญและไม่ควรมองข้าม เพราะเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลต่อทั้งร่างกายและจิตใจหลายประการ การทำความเข้าใจอาการ การเตรียมพร้อมรับมือ และการดูแลสุขภาพอย่างเหมาะสม จะช่วยให้ผู้หญิงสามารถผ่านพ้นช่วงเวลานี้ไปได้อย่างมั่นใจและมีคุณภาพชีวิตที่ดี
หากคุณกำลังเผชิญกับอาการวัยทอง หรือมีข้อกังวลเกี่ยวกับสุขภาพ โรงพยาบาลพระรามเก้ามีทีมแพทย์เฉพาะทางที่พร้อมให้คำปรึกษาและวางแผนการรักษาเฉพาะบุคคล พร้อมด้วยเครื่องมือทางการแพทย์ครบครันทันสมัยกับบริการที่มีมาตรฐาน เพื่อช่วยให้คุณสามารถใช้ชีวิตในช่วงบั้นปลายได้อย่างมีความสุข
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับวัยทอง
อาหารที่เหมาะสมกับคนช่วงวัยทองมีอะไรบ้าง?
อาหารที่เหมาะสมกับคนวัยทอง ควรเน้นอาหารที่มีแคลเซียมสูง เช่น นม โยเกิร์ต ชีส ปลาเล็กปลาน้อย ผักใบเขียวเข้ม อาหารจำพวกพืชที่ให้ไฟโตเอสโตรเจนสูง และโปรตีนที่มีกรดอมิโนอาร์จินิน เช่น ถั่ว งาขาว ปลาทะเล นอกจากนี้ควรลดอาหารแปรรูป น้ำตาลสูง และไขมันอิ่มตัว
ผู้หญิงวัยทองมีลูกได้ไหม?
เมื่อเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน โอกาสที่จะมีลูกตามธรรมชาติจะน้อยมากหรือเป็นศูนย์ เนื่องจากรังไข่หยุดผลิตไข่แล้ว แต่อาจใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ช่วย เช่น การใช้ไข่บริจาค หรือการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF/ICSI) เป็นต้น
References
Mayo Clinic Staff. (2024, August 7). Menopause. Mayo Clinic. https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/menopause/symptoms-causes/syc-20353397
Menopause. (2024, June 24). Cleveland Clinic. https://my.clevelandclinic.org/health/diseases/21841-menopause
Menopause. (2022, May 17). NHS. https://www.nhs.uk/conditions/menopause/