บทความสุขภาพ

Knowledge

เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ สัญญาณเตือนที่ผู้หญิงไม่ควรมองข้าม

หลายคนอาจมองว่าอาการปวดท้องประจำเดือนเป็นเรื่องปกติของผู้หญิง แต่ถ้าหากปวดมากผิดปกติจนส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน อาการนี้อาจเป็นสัญญาณเตือนของ “เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่” ภาวะที่ส่งผลต่อสุขภาพของผู้หญิงมากกว่าที่คิด!

การทำความเข้าใจโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ให้มากขึ้น รวมถึงการสังเกตอาการผิดปกติจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้หญิงไม่ควรมองข้าม เพื่อช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนและช่วยให้ใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจ


Key Takeaways

  • เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis) เป็นภาวะที่เนื้อเยื่อที่ปกติจะเจริญในโพรงมดลูกกลับเจริญนอกมดลูก เช่น รังไข่ ท่อนำไข่ หรือช่องท้อง ทำให้เกิดการอักเสบ ปวด หรือมีก้อน
  • สัญญาณเตือนของภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่คือ มักจะมีอาการปวดท้องประจำเดือนรุนแรง ปวดท้องน้อยเรื้อรัง เจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ เลือดออกผิดปกติ หรือมีปัญหามีบุตรยาก
  • การรักษาภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ สามารถทำได้โดยการใช้ยาแก้ปวด ฮอร์โมนบำบัด หรือการผ่าตัดส่องกล้อง ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค

เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ คืออะไร?

 Endometriosis คือ

เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ หรือ Endometriosis คือ ภาวะที่เนื้อเยื่อที่ปกติจะเจริญอยู่ในโพรงมดลูกกลับไปเจริญที่บริเวณอื่น ๆ ภายนอกมดลูก เช่น รังไข่ ท่อนำไข่ หรือบริเวณอวัยวะในช่องท้องอื่น ๆ ทำให้เกิดการอักเสบ ก้อน หรืออาจเกิดพังผืดขึ้นในอุ้งเชิงกราน

ภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ มักก่อให้เกิดอาการปวดท้องประจำเดือนอย่างรุนแรง หรือปวดท้องเรื้อรังในระหว่างรอบเดือน หากไม่ได้รับการดูแลรักษาอย่างเหมาะสม ก็อาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและการตั้งครรภ์ได้


เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ ตำแหน่งที่พบบ่อยมีบริเวณไหนบ้าง?

เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่สามารถพบได้ในหลายตำแหน่งของร่างกาย โดยส่วนใหญ่จะพบในบริเวณดังต่อไปนี้

  • รังไข่ (Ovaries): เป็นตำแหน่งที่พบบ่อยสุดในผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้ เนื่องจากมีการตอบสนองต่อฮอร์โมนในช่วงรอบเดือน โดยเนื้อเยื่อที่เจริญผิดที่ในรังไข่อาจกลายเป็น “ถุงน้ำเยื่อบุโพรงมดลูก” (Endometrioma) ซึ่งจะทำให้เกิดอาการปวดท้องน้อย ปวดรอบเดือน และมีผลต่อการมีบุตรได้
  • ท่อนำไข่ (Fallopian Tubes): ภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่อาจเกิดขึ้นที่ท่อนำไข่ ซึ่งสามารถทำให้ท่อนำไข่เกิดการอุดตัน และส่งผลต่อภาวะมีบุตรยาก
  • ผนังกล้ามเนื้อมดลูก (Uterine Wall): เยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ในบริเวณนี้อาจทำให้เกิดอาการปวดท้องน้อยที่รุนแรง โดยเฉพาะในช่วงรอบเดือนหรือเวลามีเพศสัมพันธ์
  • ช่องเชิงกราน (Pelvic Cavity): เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่สามารถเกิดขึ้นในช่องเชิงกรานได้ ซึ่งอาจทำให้เกิดการอักเสบในอวัยวะต่าง ๆ เช่น ลำไส้ใหญ่หรือผนังด้านข้างของช่องเชิงกราน และทำให้เกิดอาการปวดท้องน้อยเรื้อรัง
  • ปากมดลูก (Cervix): เยื่อบุโพรงมดลูกอาจเจริญผิดที่ที่ปากมดลูกได้ ซึ่งจะทำให้เกิดอาการเจ็บปวดเมื่อมีเพศสัมพันธ์ หรือเมื่อมีการตรวจสุขภาพทางนรีเวช
  • กระเพาะปัสสาวะ (Bladder): ในบางกรณี เยื่อบุโพรงมดลูกอาจเจริญผิดที่ในกระเพาะปัสสาวะ ทำให้มีอาการปวดขณะปัสสาวะ หรือปัสสาวะเป็นเลือด

เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่เกิดจากสาเหตุใด?

ปัจจุบันทางการแพทย์ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดในการเกิดเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ แต่มีหลายปัจจัยที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องในการเกิดโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ ดังนี้

  • การย้อนกลับของเลือดประจำเดือน (Retrograde Menstruation): ปัจจัยที่เชื่อมโยงกันมากที่สุดคือการย้อนกลับของเลือดประจำเดือนที่ออกจากมดลูกไปยังท่อนำไข่และช่องเชิงกรานแทนที่จะถูกขับออกจากร่างกายตามปกติ ทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกไปเจริญเติบโตผิดที่ในอวัยวะอื่น ๆ ในช่องท้องหรืออวัยวะสืบพันธุ์
  • พันธุกรรม (Genetics): เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่อาจมีความเกี่ยวข้องกับปัจจัยทางพันธุกรรม หากมีสมาชิกในครอบครัวที่เป็นโรคนี้ จะทำให้มีความเสี่ยงเป็นโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่มากขึ้น
  • ปัญหาของระบบภูมิคุ้มกัน (Immune System Dysfunction): ในบางกรณี ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายอาจไม่สามารถกำจัดเนื้อเยื่อที่เจริญผิดที่ได้ ส่งผลให้เนื้อเยื่อเหล่านี้ยังคงอยู่และเติบโตในอวัยวะผิดที่ ซึ่งอาจทำให้เกิดการอักเสบและสร้างผลกระทบต่อการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ
  • ฮอร์โมน (Hormonal Imbalance): ฮอร์โมนเอสโตรเจนมีบทบาทสำคัญในการเจริญเติบโตของเยื่อบุโพรงมดลูก และในผู้ป่วยที่มีเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนมักจะสูงกว่าปกติ การมีฮอร์โมนเอสโตรเจนในระดับสูงอาจกระตุ้นให้เนื้อเยื่อเจริญเติบโตผิดที่ได้

เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ อาการเป็นอย่างไร?

เยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ อาการ

เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ อาการจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล บางรายอาจไม่มีอาการชัดเจน แต่บางรายอาจมีอาการที่รบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน ซึ่งบางครั้งอาการจะคล้ายกับภาวะอื่น ๆ เช่น เนื้องอกมดลูก ทำให้หลายคนสับสนระหว่างสองภาวะนี้ อย่างไรก็ตาม เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่มักจะมีอาการที่พบได้บ่อยและอาจเป็นสัญญาณเตือน ดังนี้

  • ปวดประจำเดือนรุนแรง (Dysmenorrhea): ปวดท้องน้อยมากกว่าปกติ และอาจปวดต่อเนื่องจนกระทบการใช้ชีวิตประจำวัน
  • ปวดท้องน้อยเรื้อรัง: รู้สึกปวดหรือไม่สบายท้องน้อยตลอดเวลา แม้ไม่ได้อยู่ในช่วงมีประจำเดือน
  • เจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์: รู้สึกเจ็บลึก ๆ ระหว่างหรือหลังมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งอาจเกิดจากการอักเสบของเนื้อเยื่อที่เจริญผิดที่
  • มีเลือดออกผิดปกติ: ประจำเดือนมามากกว่าปกติ รอบเดือนไม่สม่ำเสมอ หรือมีเลือดออกกะปริบกะปรอย
  • มีปัญหาในการเจริญพันธุ์: เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่อาจส่งผลต่อภาวะเจริญพันธุ์ ทำให้มีบุตรยาก
  • ปวดขณะปัสสาวะหรือขับถ่าย: อาจเกิดขึ้นในช่วงมีประจำเดือน หากเยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่บริเวณลำไส้หรือกระเพาะปัสสาวะ

เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ มีขั้นตอนการตรวจวินิจฉัยโรคอย่างไร?

การตรวจวินิจฉัยภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่มีหลายขั้นตอน โดยแพทย์จะพิจารณาจากอาการ ประวัติสุขภาพ และการตรวจเพิ่มเติมเพื่อยืนยันการวินิจฉัย ดังนี้

  • ซักประวัติและตรวจร่างกาย: แพทย์จะสอบถามเกี่ยวกับอาการปวดประจำเดือน ปวดท้องน้อย หรือปัญหาการมีบุตรยาก และทำการตรวจภายในเพื่อตรวจหาความผิดปกติ
  • อัลตราซาวนด์ทางช่องคลอด (Transvaginal Ultrasound): เป็นวิธีที่ใช้คลื่นเสียงความถี่สูงเพื่อตรวจหาถุงน้ำหรือรอยโรคที่อาจเกิดจากเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่
  • MRI (Magnetic Resonance Imaging): ในกรณีที่ต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม แพทย์อาจใช้ MRI เพื่อตรวจสอบรอยโรคที่ลึกและประเมินพังผืดในอุ้งเชิงกราน
  • ส่องกล้องตรวจ (Laparoscopy): เป็นวิธีที่ให้ผลแม่นยำ โดยแพทย์จะใช้กล้องขนาดเล็กส่องผ่านทางหน้าท้องเพื่อตรวจดูรอยโรค และอาจเก็บตัวอย่างเนื้อเยื่อไปตรวจเพิ่มเติม

เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ มีวิธีการรักษาอย่างไร?

หลายคนอาจสงสัยว่า เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ รักษายังไง? สำหรับแนวทางการรักษาจะขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของโรค อาการ และแผนการมีบุตรของผู้ป่วย โดยวิธีการรักษาเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่มีดังนี้

  • การใช้ยาแก้ปวด: สำหรับผู้ที่มีอาการไม่รุนแรง แพทย์อาจแนะนำให้ใช้ยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs เช่น ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) หรือนาพรอกเซน (Naproxen) เพื่อลดอาการปวดประจำเดือนและปวดท้องน้อย
  • ฮอร์โมนบำบัด: การใช้ฮอร์โมนจะช่วยชะลอการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อผิดปกติและลดอาการปวดได้ โดยแพทย์อาจแนะนำให้ใช้ยาคุมกำเนิดแบบฮอร์โมนรวมเพื่อปรับสมดุลฮอร์โมน หรือโปรเจสติน เช่น ยาฉีดคุมกำเนิดหรือห่วงคุมกำเนิดชนิดมีฮอร์โมน เพื่อช่วยควบคุมการเจริญเติบโตของเยื่อบุโพรงมดลูก ในบางกรณี อาจใช้ยากลุ่ม GnRH agonists เพื่อลดระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนและชะลอการลุกลามของโรค
  • การผ่าตัด: สำหรับผู้ที่มีอาการรุนแรงหรือวางแผนมีบุตร การผ่าตัดส่องกล้องมดลูก (Laparoscopic Surgery) จะช่วยนำพังผืดหรือรอยโรคออก เพื่อลดอาการปวดและเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์ได้

เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ ภาวะที่ควบคุมได้ หากได้รับการรักษาที่เหมาะสม

เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis) เป็นภาวะที่เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญนอกโพรงมดลูก ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการปวดท้องน้อย ปวดประจำเดือนรุนแรง หรือเกิดปัญหาการมีบุตรยาก การรักษาภาวะนี้จึงจำเป็นต้องพิจารณาจากหลายปัจจัย ทั้งอาการที่เกิดขึ้นและความต้องการของผู้ป่วยแต่ละคน

โดยการรักษาเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่นั้นมีหลายวิธี เช่น การใช้ยาและฮอร์โมนบำบัด แต่สำหรับกรณีที่อาการรุนแรงหรือไม่ตอบสนองต่อการรักษาอื่น ๆ การผ่าตัดส่องกล้อง (MIS) เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่มีประสิทธิภาพ ด้วยเทคนิคผ่าตัดแบบแผลเล็กที่ช่วยลดความเจ็บปวดและลดโอกาสเกิดพังผืดหลังผ่าตัดได้เป็นอย่างดี

ที่โรงพยาบาลพระรามเก้า เรามีศูนย์ผ่าตัดส่องกล้องแผลเล็ก (MIS) ที่พร้อมดูแลคุณด้วยทีมแพทย์ที่มีประสบการณ์และความชำนาญ รวมถึงใช้เครื่องมือที่เป็นเทคโนโลยีที่ให้ความละเอียดสูง (high-definition) เพื่อให้การรักษาโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ


สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

Facebook : Praram 9 hospital

Line : @Praram9Hospital

โทร. 1270


คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่

เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ รักษาหายไหม?

เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ไม่สามารถรักษาหายขาดได้ แต่สามารถบรรเทาอาการและควบคุมได้ด้วยการใช้ยาควบคุมฮอร์โมน การผ่าตัด หรือการรักษาทางเลือกอื่น ๆ ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงและความต้องการของผู้ป่วย

เป็นโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ มีลูกได้ไหม?

หากเป็นโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ยังสามารถมีลูกได้ แต่อาจทำให้การตั้งครรภ์ยากขึ้น เพราะโรคนี้จะทำให้การทำงานของรังไข่หรือท่อนำไข่ผิดปกติ ทั้งนี้ การได้รับการรักษาและดูแลจากแพทย์จะช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ได้


References

Endometriosis. (2023, March 24). World Health Organization. https://www.who.int/news-room/fact-sheets/detail/endometriosis


Endometriosis. (2024, August 27). NHS. https://www.nhs.uk/conditions/endometriosis/


LeWine, H. E. (2024, February 9). Endometriosis. Harvard Health Publishing. https://www.health.harvard.edu/a_to_z/endometriosis-a-to-z



เกี่ยวกับผู้เขียนบทความ

บทความที่เกี่ยวข้อง (10)

ดูทั้งหมด

เนื้องอกมดลูก อันตรายใกล้ตัวของผู้หญิงที่ไม่ควรมองข้าม

เนื้องอกมดลูก มีสาเหตุมาจากเซลล์กล้ามเนื้อมดลูกเจริญผิดปกติ ผู้ป่วยส่วนมากมักไม่แสดงอาการ และผู้ป่วยบางส่วนอาจมีอาการปวดท้องน้อยรุนแรง ท้องผูก ปัสสาวะบ่อย

รวมสาเหตุที่ต้องผ่าตัดมดลูก พร้อมเคล็ดลับการดูแลตัวเองหลังการผ่าตัด

การผ่าตัดมดลูกคือการแก้ปัญหาที่มีสาเหตุจากมดลูกจนทำให้เกิดความอันตรายต่อชีวิต มาทำความเข้าใจกันว่าดูแลตัวเองหลังผ่าตัดอย่างไรให้ไม่ต้องกังวลปัญหาแทรกซ้อน

“ซีสต์” หรือ ถุงน้ำรังไข่ อาการเป็นยังไง? พร้อมเจาะลึกหาสาเหตุและวิธีรักษา

ซีสต์ (Cyst) มีหลายชนิด สามารถเกิดได้ทั่วร่างกาย แต่สำหรับผู้หญิงควรระวังซีสต์รังไข่หรือถุงน้ำรังไข่ เพราะอาจทำให้มีอาการปวดหน่วงท้องน้อย ประจำเดือนมาไม่ปกติได้

คุณแม่ตั้งครรภ์กับการออกกำลังกาย

การออกกำลังกายที่เหมาะสมและเพียงพอในคุณแม่ตั้งครรภ์จะช่วยส่งผลดีต่อสุขภาพของทั้งคุณแม่และทารกในครรภ์ อย่างไรก็ตามไม่ควรออกกำลังกายหักโหมและหนักเกินไป ควรเลือกการออกกำลังกายที่เหมาะสม และอยู่ในการดูแลและแนะนำจากสูตินรีแพทย์

ทำอย่างไร เมื่อหลังคลอด ไม่มีความรู้สึกทางเพศ

ปัญหาของคุณแม่หลังคลอดที่มีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ซึ่งมีผลต่อทางร่างกายและจิตใจ ปัญหาด้านอารมณ์ทางเพศที่ลดลงหลังคลอดเป็นอีกปัญหาที่ทำให้คุณผู้หญิงหลายคนกังวล การพูดคุยทำความเข้าใจกับคู่ครองจะช่วยให้ความสัมพันธ์ยังคงดีเหมือนเดิมได้

อัลตร้าซาวด์ช่องท้อง เพื่อวินิจฉัยโรคต่างๆ ในช่องท้องที่ตามองไม่เห็น

ผ่าตัดปลูกถ่ายไตซ้ำ มาจากปัจจัยสำคัญอะไรบ้าง เสี่ยงกว่าครั้งแรกมากน้อยแค่ไหนต้องเตรียมตัวอย่างไรก่อนผ่าตัด

ตรวจเต้านมด้วยตนเอง เพื่อรู้ทันมะเร็งเต้านม

การคลำเต้านมด้วยตนเองเป็นประจำ ช่วยให้เราสังเกตเห็นสัญญาณผิดปกติของมะเร็งเต้านมตั้งแต่ระยะแรก ๆ วิธีการคลำเต้านมทำง่ายๆได้ด้วยตัวเองดังนี้

มะเร็งปากมดลูก โรคร้ายของผู้หญิงทุกคน

การติดเชื้อไวรัส HPV สาเหตุหลักการเกิดมะเร็งปากมดลูก ในระยะเริ่มต้นส่วนใหญ่ไม่มีอาการ แต่เมื่อเป็นมากขึ้นมักมีอาการแสดงให้พบได้บ้าง ควรตรวจคัดกรองและฉีดวัคซีนป้องกันเพื่อลดความเสี่ยง ก่อนที่จะกลายเป็นมะเร็ง

ตั้งครรภ์ช่วงโควิด เสี่ยงมากน้อยแค่ไหน?

โควิด 19 จะส่งผลอะไรต่อลูกน้อยในครรภ์ไหม ต้องป้องกันหรือรักษาอย่างไร

Q&A รวมข้อสงสัยมะเร็งเต้านม พร้อมคำตอบแบบเคลียร์ชัด

ทำความรู้จักมะเร็งเต้านม ผ่าน 36 คำถามยอดฮิตที่ใคร ๆ ก็สงสัย พร้อมคำตอบแบบเคลียร์ชัด เพื่อความเข้าใจในโรคนี้ เพิ่มโอกาสรีบเข้ารักษาให้หายขาด

Copyright © 2024 All Rights Reserved | Praram 9 Hospital