บทความสุขภาพ

Knowledge

ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ

พญ. ณัฐกานต์ มยุระสาคร

low-blood-sugar-condition-cover.jpg

คนทั่วไปเมื่ออดอาหาร น้ำตาลในเลือดลดลง ร่างกายจะมีกลไกเพื่อรักษาระดับน้ำตาลในร่างกายโดยผ่านทางระบบประสาทอัตโนมัติและฮอร์โมน เช่นใช้ glycogen ที่สะสมอยู่ที่ตับ ใช้พลังงานจากไขมันที่สะสมไว้แทน แต่ผู้ป่วยเบาหวานที่น้ำตาลไม่ได้ต่ำโดยธรรมชาติแต่เกิดจากยาเบาหวานนั้น กลไกช่วยเหลือของร่างกายอาจไม่เพียงพอจนทำให้มีอันตรายถึงหมดสติได้


ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำพบได้เรื่อยๆในผู้ป่วยเบาหวานที่พยายามควบคุมระดับน้ำตาลให้ดี เมื่อกินอาหารได้น้อย กินอาหารผิดเวลา ออกกำลังกายหรือมีกิจกรรมมาก จึงเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำได้ จึงควรที่จะรู้จักภาวะนี้ให้ดี ผู้ป่วยส่วนหนึ่งรู้จักอาการแต่แก้ไขไม่ถูกต้องจึงทำให้น้ำตาลกลับเป็นตรงข้าม คือสูงขึ้นจนน่ากลัว


Q: ผู้ป่วยเบาหวานคนไหนบ้างเสี่ยงต่อภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ?

A : – ผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานไม่รุนแรงรักษาโดยการควบคุมอาหาร ออกกำลังกายโดยไม่ใช้ยาเบาหวานไม่เสี่ยงต่อภาวะนี้

– ผู้ป่วยใช้ยาที่ไม่เสี่ยงต่อภาวะน้ำตาลต่ำ ได้แก่


  • Metformin หรือ glucophage
  • Pioglitazone หรือ actos หรือ ulmos
  • Januvia หรือ glavus
  • Glucobay, Basen

* ผู้ป่วยที่ใช้ยากลุ่มนี้แม้หลายตัวรวมกันก็มักไม่เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ

– ผู้ป่วยที่ใช้ยาที่เสี่ยงต่อภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ได้แก่


  • ยากลุ่ม Sulfonyluria ได้แก่ glibenclamide(daonil) , glibenclamide(minidiab), glimepiride(amaryl) , gliclazide(diamicron)
  • ยากลุ่ม novonorm
  • ยาฉีดอินซูลินทุกชนิด

Q : ทำไมจึงเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ?

A : ส่วนใหญ่เกิดจากความไม่สมดุล ของอาหาร ปริมาณยากิน ยาอินซูลิน กิจกรรมในวันนั้น และการเจ็บป่วย

ปัจจัยเสี่ยง ได้แก่

  • ได้รับยารักษาเบาหวานที่ไม่เหมาะสมทั้งชนิดของยา ขนาดยามากเกิน และเวลาบริหารยา
  • กินอาหารปริมาณน้อยกว่าเดิมหรือไม่เพียงพอ หรือมื้ออาหารถูกงดหรือเลื่อนเวลาออกไปจากเวลาปกติ และการปรับเปลี่ยนองค์ประกอบอาหารทำให้ปริมาณคาร์โบไฮเดรตลดลง
  • มีการใช้กลูโคสเพิ่มขึ้น เช่น ออกกำลังกายมากขึ้น
  • การผลิตกลูโคสที่ตับ น้อยลง เช่น การดื่มแอลกอฮอล์ โรคตับแข็ง
  • ร่างกายมีความไวต่ออินซูลินเพิ่มขึ้น เช่น น้ำหนักตัวลดลง ออกกำลังกายเพิ่มขึ้น
  • การกำจัดอินซูลินหรือยารักษาเบาหวานลดลง เช่น การทำงานของไต หรือ ตับ เสื่อมลง
  • สูงอายุ
  • มีการควบคุมเบาหวานอย่างเข้มงวดโดยกำหนดระดับเป้าหมาย HbA1c และ ระดับน้ำตาลในเลือดที่ใกล้เคียงระดับปกติมากหรือที่ระดับปกติ
  • เคยมีภาวะน้ำตาลต่ำในเลือดโดยเฉพาะระดับรุนแรงเกิดขึ้นมาก่อน
  • เคยมีภาวะน้ำตาลต่ำในเลือดโดยไม่มีอาการเตือนเกิดขึ้นมาก่อน

Q : อาการอย่างไรบ่งว่าน้ำตาลในเลือดต่ำ ?

A : อาการแตกต่างไปในแต่ละคน อาการเกิดจากระบบประสาทอัตโนมัติถูกกระตุ้น และอาการสมองขาดน้ำตาล

อาการที่พบได้ เช่น ตัวสั่น มือสั่น เวียนศีรษะ ปวดศีรษะ กระสับกระส่าย เหงื่อแตก หิว ตามัว หน้าซีด อารมณ์เปลี่ยนแปลง เช่น หงุดหงิด เศร้า โมโห โดยไม่มีเหตุผล เซื่องซึม สับสน สมาธิสั้น ชาบริเวรรอบปาก เป็นลม หมดสติ ชัก เป็นต้น


หากมีเครื่องเจาะน้ำตาลปลายนิ้วพบว่า น้ำตาลน้อยกว่า 70 มก.ดล. หรือขึ้น Lo แสดงว่าน้ำตาลในเลือดต่ำ หากไม่สามารถเจาะน้ำตาลได้ทันทีแต่มีอาการชัดเจน ควรรักษาแก้ไขเบื้องต้นก่อนเช่นกัน


Q : หากน้ำตาลต่ำแล้วควรทำอย่างไร ?

A : แบ่งความรุนแรงเป็นสองระดับตามความรู้สึกตัว


1. ผู้ป่วยยังรู้สึกตัวช่วยเหลือตนเองได้ ให้กินคาร์โบไฮเดรตที่ดูดซึมเร็ว 15-20 กรัม หรือ 1 ส่วน รอ 15 นาที เจาะน้ำตาลปลายนิ้วใหม่ ถ้าน้ำตาลในเลือดยังต่ำอยู่ กินคาร์โบไฮเดรตอีก 15-20 กรัม จนกว่าน้ำตาลมากกว่า 70มก.ดล.

กรณีเป็นก่อนมื้ออาหาร ควรกินอาหารทันที หากเป็นระหว่างมื้ออาหาร ให้กินคาร์โบไฮเดรต ดูดซึมช้า 1 ส่วน


ปริมาณคาร์โบไอเดรตชนิดดูดซึมเร็ว 15 กรัม *(อย่างใดอย่างหนึ่ง)

  • ลูกอม 3 เม็ด
  • น้ำผลไม้ 120-180 ซีซี
  • น้ำตาล 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำผึ่ง เฮลบลูบอย 1 ช้อนโต๊ะ

ปริมาณคาร์โบไอเดรตชนิดดูดซึมช้า 15 กรัม *(อย่างใดอย่างหนึ่ง)

  • ขมนปัง 1 แผ่น
  • กล้วยหรือแอ๊ปเปิ้ล 1 ลูก
  • โยเกิร์ต 200 กรัม
  • นมจืด 1 กล่อง
  • ข้าวต้ม หรือโจ๊ก ½ ถ้วย

** ข้อควรระวัง

ผู้ป่วยมักกินน้ำตาลมากเกินไป เนื่องจากอาการไม่ดีขึ้นทันที ทำให้น้ำตาลขึ้นสูงมาก ให้รอประเมินผลที่ 15 นาที


*** ของหวานที่ใช้ไม่ได้

ช็อคโกเลต คุ้กกี้ เค้ก เนื่องจากมีไขมันสูง ทำให้การดูดซึมน้ำตาลช้าลง


2. หากผู้ป่วยหมดสติ หรือรู้สึกตัวแต่ช่วยตัวเองไม่ได้ จัดเป็นน้ำตาลในเลือดต่ำรุนแรง


  • โทรตามรถพยาบาล
  • ถ้าหมดสติห้ามให้น้ำหวานหรือลูกอมเนื่องจากอาจสำลักได้
  • ห้ามใส่มือหรือช้อนเข้าไปในปาก

น้ำตาลต่ำขณะนอนหลับ

เป็นภาวะที่เกิดขึ้นได้ ถ้ากินอาหารมื้อเย็นน้อย หรือออกกำลังกายหนัก อันตรายเนื่องจากผู้ป่วยอาจไม่รู้สึกตัวตื่นมากินน้ำหวานแก้ไขได้ทัน


สังเกตอาการ ดังนี้


  • ชุดนอนเปียกเหงื่อ
  • ปวดศรีษะเมื่อตื่นนอน
  • ฝันร้าย
  • ไม่รู้สึกพักผ่อน ยังเพลีย

วิธีแก้ไข

ตรวจเช็คระดับน้ำตาลปลายนิ้ว ช่วง 02.00-0.300 ถ้าน้อยกว่า 70 มก.ดล. ให้กินคาร์โบไฮเดรต1 ส่วน และปรึกษาแพทย์


* ข้อแนะนำ

แนะนำให้ตรวจน้ำตาลช่วงเที่ยงคืนบ้างโดยเฉพาะถ้าวันไหนมีกิจกรรมมากเป็นพิเศษ


Q : ป้องกันภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำได้อย่างไร ?

A : เมื่อมีอาการน้ำตาลต่ำเกิดขึ้น ควรบันทึกปริมาณยากิน ยาอินซูลิน ปริมาณอาหารที่กินก่อนมีอาการ กิจกรรม การออกกำลังกาย หรือการเจ็บป่วยทั้งหมด หากทราบว่าเกิดจากสาเหตุใดไม่สมดุลก็ปรับที่สาเหตุนั้น หากอาหารและกิจกรรมปกติ ไม่มีการเจ็บป่วยบ่งว่าขนาดยาไม่เหมาะสม แนะนำปรึกษาแพทย์เพื่อปรับลดยาต่อไป


ภาวะน้ำตาลต่ำนี้แม้พบได้บ่อย แต่ไม่ควรชะล่าใจ เนื่องจากพบว่าทุกครั้งที่มีอาการน้ำตาลต่ำมีผลเสียต่อหัวใจ และหากเกิดอาการซ้ำบ่อยๆ อาการเตือนทางระบบประสาทอัตโนมัติจะลดลง เด่นที่อาการระบบประสาท เช่น หมดสติได้บ่อยขึ้น ดังนั้นหากมีอาการจึงควรปรึกษาแพทย์


* ข้อควรระวัง

ไม่ควรปรับยาด้วยตนเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์ก่อน ผู้ป่วยส่วนหนึ่งหยุดฉีดอินซูลินทันทีในมื้อที่มีอาการน้ำตาลต่ำ ทำให้มื้อต่อมาน้ำตาลขึ้นสูงมาก


แต่ผู้ป่วยอีกกลุ่มหนึ่งก็ฉีดยาเท่าเดิมตลอดแม้มีอาการน้ำตาลต่าและมีไข้ไม่สบายกินอาหารไม่ได้ ทำให้น้ำตาลต่ำจนหมดสติได้ ที่ควรทำคือควรปรึกษาแพทย์

เกี่ยวกับผู้เขียนบทความ

พญ. ณัฐกานต์  มยุระสาคร

พญ. ณัฐกานต์ มยุระสาคร

ศูนย์เบาหวานและเมตาบอลิก

แพ็กเกจที่เกี่ยวข้อง (3)

ดูทั้งหมด

โปรแกรมตรวจคัดกรองเบาหวานขึ้นตา (Diabetic Retinopathy Screening)

โปรแกรมตรวจคัดกรองเบาหวานขึ้นตา (Diabetic Retinopathy Screening)

ตรวจคัดกรองเบาหวานขึ้นตา (Diabetic Retinopathy Screening)

฿ 2,500

แพ็กเกจตรวจคัดกรองเบาหวาน (Diabetic Screening)

แพ็กเกจตรวจคัดกรองเบาหวาน (Diabetic Screening)

แพ็กเกจตรวจคัดกรองเบาหวาน (Diabetic Screening)

฿ 2,790

แพ็กเกจตรวจคัดกรองภาวะเบาหวานขึ้นตา

แพ็กเกจตรวจคัดกรองภาวะเบาหวานขึ้นตา

แพ็กเกจตรวจคัดกรองภาวะเบาหวานขึ้นตา

฿ 2,700

บทความที่เกี่ยวข้อง (10)

ดูทั้งหมด

การเสียชีวิตและภาวะแบคทีเรียกินเนื้อ จากการรับประทานหอยนางรมดิบ

การรับประทานอาหารทะเลดิบ เช่น หอยนางรมดิบ อาจทำให้เสี่ยงติดเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดแผลติดเชื้อ และภาวะเนื้อตาย หากมีบาดแผลจะทำให้แบคทีเรียเข้าสู่ร่างกายได้ วิธีป้องกันควรหลีกเลี่ยงอาหารทะเลดิบ และหากมีบาดแผลไม่ควรสัมผัสน้ำทะเล และควรทำความสะอาดแผลอย่างถูกต้อง

ภาวะเลือดเป็นกรด DKA ในผู้ป่วยโรคเบาหวาน ที่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด

ภาวะ DKA คือ ภาวะที่เลือดเป็นกรดจากการคั่งของสารคีโตนร่วมกับมีระดับน้ำตาลในเลือดสูง

อวสาน น้ำตาลเทียม …. จริงหรือ?

สารให้ความหวานเป็นตัวช่วยควบคุมระดับน้ำตาลและน้ำหนัก แต่หลายคนอาจกังวลถึงผลในระยะยาวต่อสุขภาพ ล่าสุดองค์การอนามัยโลกได้แนะนำว่า สารให้ความหวานไม่ใช่ทางเลือกในการลดน้ำหนักและป้องกันโรค ควรรับประทานอาหารที่มีน้ำตาลตามธรรมชาติ ลดอาหารและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลแทน

พิษไซยาไนด์ และยาต้านพิษ การช่วยชีวิตคนถูกพิษไซยาไนด์

พิษไซยาไนด์ สารพิษร้ายแรงทำให้เสียชีวิตภายในเวลาเป็นนาทีถึงชั่วโมง ถ้าสามารถวินิจฉัยได้ สามารถช่วยชีวิตได้ทันเนื่องจากมียาแก้พิษ (Antidote) โดยเฉพาะ

เบาหวานขึ้นตา (diabetic retinopathy) รู้เร็ว รักษาได้ ลดเสี่ยงตาบอด

เบาหวานขึ้นตา (diabetic retinopathy) เป็นภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน ซึ่งอาจทำให้สูญเสียการมองเห็น และทำให้เกิดโรคต้อหิน ต้อกระจก จอประสาทตาลอก การติดเชื้อในดวงตา การรักษาระดับน้ำตาลในเลือด และการตรวจสุขภาพตาช่วยลดความเสี่ยงการสูญเสียการมองเห็นได้

เบาหวาน รู้ไว้เบาใจกว่า

เบาหวานเป็นโรคที่ผู้ป่วยมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงอย่างต่อเนื่องเรื้อรัง ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนและโรคอื่น ๆ ตามมาได้ ดังนั้นจึงควรป้องกันไม่ให้ป่วยเป็นโรคเบาหวาน และหากเป็นโรคเบาหวานแล้ว ควรรักษาสุขภาพและปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ

การตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดด้วยตนเอง ทางเลือกควบคุมน้ำตาลสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน

การตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดด้วยตนเองด้วยเครื่องตรวจน้ำตาลที่ปลายนิ้ว ช่วยให้ผู้ป่วยเบาหวานทราบระดับน้ำตาลของตนเองเมื่อมีอาการผิดปกติต่าง ๆ ป้องกันภาวะน้ำตาลตก ช่วยให้ผู้ป่วยควบคุมระดับน้ำตาลสะสมในเลือดได้ดีขึ้น และลดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ จากโรคเบาหวาน

Metabolic Syndrome โรคที่มากับความอ้วน

Metabolic Syndrome เป็นศัพท์ทางการแพทย์ที่หมายถึง กลุ่มอาการของโรคที่เกี่ยวข้องและมีสาเหตุมาจากความอ้วนซึ่งมีมูลเหตุมาจากการเผาผลาญอาหารที่ผิดปกติ (Metabolism) ซึ่งนำไปสู่โรคไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง และภาวะดื้ออินซูลินในที่สุดจะก่อให

“น้ำตาลในเลือดต่ำ”…ภาวะอันตรายในผู้ป่วยเบาหวาน

น้ำตาลในเลือดต่ำ (hypoglycemia) เกิดได้บ่อยในผู้ป่วยเบาหวาน เป็นภาวะที่อันตราย หากปล่อยไว้อาจทำให้ผู้ป่วยหมดสติ และเสียชีวิตได้ ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขหรือรักษาอย่างถูกต้อง และควรหาสาเหตุร่วมกับแพทย์เพื่อการรักษาและป้องกันอย่างเหมาะสม

โรคอ้วน โรคเบาหวาน เพิ่มความเสี่ยงอาการรุนแรง จากติดโควิด 19

คนที่เป็นโรคอ้วน ส่วนใหญ่มักจะมีโรคประจำตัวเรื้อรังอื่น ๆ ด้วย เช่น โรคเบาหวาน จึงควรรีบฉีดวัคซีนแต่เนิ่น ๆ

Copyright © 2024 All Rights Reserved | Praram 9 Hospital