คำแนะนำ การตรวจดูว่ามีอาการตับอักเสบ แทรกซ้อนหรือยัง หรือ มีความเสี่ยงตับอักเสบ กรณีมีอาการผิดปกติ เช่น
- มีไข้ – ปัสสาวะเข้มขี้น – ตัว หรือ ตาเหลือง
- อ่อนเพลีย – ท้องโตขึ้น – ปวดท้อง แน่นท้อง
- ซึมลง – จ้ำเลือดตามตัว
: ควรปรึกษาแพทย์
ข้อแนะนำสำหรับผู้มีตับอักเสบ
แรกสุดต้องแน่ใจว่าตับอักเสบเกิดจากสาเหตุที่หมอแนะนำจริงนะครับ ให้ปรึกษากับหมอที่ดูแลครับ เพราะตับอักเสบอาจจากเรื่องอื่นไม่ได้จากที่หมอบอกมาก็ได้ครับ คือที่หมอบอกมาผลไม่แน่นอนหรือไม่ แพทย์ที่ดูแลจะตอบได้ครับว่าแน่นอนขนาดไหน ไม่ได้สงสัยโรคอื่นร่วมด้วยหรือไม่
- ควรตรวจเช็คกับแพทย์ตามที่แนะนำครับ
- การปฏิบัติตัว ควรหลีกเลี่ยงยา อาหาร หรือสมุนไพร ที่มีผลต่อตับ
- เลี่ยงการทำงานหนักหักโหม อดนอน ให้นอนพักเยอะ ๆ
- หลีกเลี่ยงยากดภูมิต้านทาน ยาภูมิแพ้ เช่นยากลุ่ม steroid ถ้าหมอไม่แนะนำ
- งดดื่มเหล้า ยาดองเหล้า
- อย่ากินถั่วบด ข้าวโพดแห้ง หรือ พริกป่นที่ทิ้งค้าง ทำค้าง เพราะอาจมีเชื้อราอัลฟาร์ทอกซิน กระตุ้นให้เกิดมะเร็งตับได้
- มีอาการผิดปกติ เช่น
- มีไข้ – ปัสสาวะเข้มขี้น – ตัว หรือ ตาเหลือง
- อ่อนเพลีย – ท้องโตขึ้น – ปวดท้อง แน่นท้อง
- ซึมลง – จ้ำเลือดตามตัว
- ควรปรึกษาแพทย์
- ระวังมีดโกนหนวด ตุ้มหู ระวังแปรงสีฟัน และ แม้การติดต่อทางน้ำลายไม่ใช่การติดต่อหลัก แต่ ก็ควรแยกช้อนกลางทานอาหารไว้ก่อนจะดีกว่าครับ
- ควรเช็ค และพิจารณาฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบเอ หลังหายอักเสบฉับพลัน
- อาหารไม่มีอะไรเป็นพิเศษ ปัจจุบันเลิกความเชื่อการกินน้ำหวานแล้ว ให้ทานตามปกติ และ ตรงข้ามครับ อย่ากินหวานจัดเพราะจะเปลี่ยนเป็นไขมันทำให้ตับอักเสบมากขึ้นได้ครับ
- ระวังเพียงอาหารควรสุกสะอาดระวังท้องเสียแทรกซ้อนนะครับ
- ข้อแนะนำการปฏิบัติตัวสำหรับคนที่มีตับอักเสบ เพิ่มเติม แยกตามสาเหตุ
A กรณีตับอักเสบจากการกินยาที่มีผลต่อตับ
- กรณีตับอักเสบจาก แพ้แบบภูมิแพ้ยา ให้งดยานั้นเด็ดขาด
- แต่ถ้าเป็นตับอักเสบเพราะอักเสบเพราะรับยาเกินขนาดปกติ สามารถรับยานั้นอีกได้
- ให้ปรึกษาแพทย์ว่าเป็นแบบไหนกันแน่ รับยานี้ได้อีกหรือไม่ หรือห้ามทานยานี้เด็ดขาด
- ความแน่นอนในการวินิจฉัยจะดูที่การอักเสบหายภายใน 1 เดือนหรือไม่ มักแน่นอนว่าการอักเสบนั้นเกิดจากยา กรณีค่าการอักเสบลดลงแค่ครึ่งหนึ่งภายใน 1 เดือน ความแน่นอนจะลดลงว่าเกิดจากยาแน่นอนหรือไม่ อาจต้องตรวจสาเหตุตับอื่น ๆ เพิ่มเติมครับ
B. กรณีตับอักเสบจากไวรัสตับอักเสบ
- ควรนำญาติหรือผู้ที่มีตับอักเสบในครอบครัวร่วมด้วยที่อาจเป็นสาเหตุ หรือ อาจติดจากเราไปเช็ค และระวังแพร่ติดไปยังผู้อื่น เช่น นำคู่สมรสหรือแฟน ที่เรายุ่งเกี่ยวด้วยมาเช็ค และ ฉีดวัคซีนป้องกัน
- การหายหรือไม่อยู่ที่ภูมิต้านทานเรา และ ไวรัสที่มีมากน้อยเพียงใดครับ และ ทำตามข้อ 1-10 ให้เคร่งครัดนะครับ