บทความสุขภาพ

Knowledge

มะเร็งตับ สาเหตุการเสียชีวิตที่พบบ่อยในคนไทย รู้ก่อนเสี่ยงอันตราย

นพ. ระพีพันธุ์ กัลยาวินัย

จากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุข พบว่า ‘มะเร็งตับ’ เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ของคนไทย ขณะเดียวกัน ข้อมูลจาก World Cancer Research Fund ระบุว่า ในปี 2565 ประเทศไทยมีอัตราการเสียชีวิตจากมะเร็งตับสูงเป็นอันดับ 4 ของโลก ซึ่งปัญหาสำคัญคือผู้ป่วยส่วนใหญ่มักตรวจพบโรคเมื่ออยู่ในระยะท้าย และไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้แล้ว ดังนั้น การตรวจคัดกรองมะเร็งตับจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะหากตรวจพบตั้งแต่ระยะแรก ๆ จะช่วยเพิ่มโอกาสในการรักษาให้หายขาด หรืออย่างน้อยก็จะทำให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีและยืนยาวขึ้น


Key Takeaways


  • มะเร็งตับเป็นโรคมะเร็งที่พบได้บ่อย และยังเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ของคนไทย
  • ปัจจัยเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดมะเร็งตับ ยกตัวอย่างเช่น การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีและซี โรคตับแข็ง ภาวะไขมันพอกตับ การดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ หรือการได้รับสารพิษ Aflatoxin
  • อาการมะเร็งตับระยะแรกมักไม่แสดงอาการ ทำให้ผู้ป่วยจำนวนมากตรวจพบในระยะลุกลามแล้ว ส่งผลให้การรักษายากขึ้น
  • การตรวจสุขภาพประจำปี และการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี ช่วยลดความเสี่ยงมะเร็งตับได้ หากตรวจพบตั้งแต่ระยะแรก จะเพิ่มโอกาสรักษาให้หายขาด และรักษาคุณภาพชีวิตได้มากขึ้น

รู้จัก ‘มะเร็งตับ’ ภัยเงียบอันตรายอันดับ 1 ที่คนไทยต้องระวัง


โรคมะเร็งตับ

มะเร็งตับ หรือ Hepatocellular Carcinoma คือมะเร็งที่เกิดขึ้นบริเวณตับ โดยมีสาเหตุจากเซลล์ตับที่เกิดการกลายพันธุ์จนมีการแบ่งตัวอย่างต่อเนื่องโดยไม่สามารถควบคุมได้ เซลล์เหล่านี้จะเพิ่มจำนวนจนกลายเป็นก้อนเนื้อร้ายในตับ และสามารถแพร่กระจายไปสู่อวัยวะอื่นในร่างกาย


ในประเทศไทย มะเร็งตับถือเป็นหนึ่งในโรคมะเร็งที่พบบ่อย และยังเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของคนไทย โดยเฉพาะในเพศชายที่มีโอกาสเป็นโรคนี้สูงกว่าเพศหญิงหลายเท่า ความอันตรายของโรคมักอยู่ที่การตรวจพบช้า ทำให้เมื่อวินิจฉัยได้แล้ว ผู้ป่วยจำนวนมากจะมีอาการโรคอยู่ในระยะท้าย ๆ ที่รักษาให้หายขาดได้ยากแล้ว


มะเร็งตับ เกิดจากสาเหตุใดได้บ้าง?


เซลล์ปกติในร่างกายจะมีกระบวนการควบคุมการเจริญเติบโตของเซลล์อยู่ แต่สำหรับเซลล์กลายพันธุ์จะสูญเสียการควบคุมในส่วนนี้ จึงมีการแบ่งตัวเพิ่มจำนวนอย่างผิดปกติ จนก่อตัวเป็นก้อนเนื้อร้าย และสามารถลุกลามหรือแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่นได้ ซึ่งมีหลายปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งตับ ดังนี้


  • การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีและซีเรื้อรัง เป็นสาเหตุสำคัญที่พบบ่อยในประเทศไทย
  • โรคตับแข็งจากสาเหตุต่าง ๆ เช่น การดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ ตับเสียหายจากภูมิคุ้มกันผิดปกติ
  • ภาวะไขมันพอกตับ โดยเฉพาะโรคอ้วน เบาหวาน หรือไขมันในเลือดสูง
  • การสูบบุหรี่
  • การได้รับสารพิษบางชนิด เช่น Aflatoxin ในเชื้อรา
  • พันธุกรรม
  • เพศชาย

อาการของโรคมะเร็งตับ รีบสังเกตก่อนสายไป


มะเร็งตับอาการ

สาเหตุที่มะเร็งตับเป็นโรคที่น่ากลัว เนื่องจากในระยะแรก ๆ ผู้ป่วยมักไม่มีอาการผิดปกติ หรือไม่สังเกตเห็น โดยเฉพาะผู้ป่วยที่เป็นโรคตับอยู่แล้ว แต่เมื่อโรคเข้าสู่ระยะที่รุนแรงขึ้น ผู้ป่วยมะเร็งตับอาจพบอาการดังต่อไปนี้


  • มีน้ำในท้องหรือท้องโตขึ้น
  • จุกแน่น ปวดท้อง หรือท้องอืด
  • คลำพบก้อนในท้อง
  • ปัสสาวะสีเข้ม
  • น้ำหนักลด เบื่ออาหาร เพลียง่าย ไม่มีแรง
  • ท้องเสีย หรือถ่ายดำ
  • ชา เป็นตะคริวตามมือและเท้า
  • น้ำตาลต่ำ เหงื่อออก วูบ
  • ผิวหนังหรือกล้ามเนื้ออักเสบ
  • ตัวเหลือง คันตามตัว
  • ปวดตามกระดูก
  • เลือดออกในช่องท้อง ภาวะซีด

ใครบ้างที่เสี่ยงโรคมะเร็งตับ


ผู้ที่เสี่ยงโรคมะเร็งตับ มีดังต่อไปนี้


  • ผู้ที่มีญาติเป็นโรคตับ หรือ ญาติเป็นมะเร็งตับในครอบครัว
  • ผู้ที่เป็นไวรัสตับอักเสบบี และซีเรื้อรัง (Chronic Hepatitis B, Chronic Hepatitis C)
  • ผู้ที่เป็นโรคเหล็กเกิน เหล็กคั่งในตับ (Hemochromatosis)
  • ผู้ที่มีความผิดปกติทางกรรมพันธุ์ชนิด Tyrosinemia
  • ผู้ที่เป็นโรคตับแข็ง
  • ผู้ที่ได้รับสาร Aflatoxin จากเชื้อรา ซึ่งมักพบในถั่วบดทิ้งค้าง หรือพริกป่นเก่า
  • ผู้ที่มีภาวะตับอักเสบจากไขมันพอกตับ

การตรวจวินิจฉัยโรคมะเร็งตับ


ไม่ว่าจะมีอาการผิดปกติเกิดขึ้น หรือเป็นผู้ที่มีความเสี่ยงโรคมะเร็งตับ ควรได้รับการตรวจคัดกรองและวินิจฉัยโรคมะเร็งตับด้วยวิธีดังต่อไปนี้


  • การซักประวัติและตรวจร่างกายโดยแพทย์
  • การตรวจเลือด โดยสามารถบอกถึงการทำงานของตับ แสดงค่าสารบ่งชี้มะเร็งตับ Alpha-Fetoprotein (AFP) และตรวจหาไวรัสตับอักเสบ
  • การตรวจรังสีวินิจฉัย เช่น การอัลตราซาวนด์ (Ultrasound) การตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan) หรือการตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI)
  • การตัดชิ้นเนื้อส่งตรวจมะเร็ง

การรักษาโรคมะเร็งตับทำอย่างไรได้บ้าง?


การรักษาโรคมะเร็งตับจะขึ้นอยู่กับความรุนแรง หรือระยะการดำเนินโรค รวมถึงสภาพร่างกายของผู้ป่วย ซึ่งแพทย์มักใช้หลาย ๆ วิธีร่วมกันเพื่อควบคุมการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง ดังนี้


การผ่าตัดตับ (Hepatic Resection)


การผ่าตัดตับออกบางส่วน เป็นวิธีรักษามะเร็งตับที่เห็นผลดีที่สุด ผู้ป่วยมีโอกาสหายขาดมากกว่าการรักษาวิธีอื่น เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่ตรวจพบโรคมะเร็งตับระยะแรก ๆ ก้อนเนื้อมะเร็งยังมีขนาดเล็กไม่กระจายไปบริเวณอื่น ตับยังสามารถทำงานได้ตามปกติ และผู้ป่วยมีสุขภาพที่แข็งแรง


การทำลายเซลล์มะเร็งตับด้วยความร้อน (Thermal Ablation)


การทำลายเซลล์มะเร็งตับด้วยความร้อน เป็นการจี้ก้อนมะเร็งด้วยความร้อน เหมาะสำหรับผู้ป่วยมะเร็งตับระยะแรก ๆ ขนาดก้อนเนื้อมะเร็งไม่ใหญ่มาก วิธีนี้ให้ผลการรักษาดีใกล้เคียงกับการผ่าตัดตับ แต่อาจมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำสูงกว่าเล็กน้อย จึงเป็นทางเลือกสำหรับผู้ป่วยที่มีการทำงานของตับไม่สมบูรณ์ ร่างกายไม่แข็งแรง ไม่เหมาะสมกับการผ่าตัด


การปลูกถ่ายตับ (Liver Transplantation)


การปลูกถ่ายตับ เป็นวิธีรักษามะเร็งตับด้วยการผ่าตัดนำตับเก่าออก และปลูกถ่ายตับใหม่แทนที่ ซึ่งมีข้อจำกัดหลายประการ ตั้งแต่การหาตับที่เข้าได้กับผู้ป่วย ปัญหาร่างกายปฏิเสธอวัยวะใหม่ หรือแม้แต่การรับยากดภูมิตลอดชีวิตที่อาจกระทบต่อระบบภูมิคุ้มกันในระยะยาว จึงเป็นวิธีที่ใช้รักษาผู้ป่วยมะเร็งตับที่ยังไม่มีการแพร่กระจายของเซลล์ และมีภาวะตับแข็งร่วมด้วย


การฉีดยาเคมีบำบัดเฉพาะที่ (Transarterial Chemoembolization : TACE)


การฉีดยาเคมีบำบัดเฉพาะที่ เป็นวิธีรักษามะเร็งตับโดยการฉีดยาเคมีบำบัดเข้าที่ก้อนมะเร็ง หรือหลอดเลือดที่เลี้ยงก้อนมะเร็งโดยตรง ร่วมกับการอุดกั้นหลอดเลือดนั้น ๆ เพื่อให้ก้อนมะเร็งขาดเลือดและตายไปเอง เป็นวิธีที่แพทย์เลือกใช้เมื่อมะเร็งตับเริ่มลุกลาม หรือไม่สามารถผ่าตัดได้จากปัจจัยต่าง ๆ เช่น ก้อนมะเร็งอยู่ใกล้หลอดเลือดใหญ่ มีภาวะตับแข็ง หรือมีความเสี่ยงสูงหากผ่าตัด


การให้ยาเคมีบำบัด (Systemic Chemotherapy)


การให้ยาเคมีบำบัด เช่น ยามุ่งเป้า (Targeted Therapy) หรือยา Immunotherapy เป็นยาที่ออกฤทธิ์จำเพาะกับเซลล์มะเร็ง ช่วยทำลายเซลล์มะเร็งหรือยับยั้งการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็ง มีทั้งรูปแบบยาฉีดและยารับประทาน


การฉายรังสี


การฉายรังสี เป็นวิธีทำลายเซลล์มะเร็งตับด้วยการใช้แสงรังสีมุ่งเป้า โดยไม่ทำลายหรือทำให้เกิดอาการข้างเคียงกับอวัยวะอื่น ๆ โดยรอบ


การรักษาแบบประคับประคอง


การรักษาแบบประคับประคอง เป็นการรักษาที่ไม่ได้มุ่งเน้นให้หายจากโรค แต่ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดจากโรคมะเร็งตับ เพื่อให้ผู้ป่วยโรคมะเร็งตับมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น


โรคมะเร็งตับป้องกันได้หรือไม่?


โรคมะเร็งตับเกิดได้หลายปัจจัย แต่สามารถป้องกันได้ด้วยการดูแลสุขภาพให้แข็งแรง และหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงดังต่อไปนี้


  • หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่
  • ระมัดระวังการรับประทานอาหารที่เสี่ยงปนเปื้อน Aflatoxin เช่น ถั่วลิสง พริกแห้ง หัวหอมที่ขึ้นรา
  • คุมอาหาร ลดการรับประทานอาหารจำพวกไขมันสูง มีแป้งมาก
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
  • ระมัดระวังการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ เช่น ไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น และควรฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบ
  • เข้ารับการตรวจคัดกรองมะเร็งตับ โดยเฉพาะผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงอย่างโรคตับแข็ง ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ หรือมีคนในครอบครัวเป็นมะเร็งตับ

โรคมะเร็งตับ รู้ทันก่อน มีโอกาสหายขาด


มะเร็งตับเป็นหนึ่งในโรคมะเร็งที่พบได้บ่อย และมีโอกาสเสียชีวิตสูง เพราะส่วนใหญ่ตรวจพบเมื่อโรคอยู่ในระยะลุกลามแล้ว อย่างไรก็ตาม การดูแลสุขอนามัยที่ดี การตรวจสุขภาพประจำปีอย่างสม่ำเสมอ ร่วมกับการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี สามารถช่วยลดความเสี่ยงโรคมะเร็งตับได้ หากตรวจพบตั้งแต่ระยะแรก ๆ และได้รับการรักษาทันท่วงที ก็มีโอกาสหายขาดจากโรคมะเร็งตับ และสามารถกลับมามีคุณภาพชีวิตดีได้อีกครั้ง


โรงพยาบาลพระรามเก้า เราห่วงใยสุขภาพของคนไทย ให้การบริการด้วยหัวใจและความเอาใจใส่ในทุกรายละเอียด พร้อมมอบประสบการณ์การรักษาที่ได้มาตรฐานในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การตรวจวินิจฉัย และการรักษาที่เหมาะสมเฉพาะบุคคล เพื่อให้ทุกท่านได้รับการดูแลอย่างเต็มที่ที่สุด


สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม



References


Asafo-Agyei KO, Samant H. Hepatocellular Carcinoma. [Updated 2023 Jun 12]. In: StatPearls [Internet]. Treasure Island (FL): StatPearls Publishing; 2025 Jan-. Available from: https://www.ncbi.nlm.nih.gov/books/NBK559177/


Hepatocellular Carcinoma (HCC). (2024, February 13). Cleveland Clinic. https://my.clevelandclinic.org/health/diseases/21709-hepatocellular-carcinoma-hcc


Llovet, J.M., Kelley, R.K., Villanueva, A. et al. (2021). Hepatocellular carcinoma. Nature Reviews Disease Primers. https://doi.org/10.1038/s41572-020-00240-3

บทความที่เกี่ยวข้อง (10)

ดูทั้งหมด

Copyright © 2024 All Rights Reserved | Praram 9 Hospital