บทความสุขภาพ

Knowledge

โรคแอนแทรกซ์ (Anthrax) โรคติดต่อจากสัตว์สู่คน

โรคแอนแทรกซ์ หรือชาวบ้านเรียกว่าโรคกาลี เป็นโรคที่รู้จักกันมาแต่โบราณกาล แอนแทรกซ์นับว่าเป็นโรคระบาดสำคัญโรคหนึ่งในพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2499 เป็นโรคติดต่ออันตรายร้ายแรงที่เกิดขึ้นได้ในสัตว์กินหญ้าแทบทุกชนิด ทั้งสัตว์ป่า เช่น ช้าง เก้ง กวาง และสัตว์เลี้ยง เช่น โค กระบือ แพะ แกะ แล้วติดต่อไปยังคนและสัตว์อื่น เช่น เสือ สุนัข แมว สุกร โรคมักจะเกิดในท้องที่ซึ่งมีประวัติว่าเคยมีโรคนี้ระบาดมาก่อน แต่ปัจจุบันเนื่องจากการคมนาคมสะดวกและรวดเร็ว พ่อค้าสัตว์มักจะนำสัตว์ป่วย หรือสัตว์ที่อยู่ในระยะฟักตัวของโรคไปขายในท้องถิ่นอื่น ทำให้เกิดการกระจายของโรคไปไกล ๆ ได้ เชื้อนี้ก่อให้เกิดโรคในคน 3 แบบ คือที่ผิวหนัง ระบบทางเดินหายใจ และระบบทางเดินอาหาร


สาเหตุ


โรคนี้เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Bacillus anthracis เป็นเชื้อ aerobic, non-motile, spore-forming rod จัดอยู่ในตระกูล Bacillaceae เมื่อนำตัวอย่างเชื้อจากผู้ป่วยมาย้อมสีแกรมจะพบ square-ended gram-positive rods ขนาดใหญ่อยู่เดี่ยวๆ หรือต่อกันเป็น short chains เมื่ออยู่ในที่แห้งและภาวะอากาศไม่เหมาะสมจะสร้างสปอร์หุ้มเซลล์ไว้ มีความทนทานมากทั้งความร้อนความเย็น และยาฆ่าเชื้ออยู่ในธรรมชาติได้นานเป็นสิบๆ ปี


วิธีการติดต่อ


  • การรับประทานเนื้อสัตว์หรือผลิตภัณฑ์จากสัตว์ที่มีเชื้อ
  • การสัมผัสสัตว์ที่ป่วย หรือตายผิดปกติ
  • จากการหายใจเอาฝุ่นดินที่มีสปอร์เชื้อเข้าไป

ระยะฟักตัว


ในคน ตั้งแต่รับเชื้อจนถึงขั้นแสดงอาการ อยู่ระหว่าง 12 ชั่วโมง ถึง 7 วัน แต่ถ้าเป็นกรณีสูดหายใจเอาสปอร์ของเชื้อจากการใช้เป็นอาวุธชีวภาพ ระยะฟักตัวอาจยาวนานถึง 60 วัน


อาการ


อาการที่สามารถเกิดขึ้นพบได้ 3 ลักษณะ คือ


  • แอนแทรกซ์ที่ผิวหนัง (Cutaneous Anthrax) อาการที่พบคือ จะเริ่มเกิดเป็นตุ่มแดงๆตรงที่รับเชื้อ ซึ่งส่วนมากจะอยู่นอกร่มผ้า เช่น มือ แขน ขา แต่อาจพบที่ลำตัวหรือกลางหลังได้ กรณีถอดเสื้อตอนผ่าซากสัตว์ ตุ่มที่พบตอนแรกนี้จะเปลี่ยนเป็นตุ่มน้ำใส แล้วเข้มขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นตุ่มหนองแล้วแตกออกเป็นแผลยกขอบตรงกลางบุ๋มมีสีดำ (Black Eschar) ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของโรคนี้ ในเวลาเดียวกันถ้ายังไม่ได้รับการรักษาก็จะมีตุ่มใหม่เกิดขึ้นรอบๆ แผลเดิมขยายวงกว้างไปเรื่อยๆ บางครั้งรอบๆแผลจะบวมแดง แต่ผู้ป่วยจะไม่รู้สึกเจ็บ ยกเว้นที่ต่อมน้ำเหลืองบริเวณข้างเคียง ปกติแผลที่เกิดจากเชื้อแอนแทรกซ์จะหายยาก ถ้าได้รับการรักษาช้า เพราะเป็นแผลเนื้อตายซึ่งเชื่อกันว่าน่าจะเกิดจากพิษ (toxin) ของตัวเชื้อ อัตราป่วยตายกรณีไม่ได้รับการรักษาไม่สูงนัก อยู่ระหว่างร้อยละ 5-20 เท่านั้น
  • แอนแทรกซ์ที่ระบบทางเดินอาหาร (Intestinal Anthrax) ผู้ป่วยที่กินเนื้อหรือเครื่องในสัตว์ที่ป่วยตายด้วยโรคนี้ แล้วไม่ปรุงให้สุกเพียงพอ ภายใน 12-24 ชั่วโมง จะรู้สึกมีไข้ ไม่สบายท้อง คลื่นไส้ อาเจียน คล้ายกับอาการของอาหารเป็นพิษ ถ้าไม่ได้รับการรักษาโดยเร็ว จะทำให้เกิดการอักเสบเป็นแผลที่ต่อมน้ำเหลืองของขั้วไส้และลำไส้ส่วนต่างๆ มีน้ำในช่องท้อง และปวดท้องอย่างรุนแรง บางครั้งผู้ให้การรักษาอาจเข้าใจผิดคิดว่าเป็นไส้ติ่งอักเสบก็ได้ ดังนั้นแพทย์ผู้ทำการรักษาควรเน้นการซักประวัติการรับประทานอาหารจากผู้ป่วย เมื่อพบผู้ป่วยที่มีลักษณะดังกล่าว ในรายที่มีอาการอุจจาระร่วงมักจะพบว่ามีเลือดปนออกมาด้วย ถ้าผู้ป่วยไม่ได้รับการรักษา เชื้อจะเข้าในกระแสเลือด เกิดอาการโลหิตเป็นพิษ ทำให้ถึงแก่ชีวิตได้ ในกรณีนี้จะมีอัตราการป่วยตายถึงร้อยละ 50-60
  • แอนแทรกซ์ที่ระบบทางเดินหายใจ (Pulmonary Anthrax) โดยทั่วไปจะพบผู้ป่วยที่ทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมเกี่ยวกับขนสัตว์ กระดูกป่น ที่มีฝุ่นฟุ้งกระจาย แล้วหายใจเอาสปอร์ของแอนแทรกซ์เข้าไป อาการที่พบในช่วงแรกๆ จะคล้ายกับผู้ป่วยทางเดินหายใจตอนบน มีไข้ ปวดเมื่อยตามตัว จากนั้นจะหายใจขัด หายใจลำบาก หน้าเขียวคล้ำ และตายจากอาการของระบบหายใจล้มเหลวในช่วงเวลาเพียง 3-5 วันหลังรับเชื้อ อัตราการป่วยตายของผู้ป่วยระบบนี้จะสูงมากถึงร้อยละ 80-90

การตรวจวินิจฉัย


แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการที่สงสัย ร่วมกับความเสี่ยง หากเกิดจากการหายใจ ควรตรวจเอกซเรย์ หรือ การตรวจซีทีสแกน โดยอาจเห็นมีน้ำในปอด หรือ ช่องอกที่กว้างขึ้น (Mediastinal widening)


การวินิจฉัยยืนยันสามารถทำได้โดยการวัดแอนติบอดีหรือระดับพิษในเลือด หรือตรวจแบคทีเรียบาซิลัส แอนทราซิสในสิ่งส่งตรวจ ซึ่งได้แก่ เลือด ผิวหนังที่มีรอยโรค น้ำไขสันหลัง เสมหะ หรือน้ำในปอด โดยหากเก็บสิ่งส่งตรวจก่อนให้ยาปฏิชีวนะ จะทำให้มีโอกาสสามารถพบเชื้อได้มากขึ้น


วิธีการรักษา


รักษาได้ด้วยยาปฏิชีวนะ ได้แก่ เพนนิซิลิน ด๊อกซีไซคคลิน หรือกลุ่มควิโนโลน นอกจากนี้ยังมียาที่ต้านพิษที่สร้างจากเชื้อและเป็นยาปฏิชีวนะด้วย คือ คลินดาไมซิน ลิเนโซลิด


บางรายอาจต้องใช้ยาปฏิชีวนะหลายขนานหากมีอาการรุนแรง เช่น ถ้าติดเชื้อในเยื่อหุ้มสมอง ต้องใช้ยาอย่างน้อย 3 ตัว โมโนโคลนอลแอนติบอดี (Monoclonal antibody) และอิมมูโนโกลบูลิน (Immunoglobulin) ที่จำเพาะกับเชื้อก็มีการนำมาใช้ด้วย


ผู้ป่วยบางรายแม้ว่าจะฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้แล้ว แต่พิษจากเชื้ออาจยังมีผลรุนแรงที่ต้องนอนในหอผู้ป่วยวิกฤต หรือต้องใส่ท่อช่วยหายใจ


การป้องกัน


  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ติดเชื้อหรือซากสัตว์ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีประวัติการระบาด
  • สวมอุปกรณ์ป้องกันเมื่อต้องสัมผัสสัตว์หรือซากสัตว์ เช่น ถุงมือ หน้ากาก เสื้อคลุมกันเปื้อน
  • หลังสัมผัสกับเนื้อสัตว์ควรล้างมือ และอุปกรณ์ให้สะอาดเสมอ
  • เลือกบริโภคเนื้อสัตว์ที่ได้รับการรับรอง อาหารปลอดภัย
  • ไม่รับประทานอาหารจากเนื้อสัตว์ที่ดิบ หรือสุกๆ ดิบๆ

แหล่งอ้างอิง


กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข แอนแทรกซ์ (Anthrax)

สาระสุขภาพ รู้จักโรค แอนแทรกซ์ (Anthrax) โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์

โรคแอนแทรกซ์ – (anthrax) สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย



บทความที่เกี่ยวข้อง (10)

ดูทั้งหมด

เตือนภัย แมลงริ้นฝอยทรายกัด ติดเชื้อโรคลิชมาเนียอันตรายถึงชีวิต

Leishmaniasis หรือโรคลิชมาเนีย เป็นโรคจากการติดเชื้อปรสิตลิชมาเนีย มักเกิดจากการถูกริ้นฝอยทรายที่เป็นพาหะของเชื้อกัด ส่วนใหญ่จะแพร่ระบาดในบริเวณที่มีสภาพอากาศร้อนชื้นหรือกึ่งร้อนชื้น โดยเฉพาะแถบเอเชีย แอฟริกา หรืออเมริกาใต้ ซึ่งผู้ป่วยแต่ละรายจะแสดงอาการป่วยแตกต่างกันไปตามสายพันธุ์ของเชื้อที่เข้าสู่ร่างกาย

ไข้เลือดออก…ภัยร้ายที่มากับหน้าฝน

โรคไข้เลือดออกมักระบาดในช่วงฤดูฝนโดยมียุงลายเป็นพาหะ หากอาการรุนแรงอาจทำให้เสียชีวิตได้ ปัจจุบันยังไม่มียารักษาที่จำเพาะต่อโรคไข้เลือดออก การรักษาเน้นการรักษาตามอาการ ดังนั้นการป้องกันจึงเป็นวิธีการที่ดีที่สุด โดยป้องกันไม่ให้โดนยุงกัด ทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุง และรับการฉีดวัคซีนไข้เลือดออกเพื่อป้องกันการติดเชื้อและอาการรุนแรง

รู้จักโรคไข้หวัดใหญ่ (Influenza)…อาการ การรักษา และการป้องกัน

ไข้หวัดใหญ่ (influenza) เป็นโรคติดเชื้อไวรัสของระบบทางเดินหายใจ ซึ่งมีการระบาดทุกปี หากผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้สูงอายุ ผู้มีโรคเรื้อรัง หญิงตั้งครรภ์ และผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ มีการติดเชื้ออาจมีอาการรุนแรง และเสียชีวิตได้ ซึ่งสามารถป้องกันได้โดยการรับวัคซีนซึ่งจะมีการผลิตให้เหมาะสมกับสายพันธุ์ที่จะมีการระบาดในแต่ละปี

ยอดผู้ป่วยโควิดฯ สายพันธุ์ลูกผสม (XBB*) เพิ่มขึ้น! เช็กด่วน! กลุ่มเสี่ยงที่ควรมาพบแพทย์

สถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลกยังคงมีความรุนแรงและยังต้องการการจัดการอย่างมีระบบเพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้นในสังคมและเศรษฐกิจ ในประเทศไทย

รู้ทัน ป้องกันได้ ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A

อาการหนาวๆร้อนๆ เจ็บปวดตามเนื้อตัวหรือปวดศีรษะมีไข้ อาการเหล่านี้ล้วนเป็นสัญญาณบอกเหตุถึงโรคภัยไข้เจ็บ หรือที่เรียกกันคุ้นหูว่า ไข้หวัดใหญ่ ซึ่งเมื่อเป็นแล้วมักจะเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินชีวิตประจำวันของทุกเพศทุกวัยและสามารถพบได้ตลอดทั้งปี ใน

ฝีดาษลิง โรคจากลิงสู่มนุษย์ ที่ต้องระวัง

อีกโรคระบาดจากสัตว์ที่มาสู่มนุษย์ ซึ่งมีสาเหตุจากการได้เชื้อไวรัส ผ่านการสัมผัสกับสัตว์ โดยเฉพาะสัตว์ป่า

รู้หรือไม่…ไข้เลือดออกอันตรายกว่าที่คิด

เมื่อพูดถึง ฝน ทุกคนก็จะนึกถึงผลกระทบที่ตามมาอีกหลายอย่าง น้ำท่วมขัง เป็นแหล่งกำเนิดชั้นดีที่ก่อให้เกิด ยุง เพราะยุงเป็นพาหะที่สร้างโรคไข้เลือดออก Drag ซึ่งเป็นที่รู้จักกันมานาน สามารถเกิดโรคได้ทุกเพศทุกวัย และพบบ่อยในเด็ก โดยโรคไข้เลือดออกมักมีการระบาดมากในช่วงฤดูฝน และอาจจะนำไปสู่การสูญเสียชีวิตได้ แต่เมื่อกล่าวถึงอันตรายของไข้เลือดออกนั้น ส่วนใหญ่ไม่มีอันตรายถึงชีวิต หากพักผ่อนอย่างเพียงพอ ร่างกายจะสร้างภูมิคุ้มกัน ทำให้ไข้ลดลง และฟื้นตัวได้เร็ว จะมีเพียงส่วนน้อยกว่าร้อยละ 5 ที่จะมีภาวะช็อกจากการรั่วของน้ำออกนอกเส้นเลือด และสิ่งที่น่ากังวล คือ หากเลือดออกในทางเดินอาหารหรือเลือดออกในสมองจะมีภาวะเสี่ยงถึงแก่ชีวิตได้

โรคงูสวัดและวัคซีนป้องกันงูสวัดรุ่นใหม่

โรคงูสวัด (herpes zoster หรือ shingles) เกิดจากเชื้อไวรัส varicella-zoster ที่ทำให้เกิดโรคอีสุกอีใส ไวรัสนี้แฝงอยู่ที่ปมประสาท เมื่อร่างกายอ่อนแอก็จะทำให้เป็นโรคงูสวัดขึ้นได้ กลุ่มเสี่ยงที่จะมีอาการรุนแรงคือ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยเปลี่ยนถ่ายอวัยวะ ผู้ป่วยแพ้ภูมิตนเอง และผู้ติดเชื้อ HIV ซึ่งสามารถป้องกันได้ด้วยการรับวัคซีนป้องกันงูสวัด

ไข้หวัดใหญ่ โรคใกล้ตัวที่ป้องกันได้

โรคไข้หวัดใหญ่เป็นโรคติดเชื้อไวรัสในระบบทางเดินหายใจชนิดเฉียบพลันที่มีการระบาดทั่วโลก ซึ่ง ทุกคนมีโอกาสได้รับเชื้อนี้ ไข้หวัดใหญ่ติดต่ออย่างไร เชื้อไข้หวัดใหญ่ติดต่อกันได้ง่าย ผ่านทางระบบทางเดินหายใจหรือการสัมผัสผู้ป่วยโดยตรง เช่น ไอ จามรดกัน

ความรู้เรื่องโรคอีโบลา

ไวรัสอีโบลา จัดอยู่ในกลุ่มโรคชนิดเดียวกับข้เลือดออก ซึ่งเป็นโรคติดต่อที่มีความรุนแรง ถึงแม้ปัจจุบันยังไม่พบเชื้อไวรัสนี้ในประเทศไทย แต่หากได้รับเชื้อ อาการอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ การระบาดของโรคอีโบลามีอัตราป่วยตายที่สูงได้ถึงร้อยละ 90

Copyright © 2024 All Rights Reserved | Praram 9 Hospital