บทความสุขภาพ

Knowledge

ผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดี…เมื่อไหร่ควรผ่า? วิธีเตรียมตัว และการดูแลหลังผ่าตัด

การผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดี (Cholecystectomy) เป็นหนึ่งในการผ่าตัดที่พบได้บ่อยในผู้ป่วยที่เป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดี หากนิ่วมีขนาดใหญ่ หรือมีจำนวนมาก จะทำให้เกิดอาการปวดท้อง อาเจียน หรืออาจมีการอักเสบ หรือการติดเชื้อที่นำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้ การผ่าตัดไม่เพียงแต่ช่วยบรรเทาอาการที่รบกวนผู้ป่วย แต่ยังช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนในอนาคตได้อีกด้วย


ผู้ป่วยหลายคนอาจมีคำถามเกี่ยวกับกระบวนการผ่าตัด ระยะเวลาในการฟื้นตัว และวิธีการดูแลตนเองหลังการผ่าตัด ในบทความนี้ เราจะเจาะลึกถึงรายละเอียดเกี่ยวกับการผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดี ทั้งในแง่ของอาการ การรักษา ความเสี่ยง และคำแนะนำที่จำเป็น


นิ่วในถุงน้ำดีคืออะไร?

นิ่วในถุงน้ำดี (Gallstones) คือก้อนที่เกิดจากการตกตะกอนของสารในถุงน้ำดี นิ่วอาจมีขนาดเล็กเท่าเม็ดทรายไปจนถึงขนาดใหญ่เท่าลูกกอล์ฟ ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดนิ่วอาจมาจากหลายปัจจัย เช่น


นิ่วจากคอเลสเตอรอล (Cholesterol Stones) ซึ่งเป็นนิ่วชนิดที่พบบ่อยที่สุด เกิดจากคอเลสเตอรอลในน้ำดีสูงเกินไปจนตกตะกอนเป็นก้อนนิ่ว

นิ่วบิลิรูบิน (Pigment Stones) เกิดจากสารบิลิรูบินในเลือดสูง ซึ่งมักพบในผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคตับหรือโรคเลือด

ภาวะที่ถุงน้ำดีไม่สามารถบีบตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้น้ำดีเกิดการคั่งและตกตะกอน

นิ่วบางชนิดอาจไม่ทำให้เกิดอาการ แต่หากนิ่วไปอุดตันทางเดินน้ำดี อาจทำให้เกิดอาการปวดท้องอย่างรุนแรง ซึ่งเรียกว่า Biliary Colic หากไม่ได้รับการรักษา นิ่วอาจทำให้ถุงน้ำดีอักเสบ (Cholecystitis) ซึ่งจะทำให้เกิดการติดเชื้อและเสี่ยงต่อภาวะอันตรายอื่น ๆ


อาการของนิ่วในถุงน้ำดีเป็นอย่างไร?

โรคนิ่วในถุงน้ำดีมักไม่แสดงอาการจนกว่าจะเกิดการอุดตัน โดยอาการทั่วไปที่พบได้บ่อย ได้แก่


  • อาการปวดท้องเฉียบพลัน: ผู้ป่วยมักรู้สึกปวดที่บริเวณช่องท้องด้านขวาบนหรือกลางท้อง โดยอาการปวดมักเกิดขึ้นหลังรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง
  • คลื่นไส้และอาเจียน: นิ่วในถุงน้ำดีอาจทำให้เกิดความรู้สึกคลื่นไส้และอาเจียน โดยเฉพาะหลังรับประทานอาหารประเภทไขมันสูง
  • ท้องอืดและแน่นท้อง: ผู้ป่วยอาจมีอาการท้องอืด แน่นท้องหรือรู้สึกไม่สบายหลังรับประทานอาหาร
  • ไข้และตัวเหลือง: หากนิ่วทำให้เกิดการอักเสบหรือติดเชื้อ ผู้ป่วยอาจมีไข้สูง และในกรณีที่นิ่วอุดตันท่อน้ำดี อาจทำให้เกิดภาวะดีซ่าน (Jaundice) ซึ่งสังเกตได้จากอาการตัวเหลืองและตาเหลือง

เมื่อไหร่ที่ควรเข้ารับการผ่าตัดถุงน้ำดี?

หากนิ่วไม่ทำให้เกิดอาการ ผู้ป่วยอาจไม่จำเป็นต้องได้รับการรักษา อย่างไรก็ตามหากผู้ป่วยมีอาการหรือมีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน อาจจำเป็นต้องมีการผ่าตัดถุงน้ำดี โดยอาการที่เป็นสัญญาณว่าอาจต้องได้รับการผ่าตัด เช่น


  • มีอาการปวดท้องรุนแรง: หากมีอาการปวดท้องเฉียบพลันที่บริเวณช่องท้องด้านขวาบน หรือกลางท้องที่รุนแรงและไม่หายไปเอง ควรปรึกษาแพทย์ทันที
  • มีภาวะแทรกซ้อน: มีการอักเสบของถุงน้ำดี ตับอ่อนอักเสบจากนิ่ว หรือท่อน้ำดีอุดตันจากนิ่ว เป็นภาวะที่ต้องได้รับการผ่าตัดอย่างเร่งด่วน
  • มีนิ่วหลายก้อนหรือขนาดใหญ่: หากตรวจพบว่ามีนิ่วจำนวนมาก หรือมีขนาดใหญ่ ไม่สามารถหลุดออกเองได้ ซึ่งอาจมีความเสี่ยงต่อการอุดตันในอนาคต

หากพบอาการผิดปกติดังกล่าว ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้


วิธีการผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดีมีอะไรบ้าง?

การผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดีมี 2 วิธีหลัก ๆ ได้แก่


  • การผ่าตัดผ่านกล้อง (Laparoscopic Cholecystectomy): เป็นวิธีการที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เนื่องจากมีความปลอดภัยและผู้ป่วยฟื้นตัวเร็ว ในการผ่าตัดผ่านกล้องนี้ ศัลยแพทย์จะทำการเจาะรูเล็ก ๆ ที่หน้าท้องเพื่อสอดกล้องและอุปกรณ์สำหรับการผ่าตัด วิธีนี้ทำให้ผู้ป่วยมีแผลขนาดเล็ก ฟื้นตัวเร็ว และใช้เวลาพักฟื้นในโรงพยาบาลสั้นกว่าการผ่าตัดแบบเปิด
  • การผ่าตัดแบบเปิด (Open Cholecystectomy): เป็นวิธีการผ่าตัดที่เหมาะกับผู้ป่วยที่มีภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงหรือมีประวัติการผ่าตัดช่องท้องมาก่อน แผลผ่าตัดจะมีขนาดใหญ่กว่า และใช้เวลาฟื้นตัวนานกว่าการผ่าตัดผ่านกล้อง

หลังผ่าตัดถุงน้ำดีจะเป็นอย่างไร?

หลังการผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดี ผู้ป่วยส่วนใหญ่ฟื้นตัวได้เร็ว โดยการฟื้นตัวจะขึ้นอยู่กับวิธีการผ่าตัด


  • หลังการผ่าตัดผ่านกล้อง: ผู้ป่วยสามารถลุกเดินได้ภายใน 1 วันหลังผ่าตัด และสามารถกลับบ้านได้ภายใน 1-2 วัน โดยทั่วไป ผู้ป่วยจะสามารถกลับไปทำงานเบา ๆ ได้ภายใน 1 สัปดาห์ และฟื้นตัวเต็มที่ภายใน 2-3 สัปดาห์
  • หลังการผ่าตัดแบบเปิด: ผู้ป่วยต้องพักฟื้นในโรงพยาบาลประมาณ 3-5 วัน และต้องใช้เวลาพักฟื้นที่บ้านประมาณ 4-6 สัปดาห์ก่อนที่จะกลับมาทำงานได้

ระบบย่อยอาหารหลังการผ่าตัดอาจมีการเปลี่ยนแปลงในช่วงแรก เนื่องจากน้ำดีจะถูกปล่อยออกมาโดยตรงจากตับไปยังลำไส้เล็กโดยไม่ผ่านถุงน้ำดี ซึ่งทำให้บางคนอาจมีอาการท้องเสียหรือรู้สึกไม่สบายหลังรับประทานอาหารไขมันสูง แต่ปัญหานี้มักจะค่อย ๆ ดีขึ้น เนื่องจากร่างกายจะมีการปรับตัวจนเข้าสู่สภาวะปกติ


ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นจากการผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดีมีอะไรบ้าง?

การผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดีโดยทั่วไปมีความปลอดภัย แต่เช่นเดียวกับการผ่าตัดอื่น ๆ การผ่าตัดนี้ก็อาจมีภาวะแทรกซ้อนได้บ้าง เช่น


  • การติดเชื้อ: อาจเกิดการติดเชื้อที่แผลผ่าตัดหรือภายในช่องท้อง แพทย์อาจพิจารณาจะให้ยาปฏิชีวนะเพื่อลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ
  • เลือดออกภายใน: อาจเกิดขึ้นได้ แต่พบได้ไม่บ่อย
  • การรั่วของน้ำดี: น้ำดีอาจรั่วออกมาจากท่อน้ำดีหลังการผ่าตัด ซึ่งอาจต้องมีการรักษาเพิ่มเติม
  • ท้องเสียเรื้อรัง: ในบางกรณี ผู้ป่วยอาจมีอาการท้องเสียเรื้อรังหลังการผ่าตัด ซึ่งเกิดจากการที่น้ำดีไหลเข้าสู่ลำไส้เล็กมากเกินไปในช่วงแรก

การเตรียมตัวก่อนการผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดี

ก่อนการผ่าตัด ผู้ป่วยจะต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์เพื่อเตรียมร่างกายให้พร้อม และลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัด โดยแพทย์อาจมีคำแนะนำดังนี้


  • งดอาหารและน้ำ: ควรงดอาหารและเครื่องดื่มอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงก่อนการผ่าตัด เพื่อป้องกันการสำลักในระหว่างที่ดมยาสลบ
  • หยุดยาบางชนิด: หากผู้ป่วยรับประทานยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น ยาต้านการแข็งตัวของเลือด ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการหยุดยาก่อนการผ่าตัด
  • การเตรียมร่างกาย: หากผู้ป่วยมีโรคประจำตัวอื่น ๆ เช่น เบาหวาน หรือโรคหัวใจ ควรได้รับการตรวจสุขภาพและรักษาภาวะต่าง ๆ ให้คงที่ก่อนการผ่าตัด

หลังผ่าตัดควรดูแลตัวเองอย่างไร?

หลังการผ่าตัด ผู้ป่วยควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดเพื่อป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อน


  • ดูแลแผลผ่าตัด: ทำความสะอาดแผลอย่างระมัดระวังและเปลี่ยนผ้าพันแผลตามที่แพทย์แนะนำ
  • พักผ่อนให้เพียงพอ: ควรพักผ่อนให้เพียงพอและหลีกเลี่ยงการยกของหนักหรือทำกิจกรรมที่ใช้แรงมากในช่วง 2-4 สัปดาห์แรกหลังการผ่าตัด
  • การรับประทานอาหาร: ควรเริ่มรับประทานอาหารเบา ๆ และหลีกเลี่ยงอาหารมันหรือไขมันสูงในช่วงแรก เพื่อช่วยให้ระบบย่อยอาหารปรับตัว
  • ติดตามอาการผิดปกติ: หากมีอาการผิดปกติ เช่น แผลผ่าตัดบวมแดง มีหนอง มีไข้สูง หรือปวดรุนแรง ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที

การผ่าตัดถุงน้ำดีมีผลข้างเคียงในระยะยาวหรือไม่?

ในระยะยาวผู้ป่วยส่วนใหญ่สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติหลังการผ่าตัด การไม่มีถุงน้ำดีไม่มีผลกระทบต่อการทำงานของระบบย่อยอาหารในคนทั่วไป แต่บางคนอาจมีอาการท้องเสียหรือท้องอืดบ่อยในช่วงแรกหลังผ่าตัด ซึ่งมักเกิดจากการที่น้ำดีไหลเข้าสู่ลำไส้เล็กโดยตรงโดยไม่สะสมในถุงน้ำดี แต่อาการมักจะค่อย ๆ ดีขึ้นเพราะร่างกายจะค่อย ๆ ปรับตัว


สรุป

การผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดี (Cholecystectomy) เป็นการรักษาที่มีประสิทธิภาพสำหรับผู้ที่มีปัญหานิ่วในถุงน้ำดี ซึ่งนิ่วในถุงน้ำดีอาจทำให้มีอาการปวดและเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ การผ่าตัดนี้มักแนะนำในผู้ป่วยที่มีก้อนนิ่วขนาดใหญ่ หรือมีก้อนนิ่วจำนวนมาก หรือเมื่อผู้ป่วยมีอาการรุนแรง เช่น การปวดท้องเฉียบพลันหรือนิ่วอุดตันในท่อน้ำดี การเอาถุงน้ำดีออกโดยทั่วไปไม่ส่งผลกระทบต่อการย่อยอาหาร และยังสามารถลดความเสี่ยงในการเกิดนิ่วซ้ำได้


หลังการผ่าตัด ผู้ป่วยควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เช่น การดูแลแผล และการปรับตัวกับการย่อยอาหารในช่วงแรก อาจต้องเลี่ยงอาหารมันหรือลดปริมาณลงเพื่อให้ร่างกายปรับตัวได้ง่ายขึ้น การฟื้นตัวหลังผ่าตัดมักเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเมื่อเป็นการผ่าตัดผ่านกล้อง การทำความเข้าใจและเตรียมพร้อมสำหรับขั้นตอนต่าง ๆ จะช่วยให้การฟื้นตัวเร็วขึ้นและช่วยลดความกังวลเกี่ยวกับการผ่าตัดได้ด้วย

บทความที่เกี่ยวข้อง (10)

ดูทั้งหมด

ไส้เลื่อน ใครก็เป็นได้ อันตรายที่ต้องรักษาก่อนเกิดภาวะแทรกซ้อน

ไส้เลื่อน คือภาวะที่ลำไส้เลื่อนหรือดันออกมาจากช่องท้อง สามารถสังเกตเห็นก้อนนูนออกมาตามขาหนีบ หน้าท้อง สะดือ หากไม่รักษาอาจเกิดอันตรายจากอาการแทรกซ้อนได้

รู้ทันต้อหิน โรคร้ายทำลายการมองเห็น รีบรักษาก่อนสายเกินแก้

ต้อหิน (Glaucoma) คือโรคตาที่มีสาเหตุจากขั้วประสาทตาเสื่อม ผู้ป่วยจะมีอาการปวดหัวปวดตา กระจกตาขุ่น การมองเห็นแย่ลง และค่อย ๆ สูญเสียการมองเห็นไปในที่สุด

Hypothyroidism คืออะไร? รู้ทันสาเหตุ อาการ และวิธีรักษา

Hypothyroidism คือ ภาวะพร่องฮอร์โมนไทรอยด์ หรือฮอร์โมนไทรอยด์ทำงานต่ำ ทำให้ระดับการเผาผลาญพลังงานลดลง และนำมาสู่การทำงานของระบบต่าง ๆ ผิดปกติ

รู้ทันอาการน้ำในหูไม่เท่ากัน ใครเวียนหัว บ้านหมุนบ่อยต้องระวัง

โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน เป็นความผิดปกติของระบบน้ำในหูชั้นใน ซึ่งสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ ทำให้ผู้ป่วยมีอาการ เวียนหัว บ้านหมุน ทรงตัวไม่อยู่ และการได้ยินผิดปกติ

หายใจไม่อิ่ม หายใจลำบาก สัญญาณอันตรายที่คุณไม่ควรมองข้าม

หายใจไม่อิ่ม เป็นอาการที่หลายคนเผชิญ อาจมีอาการแน่นหน้าอก หายใจไม่เต็มปอด หายใจลำบาก หัวใจเต้นเร็ว เหนื่อยง่าย บทนี้ความจะพาไปดูสาเหตุของอาการเหล่านี้กัน

ภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน อันตรายถึงชีวิตแบบไร้สัญญาณเตือน

หัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน (Sudden Cardiac Arrest) คือ ภาวะที่หัวใจหยุดทำงานกะทันหัน ทำให้หมดสติและเสียชีวิตในไม่กี่นาที จึงเป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องรับการรักษาทันที

อาการปวดเข่าคืออะไร มีวิธีป้องกันข้อเข่ามีอะไรบ้าง?

อาการปวดเข่าเป็นอาการที่เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ข้อเข่าเสื่อม และส่งผลต่อชีวิตประจำวันได้ การรู้ถึงสาเหตุ วิธีป้องกัน และการรักษาอาการปวดเข่าจึงเป็นเรื่องสำคัญ

EST คืออะไร? การตรวจสมรรถภาพหัวใจ Exercise Stress Test

EST (Exercise Stress Test) คือ การออกกำลังกายตรวจสมรรถภาพหัวใจ เป็นวิธีวินิจฉัยสุขภาพหัวใจเพื่อทำการรักษาต่อไป EST มีขั้นตอนอย่างไรบ้าง? บทความนี้มีคำตอบ

ภาวะข้อไหล่หลุดคืออะไร รู้สาเหตุ อาการ และวิธีรักษาให้หายดี

ภาวะข้อไหล่หลุดคืออาการที่พบได้บ่อยในคนที่ใช้แรงเยอะ ๆ หรือเคยไหล่หลุดมาก่อน มาดูกันว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้ไหล่หลุดได้บ้าง และจะต้องดูแลรักษาตัวอย่างไ

กระดูกคอเสื่อมอันตรายไหม? รู้จักอาการ สาเหตุ และการป้องกัน

โรคกระดูกคอเสื่อมอันตรายไหม? ชวนคุณมาทำความรู้จักกับอาการ สาเหตุ และการรักษา เพื่อป้องกันสุขภาพตัวเองไม่ให้กระดูกคอได้รับบาดเจ็บ

Copyright © 2024 All Rights Reserved | Praram 9 Hospital