บทความสุขภาพ

Knowledge

ไส้เลื่อน ใครก็เป็นได้ อันตรายที่ต้องรักษาก่อนเกิดภาวะแทรกซ้อน

นพ. อนุวัตร สุขสมานพาณิชย์

โรคไส้เลื่อนเป็นภาวะที่อวัยวะภายในช่องท้องเลื่อนออกมาจากตำแหน่งปกติ มีทั้งแบบที่ยังไม่อันตราย และเป็นอันตรายรุนแรงกระทั่งต้องได้รับการผ่าตัดฉุกเฉิน มิเช่นนั้นอาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อและเสียชีวิตได้ ไส้เลื่อนสามารถพบได้ทุกเพศทุกวัย ไม่จำกัดเฉพาะเพศชายอย่างที่เข้าใจกัน หากพบว่าเป็นไส้เลื่อนแนะนำให้เข้ารับผ่าตัดเพื่อป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนอันตรายในอนาคต


Key Takeaways


  • ไส้เลื่อน คือ ภาวะที่อวัยวะภายในช่องท้องเลื่อนออกมาจากตำแหน่งปกติ อาจสัมผัสหรือมองเห็นเป็นก้อนตุงออกมาได้ สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย แต่มีโอกาสพบในเพศชายมากกว่า
  • การเกิดไส้เลื่อนอาจไม่ก่อให้เกิดอาการเจ็บปวด หรืออาจพบอาการปวดหน่วง แต่หากปล่อยไว้อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนอย่างลำไส้อุดตัน ลำไส้ขาดเลือดที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
  • การรักษาไส้เลื่อนสามารถทำได้ด้วยการผ่าตัดเสริมความแข็งแรงของผนังหน้าท้อง เพื่อไม่ให้อวัยวะในช่องท้องเคลื่อนออกมาได้อีก

ทำความเข้าใจ ไส้เลื่อน คืออะไร?


ไส้เลื่อน คือ

โรคไส้เลื่อน (Hernia) คือ ภาวะที่มีอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งในช่องท้องเคลื่อนไปจากตำแหน่งปกติ โดยเคลื่อนผ่านรูหรือดันออกไปตรงบริเวณพังผืดหรือกล้ามเนื้อที่ไม่แข็งแรง (เกิดความอ่อนแอหรือหย่อนยาน) ทำให้อวัยวะในช่องท้องดังกล่าวไปอยู่ในตำแหน่งที่ผิดปกติ พบได้ตั้งแต่บริเวณกะบังลมไปจนถึงใต้ขาหนีบ ซึ่งบริเวณนั้น ๆ จะสามารถสัมผัสหรือเห็นเป็นก้อนตุงเมื่ออยู่ในท่านั่งหรือยืน แต่เมื่อนอนราบก้อนตุงอาจยุบหายไป


โรคไส้เลื่อนจำเป็นต้องได้รับการรักษาโดยเร็ว หากปล่อยไว้อาจมีโอกาสที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น ลำไส้อุดตัน หรือลำไส้ขาดเลือด ส่งผลให้ลำไส้ตายและเกิดการติดเชื้อในกระแสเลือดได้


ชนิดของไส้เลื่อน มีอะไรบ้าง?


เราสามารถแบ่งชนิดของไส้เลื่อนได้จากตำแหน่งที่พบ ดังนี้


  • ไส้เลื่อนขาหนีบ (Inguinal Hernias) เป็นตำแหน่งที่พบได้บ่อยที่สุด พบมากในผู้ชาย กรณีที่อาการไส้เลื่อนรุนแรงอาจทำให้เกิดการไหลลงไปยังบริเวณอัณฑะได้
  • ไส้เลื่อนข้างกล้ามเนื้อหน้าท้อง (Spigelian Hernias) หรือไส้เลื่อนช่องท้อง (Ventral Hernia) คือ ตำแหน่งไส้เลื่อนที่เกิดขึ้นในผู้ที่กล้ามเนื้อหน้าท้องหย่อนยานและอ่อนแอ
  • ไส้เลื่อนสะดือ (Umbilical Hernias) พบได้ในเด็ก ซึ่งเป็นภาวะที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่กำเนิดจากการที่รูผนังหน้าท้องบริเวณสะดือยังปิดไม่สนิท สามารถหายเองได้เมื่อผนังหน้าท้องแข็งแรงขึ้น
  • ไส้เลื่อนกะบังลม (Diaphragmatic Hernia) เกิดจากกะบังลมที่กั้นระหว่างช่องอกกับช่องท้องมีรูรั่ว ทำให้อวัยวะในช่องท้องเคลื่อนขึ้นไปช่องอกได้ อาจเกิดขึ้นตั้งแต่กำเนิด ผู้ที่มีอายุมาก หรือในผู้ที่เคยบาดเจ็บบริเวณกะบังลม
  • ไส้เลื่อนแผลผ่าตัด (Incisional Hernia) เกิดจากแผลใต้ผิวหนังซ่อมแซมไม่สมบูรณ์ อาจทำให้เกิดความหย่อนยาน อ่อนแอ หรือรูรั่ว จนเป็นเหตุให้อวัยวะในช่องท้องเคลื่อนออกมา
  • ไส้เลื่อนอุ้งเชิงกราน (Obturator Hernia) เป็นตำแหน่งไส้เลื่อนที่พบได้ยาก ไม่สามารถมองเห็นได้จากภายนอก และมีความอันตรายจากการทำให้เกิดภาวะลำไส้อุดตันได้ง่าย พบได้ในผู้หญิงสูงอายุ
  • ไส้เลื่อนต่ำกว่าขาหนีบ (Femoral Hernia) เป็นตำแหน่งไส้เลื่อนที่พบได้บ่อยในผู้หญิง เนื่องจากมีกระดูกเชิงกรานกว้างกว่าผู้ชาย

รู้ทันสาเหตุของไส้เลื่อน


ไส้เลื่อน สาเหตุ

สาเหตุที่เพิ่มโอกาสการเกิดโรคไส้เลื่อน ได้แก่


  • ความผิดปกติของช่องท้องมาตั้งแต่กำเนิด โดยเฉพาะในเด็กที่คลอดก่อนกำหนด
  • อายุที่เพิ่มขึ้น โดยพบมากในอายุ 40 ปีขึ้นไป
  • เคยเกิดอุบัติเหตุที่รุนแรงบริเวณหน้าท้อง
  • พฤติกรรมที่ทำให้เกิดแรงดันในช่องท้องสูง เช่น การออกแรงยกของหนัก ไอหรือจามอย่างหนักบ่อย ๆ เบ่งอุจจาระหรือปัสสาวะเป็นประจำ เป็นต้น
  • ผนังช่องท้องมีความอ่อนแอหลังการผ่าตัดเปิดหน้าท้อง
  • การตั้งครรภ์
  • การสูบบุหรี่
  • โรคอ้วน
  • ผู้ชายมีความเสี่ยงมากกว่าผู้หญิง เนื่องจากผู้ชายมีช่องถุงอัณฑะซึ่งจะเป็นบริเวณที่อ่อนแรงได้ง่ายจึงมีโอกาสเกิดไส้เลื่อนได้

อาการที่เกิดขึ้นเมื่อเกิดไส้เลื่อน


อาการไส้เลื่อนในระยะเริ่มแรกผู้ป่วยมักไม่มีอาการ หรือความเจ็บปวดใด ๆ อาจสังเกตเห็นก้อนตุง ๆ นูนออกมาจากผนังหน้าท้อง ขาหนีบ หรือตำแหน่งอื่น ๆ บริเวณช่องท้อง และก้อนนี้มักใหญ่หรือชัดเจนขึ้น เมื่อสังเกตในท่านั่งหรือยืน ผู้ป่วยอาจมีอาการจุก ๆ หน่วง ๆ ที่ท้องร่วมด้วย แต่เมื่อนอนหงายก้อนที่เคยนูนออกมาอาจยุบเล็กลงหรือหายไปเอง


ในกรณีที่เป็นไส้เลื่อนกะบังลม อาจมีอาการจุกแน่น แสบร้อนกลางอก คล้ายกับกรดไหลย้อน หายใจลำบาก คลื่นไส้อาเจียน หากปล่อยทิ้งไว้ไส้เลื่อนจะมีขนาดใหญ่ขึ้น มีอาการจุกและหน่วงมากขึ้น หรืออาจถึงขั้นมีอาการเจ็บปวด แน่นท้อง ปวดแสบปวดร้อน และเกิดภาวะแทรกซ้อนตามมาได้


การวินิจฉัยโรคไส้เลื่อน


วิธีการตรวจวินิจฉัยโรคไส้เลื่อนขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่เกิดไส้เลื่อน กรณีที่เป็นไส้เลื่อนในตำแหน่งที่มองเห็นจากภายนอกได้ เช่น ไส้เลื่อนข้างกล้ามเนื้อหน้าท้อง ไส้เลื่อนขาหนีบ ไส้เลื่อนแผลผ่าตัด อาจสามารถวินิจฉัยได้จากการตรวจร่างกายโดยแพทย์

ในกรณีที่ผู้ป่วยมีผนังหน้าท้องหนา หรือไส้เลื่อนในตำแหน่งที่ไม่สามารถมองเห็นจากภายนอกได้ อาจต้องได้รับการตรวจเพิ่มเติม เช่น อัลตราซาวนด์ หรือการทำ CT Scan


การผ่าตัดรักษาไส้เลื่อน ลดความอันตรายจากอาการแทรกซ้อน


ผ่าตัดไส้เลื่อน

การรักษาไส้เลื่อนสามารถทำได้ด้วยการผ่าตัด ซึ่งวิธีผ่าตัดไส้เลื่อนมีอยู่ 2 วิธี ได้แก่ การผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้อง และการผ่าตัดไส้เลื่อนแบบผ่านกล้องแผลเล็ก


1. การผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้อง (Open Surgery)


การผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้องเป็นวิธีผ่าตัดไส้เลื่อนแบบเดิมที่ต้องเปิดแผลบนบริเวณที่เกิดไส้เลื่อน จากนั้นทำการดันอวัยวะให้กลับเข้าที่ก่อนจะเย็บปิดผนังช่องท้อง หรือเสริมความแข็งแรงด้วยตาข่ายสังเคราะห์สำหรับรักษาไส้เลื่อน เพื่อป้องกันการเกิดไส้เลื่อนซ้ำ


2. การผ่าตัดไส้เลื่อนแบบผ่านกล้องแผลเล็ก (Minimally Invasive Surgery)


การผ่าตัดไส้เลื่อนแบบผ่านกล้องแผลเล็กเป็นวิธีผ่าตัดไส้เลื่อนโดยการเจาะรูเล็ก ๆ ที่ช่องท้องเพื่อสอดกล้องและอุปกรณ์ผ่าตัดเข้าไป จากนั้นทำการซ่อมแซมผนังช่องท้องที่ทำให้เกิดไส้เลื่อน และเสริมความแข็งแรงด้วยตาข่ายสังเคราะห์สำหรับรักษาไส้เลื่อน วิธีผ่าตัดส่องกล้องเป็นวิธีที่สามารถลดการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อรอบข้าง ให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้เร็วกว่าการผ่าตัดเปิดหน้าท้อง


วิธีการเตรียมตัวก่อนผ่าตัดไส้เลื่อน


  • ตรวจความพร้อมของร่างกายโดยแพทย์ ผู้ป่วยแจ้งประวัติสุขภาพและการรักษากับแพทย์ให้ครบถ้วน
  • งดการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่อย่างน้อย 2-4 สัปดาห์ก่อนเข้ารับการผ่าตัด
  • งดน้ำและอาหาร 6-8 ชั่วโมงก่อนผ่าตัด
  • พักผ่อนให้เพียงพอ และทำจิตใจให้ผ่อนคลาย
  • ควรมีญาติหรือคนใกล้ชิดมาดูแลในช่วงพักฟื้นด้วย

วิธีการดูแลตัวเองหลังผ่าตัดไส้เลื่อน


  • ระวังไม่ให้แผลโดนน้ำจนกว่าแพทย์จะอนุญาต
  • ให้รับประทานยาฆ่าเชื้อให้ครบตามแพทย์สั่ง หากมีอาการปวดให้รับประทานยาแก้ปวดที่แพทย์จ่ายให้เพื่อบรรเทาอาการได้
  • ระมัดระวังการไอหรือจาม เนื่องจากอาจทำให้แผลฉีกได้
  • งดออกกำลังกายที่กระทบต่อกล้ามเนื้อหน้าท้อง และไม่ยกของหนักในช่วง 1-3 เดือนแรกหลังรับการผ่าตัด
  • หากมีอาการปวดแผลรุนแรง แผลฉีก มีเลือดหรือน้ำเหลืองซึม ให้รีบกลับมาพบแพทย์โดยเร็ว

แนวทางการป้องกันไส้เลื่อนด้วยตัวเอง


ไส้เลื่อนอาจสร้างความรำคาญใจและอาจเป็นอันตรายได้หากเกิดอาการแทรกซ้อน ดังนั้นเพื่อป้องกันการเกิดไส้เลื่อน ผู้ป่วยสามารถดูแลตนเองตามวิธีปฏิบัติตนดังนี้


  • หลีกเลี่ยงการยกของหนัก หรือการเบ่งอุจจาระและปัสสาวะบ่อย ๆ ที่ทำให้เกิดแรงดันในช่องท้องสูง
  • ลดอาการไอด้วยการดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ไม่ติดหวัด และไม่สูบบุหรี่ เนื่องจากการไอทำให้แรงดันในช่องท้องสูง
  • รับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์ ป้องกันการเกิดอาการท้องผูกจนต้องเบ่งอุจจาระ
  • ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์

ตรวจพบไส้เลื่อน อย่าปล่อยไว้ แก้ไขได้ด้วยการผ่าตัด เพื่อการใช้ชีวิตที่มั่นใจอีกครั้ง


ไส้เลื่อนเป็นภาวะที่อาจสร้างความกังวลใจให้กับหลายคน แต่ที่สำคัญคือการเกิดไส้เลื่อนยังเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงถึงชีวิตได้อีกด้วย ดังนั้นหากพบปัญหาหรือสังเกตเห็นก้อนนูนผิดปกติ ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสมโดยเร็ว


ศูนย์ผ่าตัดส่องกล้องแผลเล็ก (MIS) โรงพยาบาลพระรามเก้า ให้บริการผ่าตัดส่องกล้องแผลเล็กด้วยเครื่องมือและเทคโนโลยีการแพทย์ที่ได้มาตรฐาน โดยแพทย์เฉพาะทางที่มีประสบการณ์ผ่าตัดส่องกล้อง การผ่าตัดส่องกล้องช่วยเพิ่มความแม่นยำในการผ่าตัด ลดการบาดเจ็บเนื้อเยื่อได้มากกว่า และยังช่วยลดระยะการพักฟื้น แผลหายเร็ว เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติอีกครั้งในเร็ววัน


สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม



คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับโรคไส้เลื่อน


1. โรคไส้เลื่อน อันตรายหรือไม่?


ไส้เลื่อนอาจเป็นอันตรายได้ เมื่อไส้เลื่อนไม่สามารถดันกลับเข้าไปในช่องท้องตามปกติ (Incarcerated Hernia) ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ เช่น ลำไส้อุดตัน ลำไส้ขาดเลือด ซึ่งเป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องได้รับการรักษาทันที


2. ใครบ้างที่จัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงไส้เลื่อนลงถุงอัณฑะ?


ผู้ชายอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป และผู้ที่เป็นโรคต่อมลูกหมากโต รวมถึงผู้ที่มีอาการท้องผูกเป็นประจำ


References


Hernia. (2023, February 7). Cleveland Clinic. https://my.clevelandclinic.org/health/diseases/15757-hernia


Hernia. (2022, October 18). NHS. https://www.nhs.uk/conditions/hernia/


Hernia. (n.d.) Healthdirect. https://www.healthdirect.gov.au/hernias

บทความที่เกี่ยวข้อง (10)

ดูทั้งหมด

Copyright © 2024 All Rights Reserved | Praram 9 Hospital