บทความสุขภาพ

Knowledge

อย่าตกใจ หน้าเบี้ยวครึ่งซีก อาการทางประสาทที่รักษาหายได้

พญ. ณิชนันทน์ เอกพิทักษ์ดำรง

หากไม่เคยทราบข้อมูลเกี่ยวกับโรคใบหน้าเบี้ยวครึ่งซีกมาก่อน และพบว่าตนเองมีอาการหน้าเบี้ยวขึ้นมาทันทีทันใดก็คงจะตกใจไม่น้อย แต่แท้จริงแล้วสำหรับโรคใบหน้าเบี้ยวครึ่งซีก (Bell’s Palsy) ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด หากพบแพทย์ได้ทันเวลา และรับการรักษาที่เหมาะสมทันทีก็สามารถหายจากอาการนี้ได้ ซึ่งในบทความนี้จะพาไปทำความรู้จักทุกข้อควรรู้เกี่ยวกับโรคใบหน้าเบี้ยวครึ่งซีก พร้อมตอบคำถามที่หลายคนอาจสงสัย


Key Takeaways


  • โรคใบหน้าเบี้ยวครึ่งซีก (Bell’s Palsy) เกิดจากการอักเสบของเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 ทำให้กล้ามเนื้อใบหน้าซีกหนึ่งอ่อนแรง หรืออัมพาตชั่วคราว แต่ส่วนใหญ่สามารถหายได้ หากรักษาอย่างทันท่วงที
  • อาการสำคัญของใบหน้าเบี้ยวครึ่งซีก ได้แก่ หลับตาไม่สนิท ปากเบี้ยว พูดไม่ชัด น้ำลายไหล ลิ้นชา หรือหูอื้อ อาการมักรุนแรงสุดในช่วง 1-3 วันแรก และจะค่อย ๆ ดีขึ้นจนหายสนิทภายใน 3-6 เดือน
  • สาเหตุและกลุ่มเสี่ยงของโรคใบหน้าเบี้ยวครึ่งซีกส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส เช่น เริม งูสวัด โควิด-19 ปัจจัยเสี่ยงได้แก่ โรคประจำตัว (เบาหวาน, ภูมิคุ้มกันบกพร่อง), ความเครียดสูง, พักผ่อนไม่พอ หญิงตั้งครรภ์ เป็นต้น
  • การรักษาโรคใบหน้าเบี้ยวครึ่งซีกทำได้ด้วยการใช้ยา เช่น สเตียรอยด์ ยาต้านไวรัส(เมื่อมีข้อบ่งชี้) ยาป้ายตา ร่วมกับกายภาพบำบัดเพื่อฟื้นฟูกล้ามเนื้อใบหน้า
  • หากพบแพทย์เร็วจะช่วยเพิ่มโอกาสหายเป็นปกติ และลดความเสี่ยงภาวะแทรกซ้อนได้

หน้าเบี้ยวครึ่งซีก (Bell’s Palsy) คืออะไร?


โรคใบหน้าเบี้ยวครึ่งซีก (Bell’s Palsy) คือ ภาวะที่กล้ามเนื้อใบหน้าเกิดเป็นอัมพาตขึ้นมาชั่วคราว จากการอักเสบของเส้นประสาทสมองเส้นที่ 7 ที่มีบทบาทควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อใบหน้า ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง ผู้ป่วยไม่สามารถขยับเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้าซีกใดซีกหนึ่งได้ตามปกติ


อาการใดที่บ่งชี้โรคหน้าเบี้ยวครึ่งซีก?


หน้าชาครึ่งซีก

โรคใบหน้าเบี้ยวครึ่งซีกสามารถเกิดขึ้นแบบทันทีทันใด โดยผู้ป่วยบางรายอาจพบอาการปวดหลังหู ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนก่อนแสดงอาการของโรค ดังนี้


  • หนังตาตก เปลือกตาปิดไม่สนิท ทำให้ตาแห้ง หรือตาอักเสบระคายเคือง
  • ยักคิ้วไม่ได้
  • ปากเบี้ยว มุมปากตก พูดไม่ชัด
  • น้ำไหลออกจากมุมปากข้างที่เกิดอาการหน้าเบี้ยวครึ่งซีก
  • อาจมีอาการลิ้นชา หรือสูญเสียการรับรสของลิ้นข้างที่เกิดอาการหน้าเบี้ยวครึ่งซีก
  • ได้ยินเสียงก้อง หูอื้อข้างที่เกิดอาการหน้าเบี้ยวครึ่งซีก
  • อาจรู้สึกหน้าบวม หรือชา
  • บางรายอาจมีผื่นหรือตุ่มน้ำใสบริเวณใบหู

อาการของโรคใบหน้าเบี้ยวครึ่งซีกอาจเกิดขึ้นรุนแรงที่สุดในช่วง 1-3 วันแรก และอาการจะค่อย ๆ ดีขึ้นจนหายดีภายใน 3-6 เดือน มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่จะมีอาการถาวร และมีโอกาสเกิดโรคซ้ำน้อยมาก


สาเหตุใดบ้างที่อาจกระตุ้นให้เกิดโรคหน้าเบี้ยวครึ่งซีก?


โรคหน้าเบี้ยวครึ่งซีกเกิดจากเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 เกิดการอักเสบ ซึ่งความเสียหายที่เกิดขึ้นสามารถเกิดจากสาเหตุดังต่อไปนี้


  • การติดเชื้อ เป็นสาเหตุส่วนใหญ่ที่พบได้บ่อยในผู้ป่วยโรคหน้าเบี้ยวครึ่งซีก เชื้อที่เป็นสาเหตุที่พบบ่อย ได้แก่ เริม (Herpes Simplex Virus : HSV), งูสวัด (Herpes Zoster Virus), โควิด 19 (Coronavirus) เป็นต้น
  • การบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ
  • ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ

ใครบ้าง จัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงหน้าเบี้ยวครึ่งซีก?


กลุ่มเสี่ยงหน้าเบี้ยวครึ่งซีก

โรคหน้าเบี้ยวครึ่งซีกมีโอกาสเกิดขึ้นได้กับทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย แต่ผู้ที่มีภาวะบางอย่างหรือพฤติกรรมเสี่ยงดังต่อไปนี้ มีโอกาสเกิดโรคหน้าเบี้ยวครึ่งซีกสูงกว่าบุคคลทั่วไป


  • ผู้ที่มีโรคประจำตัว โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกัน เช่น โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง โรคภูมิแพ้ตนเอง โรคเบาหวาน
  • ผู้ที่เคยประสบอุบัติเหตุ หรือสมองได้รับการกระทบกระเทือน
  • หญิงตั้งครรภ์ โดยเฉพาะช่วงไตรมาสสุดท้ายก่อนคลอดและหลังคลอด จะมีโอกาสเกิดอาการหน้าเบี้ยวสูงกว่าบุคคลทั่วไปถึง 3 เท่า
  • ผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น มีความเครียดสูง พักผ่อนไม่เพียงพอ

การวินิจฉัยโรคหน้าเบี้ยวครึ่งซีก ทำได้อย่างไร?


เมื่อผู้ป่วยเข้าพบแพทย์ด้วยอาการหน้าเบี้ยว หนังตาตก มุมปากตก จะมีวิธีคัดกรองและวินิจฉัยโรคหน้าเบี้ยวครึ่งซีกดังต่อไปนี้


  • ซักประวัติและตรวจร่างกายโดยแพทย์

แพทย์อาจมีการซักถามข้อมูลเบื้องต้น เช่น เริ่มมีอาการเมื่อไหร่ มีกิจวัตรประจำวันอย่างไร ก่อนหน้านี้ป่วยหรือไม่ และอาจให้ผู้ป่วยลองขยับกล้ามเนื้อใบหน้า เพื่อดูว่าเกิดความผิดปกติในลักษณะใดบ้าง ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้แพทย์วินิจฉัยโรคหน้าเบี้ยวครึ่งซีกได้ค่อนข้างแม่นยำ


  • การตรวจพิเศษ

ในบางครั้ง แพทย์อาจพิจารณาให้ผู้ป่วยเข้ารับการตรวจอื่นเพิ่มเติมเพื่อยืนยันผลวินิจฉัย เช่น การตรวจเลือด, การตรวจน้ำไขสันหลัง, การตรวจคลื่นไฟฟ้ากล้ามเนื้อ (EMG), การเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan) หรือการตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) เป็นต้น


โรคหน้าเบี้ยวครึ่งซีกมีวิธีรักษาอย่างไรบ้าง?


การรักษาอาการหน้าเบี้ยวครึ่งซีก สามารถทำได้โดยการลดอาการของโรค และการฟื้นฟูร่างกาย ดังนี้


การใช้ยา


เป็นวิธีรักษาเบื้องต้นเมื่อได้รับการวินิจฉัยโรคหน้าเบี้ยวครึ่งซีก ซึ่งกลุ่มยาที่แพทย์จ่ายให้ ได้แก่


  • ยากลุ่มสเตียรอยด์ เพื่อลดการอักเสบของเส้นประสาท และช่วยให้เส้นประสาทกลับมาทำงานตามปกติได้เร็วขึ้น
  • ยาป้ายตา หรือยาหยอดตา เพื่อรักษาความชุ่มชื้นแก่ดวงตา ลดการระคายเคือง และป้องกันเยื่อบุตาอักเสบ
  • การใช้ยาต้านไวรัส แพทย์จะพิจารณาให้ในกรณีที่ผู้ป่วยหน้าเบี้ยวจากการติดเชื้อไวรัสเริม หรืองูสวัด

การทำกายภาพ


เป็นวิธีการฟื้นฟูกล้ามเนื้อใบหน้าไม่ให้เกิดการฝ่อตัวหรือลีบลง ซึ่งสามารถทำได้ทั้งการบริหารกล้ามเนื้อใบหน้า การนวดใบหน้า และการประคบร้อน ช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อใบหน้า และช่วยลดอาการตึงบนใบหน้า แต่สำหรับผู้ป่วยบางรายที่มีอาการรุนแรง แพทย์อาจให้ทำกายภาพด้วยการกระตุ้นไฟฟ้าด้วย


ใบหน้าเบี้ยวครึ่งซีก ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด หากรักษาได้ทันเวลา


แม้ว่าโรคใบหน้าเบี้ยวครึ่งซีกจะแสดงอาการที่ชวนตกใจ แต่แท้จริงแล้วไม่ได้อันตรายอย่างที่คิด หากได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อย่างไรก็ตาม อาการหน้าเบี้ยวอาจไม่ได้เกิดจากโรคใบหน้าเบี้ยวครึ่งซีกเพียงอย่างเดียว การเข้าพบแพทย์เพื่อรับการตรวจอย่างละเอียดจึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อคัดกรองโรคที่อาจเป็นอันตรายอื่น ๆ และช่วยให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาที่ถูกต้องเหมาะสมตั้งแต่ต้น


ศูนย์สมองและระบบประสาท โรงพยาบาลพระรามเก้า ใส่ใจทุกรายละเอียดในการตรวจวินิจฉัย ไม่มองข้ามแม้รายละเอียดเล็กน้อย เพื่อการวินิจฉัยที่แม่นยำและการรักษาที่ตรงจุด ให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้ไว พร้อมกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจอีกครั้ง


สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม



คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับอาการหน้าเบี้ยวครึ่งซีก


1. ใบหน้าเบี้ยวครึ่งซีกใช่อัมพฤกษ์หรือไม่?


โรคใบหน้าเบี้ยวครึ่งซีก (Bell's Palsy) กับ อัมพฤกษ์อัมพาตไม่ใช่โรคเดียวกัน เนื่องจากโรคใบหน้าเบี้ยวครึ่งซีกมีสาเหตุจากการอักเสบของเส้นประสาทสมอง แต่อัมพฤกษ์อัมพาตเป็นภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจาก/โรคหลอดเลือดสมอง/ที่ทำให้สมองขาดเลือด ซึ่งอาการของอัมพฤกษ์อัมพาตจะแตกต่างกัน เช่น กล้ามเนื้ออ่อนแรงที่ตำแหน่งอื่นนอกจากใบหน้าอย่างแขนขาอ่อนแรง และอาการที่แตกต่างเด่นชัดคือ ผู้ป่วยจะสามารถหลับตาสนิทและยักคิ้วได้ ในขณะที่ผู้ป่วยโรคใบหน้าเบี้ยวครึ่งซีกจะไม่สามารถทำได้


2. รู้ได้อย่างไรว่ามีอาการหน้าเบี้ยว?


ผู้ป่วยสามารถทดสอบเพื่อสังเกตอาการหน้าเบี้ยวได้โดย


  • ทดลองยักคิ้วขึ้นทั้งสองข้าง
  • หลับตาทั้งสองข้าง
  • ฉีกยิ้มกว้าง ๆ

หากมีอาการหน้าเบี้ยว ผู้ป่วยจะไม่สามารถยักคิ้วให้สูงเท่ากันได้ ไม่สามารถหลับตาข้างหนึ่งให้สนิทได้ และจะไม่สามารถยิ้มให้เท่ากันทั้งสองข้างได้


References


Bell’s Palsy. (2023, August 14). Cleveland Clinic. https://my.clevelandclinic.org/health/diseases/5457-bells-palsy


WebMD Editorial Contributor & Walker-Journey, J. (2023, November 14). Bell’s Palsy. WebMD. https://www.webmd.com/brain/understanding-bells-palsy-basics


Hohman MH, Warner MJ, Varacallo MA. Bell Palsy. [Updated 2024 Oct 6]. In: StatPearls [Internet]. Treasure Island (FL): StatPearls Publishing; 2025 Jan-. Available from: https://www.ncbi.nlm.nih.gov/books/NBK482290/


บทความที่เกี่ยวข้อง (10)

ดูทั้งหมด

Copyright © 2024 All Rights Reserved | Praram 9 Hospital