บทความสุขภาพ

Knowledge

ผ่าตัดส่องกล้องทางนรีเวช ทางเลือกดี ๆ ของคุณผู้หญิง

เมื่อพูดถึงการผ่าตัดของผู้หญิง นอกจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลลัพธ์ของการผ่าตัดแล้ว ความเจ็บปวดจากการผ่าตัดและรอยแผลหลังผ่าตัด คืออีกปัญหาหนึ่ง ซึ่งผู้หญิงทุกคนให้ความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ปัจจุบันความก้าวหน้าทางการแพทย์ได้เพิ่มทางเลือกในการรักษาให้คุณผู้หญิง โดยสามารถให้ผลลัพธ์ที่ดีและทิ้งเพียงรอยแผลเล็ก ๆ ไว้ อาการเจ็บปวดจากแผลผ่าตัดน้อย ฟื้นตัวได้เร็ว ไม่พบภาวะแทรกซ้อนรุนแรง นั่นคือ การผ่าตัดส่องกล้องทางนรีเวช (glynecologic laparoscopy surgery)


อาการเตือนโรคทางนรีเวช


  • มีเลือดออกผิดปกติ หรือตกขาวผิดปกติทางช่องคลอด โดยเฉพาะวัยหมดประจำเดือน
  • มีประจำเดือนออกมาก เป็นระยะเวลานาน ปวดเบ่งเวลามีประจำเดือน
  • คลำพบว่ามีก้อนนูน หรือมองเห็นก้อนบริเวณหน้าท้อง รู้สึกเจ็บ หรือปวดท้องน้อยเรื้อรัง
  • อาหารไม่ย่อย ท้องอืดเรื้อรังโดยไม่ทราบสาเหตุ
  • ปวดบริเวณอุ้งเชิงกราน ปวดร้าวไปหลัง เอว ก้นกบ ปวดลงขา
  • ปัสสาวะขัดหรือลำไส้แปรปรวน ถ่ายอุจจาระลำบาก

การผ่าตัดทางนรีเวช


การผ่าตัดและหัตถการทางนรีเวชในปัจจุบันมีเทคนิคการผ่าตัดหลาย ๆ วิธี ซึ่งเทคนิคใหม่ ๆ ช่วยทำให้แผลมีขนาดเล็กลง ผู้ป่วยใช้เวลาพักฟื้นน้อยลง หายเร็วขึ้น และยังช่วยลดเรื่องรอยแผลเป็นตัวช่วยเรื่องความสวยงามได้อีกด้วย การผ่าตัดและหัตถการทางนรีเวชมีหลายประเภท เช่น


  1. การผ่าตัดเปิด เป็นการผ่าตัดรักษาแบบเดิม ซึ่งสามารถรักษาโรคทางนรีเวชได้หลายโรค แต่มีข้อเสียคือ ต้องเปิดแผลขนาดใหญ่ ผู้ป่วยต้องพักฟื้นหลังการผ่าตัดรักษานาน
  2. การผ่าตัดด้วยความเย็นที่ปากมดลูก (cervical cryosurgery) มักเป็นการผ่าตัดรักษาด้วยความเย็นที่แพทย์แนะนำระหว่างการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก (Pap smear)
  3. โคลโปสโคป (colposcopy) เป็นการส่องกล้องทางนรีเวชอย่างหนึ่งใช้ในการวินิจฉัยโดยไม่ต้องผ่าตัด เพื่อยืนยันผลการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก (Pap smear) ที่ผิดปกติ
  4. การขยายและการขูดมดลูก (dilation & curettage; D&C) เป็นหัตถการที่พบได้บ่อย สามารถใช้ในการวินิจฉัยมะเร็งมดลูก ติ่งเนื้อมดลูก เยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัวผิดปกติ นอกจากนี้ยังใช้สำหรับการยุติการตั้งครรภ์และภาวะรกค้าง
  5. การผ่าตัดส่องกล้องโพรงมดลูก (hysteroscopy) ใช้ในการวินิจฉัยเกี่ยวกับความผิดปกติของมดลูก เช่น การตัดชิ้นเนื้อมดลูก ระบุสาเหตุของภาวะแท้งซ้ำ เป็นต้น
  6. การผ่าตัดด้วยหุ่นยนต์ (robotic surgery) ใช้หุ่นยนต์ในการช่วยผ่าตัด เป็นเทคนิคการรักษาที่มีความแม่นยำและลดการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อ
  7. การผ่าตัดช่องคลอด (vaginal surgery) เป็นการผ่าตัดผ่านช่องคลอด ฟื้นตัวได้เร็ว ไม่เกิดเเผลในช่องท้อง
  8. การผ่าตัดผ่านกล้องในอุ้งเชิงกราน (pelvic laparoscopy) เป็นการผ่าตัดส่องกล้องผ่านหน้าท้อง สามารถรักษาโรคทางนรีเวชได้หลายชนิด เช่น รักษาเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่และเนื้องอกในมดลูก รักษาไส้เลื่อน และโรคอื่น ๆ

การผ่าตัดส่องกล้องทางนรีเวช คืออะไร?


การผ่าตัดส่องกล้องทางนรีเวช หรือการผ่าตัดผ่านกล้องทางนรีเวช (gynecological laparoscopic) เป็นการผ่าตัดโดยใช้อุปกรณ์พิเศษร่วมกับกล้องมองขยายผ่านจอรับภาพ โดยแพทย์จะเจาะรูเล็ก ๆ ผ่านผนังหน้าท้องขนาด 0.5-1.0 เซนติเมตร จำนวน 3-4 รู โดยไม่ต้องเปิดผนังหน้าท้องเป็นแผลกว้าง แล้วใส่อุปกรณ์พิเศษที่มีกล้องกำลังขยายสูงผ่านรูที่เจาะ


โดยแพทย์จะสามารถมองเห็นภาพอวัยวะภายในช่องท้องผ่านจอภาพได้ชัดเจนจนเรียกได้ว่าเทียบเท่าหรือดีกว่าการผ่าตัดเปิดแบบเดิม จากนั้นแพทย์จึงสอดเครื่องมือขนาดเล็ก 0.5 มิลลิเมตรเข้าไปทำการผ่าตัดรักษาพยาธิสภาพ และยังสามารถนำชิ้นเนื้อส่งตรวจเพื่อวินิจฉัยชนิดของเนื้อเยื่อ หรือสาเหตุของโรค ได้อีกด้วย


ข้อดีของการผ่าตัดส่องกล้องทางนรีเวช


  • แผลผ่าตัดมีขนาดเล็ก แตกต่างจากการผ่าตัดเปิดด้วยวิธีเดิม
  • เจ็บปวดน้อยเนื่องจากแผลมีขนาดเล็ก ไม่ต้องใช้ยาบรรเทาอาการปวดชนิดแรง
  • ฟื้นตัวเร็ว สามารถลุกเดินได้ภายใน 1 วัน และออกจากโรงพยาบาลกลับไปพักฟื้นที่บ้านได้เร็วขึ้น ซึ่งหากเป็นแผลผ่าตัดเปิดทางหน้าท้องจะต้องนอนพักที่โรงพยาบาล 1- 2 วันหลังผ่าตัด
  • ไม่ต้องหยุดงานเป็นเวลานาน พักฟื้นที่บ้านเพียง 1-2 สัปดาห์ ก็สามารถกลับไปทำงานได้ตามปกติ
  • เกิดพังผืดภายหลังการผ่าตัดและภาวะแทรกซ้อนน้อยกว่าวิธีเดิม

ข้อจำกัดของการผ่าตัดส่องกล้องทางนรีเวช


  • แพทย์ผู้ทำการผ่าตัดส่องกล้องต้องได้รับการอบรมและมีประสบการณ์เชี่ยวชาญเฉพาะทางในด้านการส่องกล่อง ซึ่งปัจจุบันยังไม่สามารถทำได้ในทุกโรงพยาบาล
  • ไม่สามารถใช้การผ่าตัดส่องกล้องกับผู้ป่วยทางนรีเวชทุกราย เช่น ผู้ป่วยที่มีเนื้องอกขนาดใหญ่มากกว่า 15 เซนติเมตรขึ้นไป โรคมะเร็งทางนรีเวช หรือมีปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ได้แก่ ภาวะอ้วน ข้อจำกัดด้านอายุ และโรคประจำตัวบางอย่าง การตั้งครรภ์ มีสัญญาณชีพที่ผิดปกติและไม่คงที่ ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์ และแจ้งให้แพทย์ทราบว่าผู้ป่วยมีโรคประจำตัวอะไรบ้าง เพื่อเป็นข้อมูลให้แพทย์พิจารณาการผ่าตัดที่เหมาะกับผู้ป่วยแต่ละราย
  • มีพังผืดในช่องท้องหรืออุ้งเชิงกรานมากเกินไป เช่น ผู้ป่วยที่เคยมีการติดเชื้อในช่องท้องหรืออุ้งเชิงกราน ผู้ป่วยที่เคยเข้ารับการผ่าตัดช่องท้องมาแล้วหลายครั้ง เป็นต้น
  • ในผู้ป่วยบางโรคต้องใช้เวลาในการผ่าตัดนานกว่าการผ่าตัดเเบบเปิดหน้าท้อง และมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่า

โรคที่รักษาได้ด้วยการผ่าตัดส่องกล้อง


  • ภาวะเยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ (endometriosis) เนื้องอกมดลูก (myoma)
  • เนื้องอกรังไข่หรือถุงน้ำรังไข่ (ovarian cyst)
  • พังผืดในอุ้งเชิงกราน (lysis of adhesion) ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อ เช่น ไส้ติ่งแตก อุ้งเชิงกรานอักเสบ โพรงมดลูกเจริญผิดที่
  • ภาวะการตั้งครรภ์นอกมดลูก (ectopic pregnancy)
  • การทำหมันด้วยการผ่าตัดส่องกล้อง (tubal sterilization)

การเตรียมตัวก่อนผ่าตัดส่องกล้อง


  • การเตรียมพร้อมทางด้านจิตใจ ผู้ป่วยควรศึกษาข้อมูลการผ่าตัดแบบส่องกล้องก่อนเข้ารับการผ่าตัด หากมีข้อสงสัยให้สอบถามแพทย์ผู้รักษาเพื่อลดความวิตกกังวล นำไปสู่การวางแผนดูแลและเตรียมความพร้อมก่อนเข้ารับการผ่าตัด
  • การเตรียมพร้อมทางด้านร่างกาย
    • ผู้ป่วยจะได้รับการประเมินสภาวะทางร่างกายจากแพทย์ ทีมแพทย์ผู้ดูแลและวิสัญญีแพทย์ ก่อนนัดทำการผ่าตัด เพื่อประเมินปัญหาสุขภาพและค้นหาความผิดปกติที่เป็นข้อห้ามในการผ่าตัดส่องกล้อง หากพบว่าผู้ป่วยมีปัญหาที่จะส่งผลกระทบต่อการผ่าตัด แพทย์อาจจะเลื่อนการผ่าตัดออกไปก่อน
    • หากมีแพ้ยา หรืออาหาร และมีโรคประจำตัวที่มียาต้องรับประทานประจำ เช่น ยาเบาหวาน ยาละลายลิ่มเลือด ต้องแพทย์ให้ทราบก่อนวันผ่าตัด และนำยาดังกล่าวมาให้แพทย์ดูด้วย ยาบางชนิดอาจต้องหยุดก่อนผ่าตัดส่องกล้อง
    • งดดื่มสุรา งดสูบุหรี่ ก่อนผ่าตัด
    • นอนหลับ พักผ่อนให้เพียงพอก่อนผ่าตัด
    • งดอาหาร เครื่องดื่มทุกชนิดหลังเที่ยงคืน
    • ฝึกเทคนิคการหายใจ และฝึกไอ อย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยให้ลดอาการคั่งค้างจากยาสลบและฟื้นตัวเร็วขึ้น
    • ทำความสะอาดร่างกาย เช่น ล้างเล็บสีด้วยน้ำยาล้างเล็บ เตรียมลำไส้ให้สะอาด ตามมาตรฐานการส่องกล้องผ่าตัด

การปฏิบัติตัวหลังผ่าตัด


ปกติแล้วผู้ป่วยสามารถกลับบ้านได้หลังผ่าตัดส่องกล้อง 1 วัน โดยแพทย์ผู้รักษาจะประเมินอาการผิดปกติ ภาวะแทรกซ้อน การฟื้นตัวจากยาสลบ เพื่อให้มั่นใจว่าปลอดภัยสามารถกลับไปพักรักษาตัวที่บ้านต่อได้ เมื่อกลับบ้าน มีข้อควรปฏิบัติดังนี้


  • งดดื่มแอลกอฮอล์ หรือขับรถ อย่างน้อย 24 ชั่วโมงหลังผ่าตัด
  • สามารถอาบน้ำได้หลังการผ่าตัด (แพทย์จะปิดพลาสเตอร์กันน้ำที่แผล ขณะอาบน้ำห้ามถูแรง ๆ บริเวณแผล เพราะพลาสเตอร์อาจหลุด หากน้ำเข้าแผลอาจนำไปสู่การติดเชื้อที่แผลได้)
  • ระหว่างพักฟื้นร่างกาย สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ 1 สัปดาห์หลังผ่าตัด ควรป้องกันการตั้งครรภ์โดยใช้ยาคุมกำเนิดและปรึกษาแพทย์
  • ควรรีบมาพบแพทย์ก่อนวันนัดหากพบความผิดปกติ เช่น คลื่นไส้อาเจียนต่อเนื่องนานกว่า 24 ชั่วโมง มีไข้มากกว่า 38 องศาเซลเซียส บริเวณแผลอักเสบ บวม แดง หรือมีเลือดออก หายใจลำบาก รวมถึงหลังผ่าตัดวันแรกมีประจำเดือนมามากกว่าปกติ มีลิ่มเลือดออกมาก ต้องเปลี่ยนผ้าอนามัยทุก 2 ชั่วโมง เป็นต้น

การผ่าตัดส่องกล้องทางนรีเวช พักฟื้นกี่วัน?


หลังผ่าตัดส่องกล้อง จะมีการติดตามสัญญาณชีพอย่างใกล้ชิด เมื่อรู้สึกตัวดีแล้วและผู้ป่วยสามารถปัสสาวะได้เอง หากไม่มีภาวะแทรกซ้อนก็สามารถกลับบ้านได้ในวันถัดไป และสามารถกลับไปทำงานได้ภายใน 72 ชั่วโมง


ทั้งนี้การฟื้นตัวของผู้ป่วยแต่ละรายอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับความซับซ้อนและระยะเวลาในการผ่าตัดส่องกล้อง ทั่วไปอาการต่าง ๆ จะดีขึ้นประมาณ 3-7 วัน หลังผ่าตัด ซึ่งภาวะแทรกซ้อนรุนแรงพบได้น้อยมาก อาจมีอาการแน่นท้อง ปวดร้าวหัวไหล่ เนื่องจากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ใส่เข้าช่องท้องขณะผ่าตัดจะดันกระบังลมและช่องท้อง ซึ่งอาการดังกล่าวอาจใช้เวลาเป็นชั่วโมงหรือเป็นวันในการฟื้นตัว บางรายมีอาการคลื่นไส้ ไม่สุขสบายตัวได้


สรุป


ปัจจุบันการผ่าตัดส่องกล้องหรือการผ่าตัดผ่านกล้อง จัดเป็นการแพทย์ทางเลือกที่ดีวิธีหนึ่ง ที่ใช้รักษาโรคทางนรีเวชอย่างกว้างขวาง มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านอุปกรณ์ ความรู้ ความชำนาญเฉพาะทางของแพทย์และทีมดูแลผู้ป่วย จากที่ในอดีตมีเพียงการผ่าตัดเปิดหน้าท้องเท่านั้น โดยการผ่าตัดส่องกล้องมีความปลอดภัยสูง ผู้ป่วยสามารถกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้รวดเร็ว ใช้เวลาสั้น ๆ ในการพักฟื้น และภาวะแทรกซ้อนรุนแรงน้อย ให้ผลลัพธ์ที่ดีต่อผู้ป่วย การผ่าตัดส่องกล้องทางนรีเวช จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจอย่างหนึ่งของผู้ป่วย รพ.พระราม 9 พร้อมดูแลคนที่คุณรัก ด้วยความเชี่ยวชาญของแพทย์เฉพาะทาง ทีมแพทย์ และบุคลากรที่มีมาตรฐานวิชาชีพ และเครื่องมือทางการแพทย์ที่มีมาตรฐานสากล

เกี่ยวกับผู้เขียนบทความ

บทความที่เกี่ยวข้อง (10)

ดูทั้งหมด

รู้ทันอาการริดสีดวงทวาร กับพฤติกรรมเสี่ยงที่ต้องระมัดระวัง

ริดสีดวงทวาร มีสาเหตุมาจากการเพิ่มแรงดันในช่องทวารหนัก ทำให้เนื้อเยื่อหลอดเลือดในช่องทวารหนัก (Anal cushion) เกิดการขยายตัวเป็นหัวริดสีดวง

ปัสสาวะบ่อย ไม่ใช่เรื่องเล็ก เสี่ยงโรคอันตรายบั่นทอนคุณภาพชีวิต

ปัสสาวะบ่อยเกิดได้จากหลายปัจจัย ตั้งแต่การดื่มน้ำหรือของเหลวในปริมาณมาก ได้รับคาเฟอีนมาก การใช้ยา ไปจนถึงโรคที่เกี่ยวข้องกับทางเดินปัสสาวะ เรียนรู้ในบทความนี้!

การผ่าตัดเปลี่ยนผิวข้อเข่าเทียมบางส่วน ทางเลือกรักษาข้อเข่าเสื่อม แผลเล็ก ฟื้นตัวเร็ว

การผ่าตัดเปลี่ยนผิวข้อเข่าเทียมบางส่วน หรือ UKA เป็นการผ่าตัดรักษาโรคข้อเข่าเสื่อม โดยเอาผิวข้อเฉพาะส่วนที่สึกหรอออก และเก็บผิวข้อเข่าส่วนที่ยังมีสภาพดีไว้ ทำให้ผู้ป่วยไม่ต้องใช้เวลาปรับตัวนาน ในการกลับไปใช้ข้อเข่าได้เหมือนธรรมชาติ

คุณเป็นโรคภูมิแพ้…จริงหรือ…?

คนทั่วไปเมื่อมีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหลเรื้อรัง หรือเป็นๆ หายๆ มักจะบอกว่า เป็นโรคภูมิแพ้ หรือไม่ก็เข้าใจว่าตนเป็นหวัด หวัด เกิดจากการติดเชื้อไวรัส คนทั่วไปมักเป็นได้ปีละ 4 – 5 ครั้งก็มากเกินปกติแล้ว อาการหวัดมักเป็นอยู่ 3 – 4 วัน

โรคไข้อีดำอีแดง โรคที่เกิดจากพิษของเชื้อแบคทีเรีย

ข้อมูลจาก สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย โรคไข้อีดำอีแดงหรือ scarlet fever เป็นโรคที่เกิดจากพิษของเชื้อแบคทีเรียชื่อ #สเตร็ปโตคอคคัสชนิดเอ ทำให้มีผื่นแดง ตามตัวร่วมกับคอหอยหรือทอนซิลอักเสบ พบบ่อยในช่วงอายุระหว่าง 5-15 ปี

วัคซีนปอดอักเสบนิวโมคอกคัสชนิดใหม่ 20 สายพันธุ์ (PCV 20)

โรคปอดอักเสบจากเชื้อนิวโมคอกคัสเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียสเตรปโตคอคคัสนิวโมเนียอี (Streptococcus pneumoniae) ส่วนใหญ่เชื้อจะพบอยู่ในโพรงจมูกและลำคอ สามารถแพร่กระจายผ่านการสัมผัสสารคัดหลั่งทางละอองฝอยทางการไอหรือจาม เป็นหนึ่งในเชื้อที่ทำให้เกิดปอดอักเสบที่พบบ่อย ทั้งในเด็ก ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ

โรคแอนแทรกซ์ (Anthrax) โรคติดต่อจากสัตว์สู่คน

โรคแอนแทรกซ์ หรือชาวบ้านเรียกว่าโรคกาลี เป็นโรคที่รู้จักกันมาแต่โบราณกาล แอนแทรกซ์นับว่าเป็นโรคระบาดสำคัญโรคหนึ่งในพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2499 เป็นโรคติดต่ออันตรายร้ายแรงที่เกิดขึ้นได้ในสัตว์กินหญ้าแทบทุกชนิด ทั้งสัตว์ป่า เช่น ช้าง เก้ง กวาง และสัตว์เลี้ยง เช่น โค กระบือ แพะ แกะ แล้วติดต่อไปยังคนและสัตว์อื่น

บอลลูนหัวใจ: แก้ปัญหาหลอดเลือดหัวใจตีบ โดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่

การทำบอลลูนหัวใจหรือ PCI เป็นการรักษาที่มีประสิทธิภาพในการรักษาภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบ ช่วยให้เลือดไหลเวียนได้สะดวก ลดอาการเจ็บหน้าอก และลดความเสี่ยงของหัวใจวาย เป็นการเปิดหลอดเลือดโดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ ทำให้ผู้ป่วยฟื้นตัวเร็วขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยยังคงต้องดูแลสุขภาพ หมั่นออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และลดปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ เพื่อรักษาสุขภาพของหัวใจในระยะยาว

ลิ้นหัวใจเทียมคืออะไร? ทำไมต้องเปลี่ยน? และอะไรบ้างที่คุณควรรู้?

การผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจเทียมเป็นหนึ่งในวิธีการรักษาสำหรับผู้ป่วยที่มีปัญหาลิ้นหัวใจผิดปกติ และการผ่าตัดเปลี่ยนลินหัวใจจะช่วยฟื้นฟูการทำงานของหัวใจให้กลับมาใกล้เคียงปกติ อย่างไรก็ตามผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาจะต้องได้รับการประเมินอย่างละเอียด เพื่อเลือกชนิดของลิ้นหัวใจที่เหมาะสม

หัวใจล้มเหลว อาการเป็นอย่างไร ป้องกันได้อย่างไรบ้าง

หัวใจล้มเหลวคือภาวะที่หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนและสารอาหารไม่เพียงพอ อาการสำคัญที่ควรสังเกต ได้แก่ เหนื่อยง่าย หายใจลำบาก ขาบวม และน้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่มักเกี่ยวข้องกับโรคหัวใจและหลอดเลือด การวินิจฉัยและรักษาอย่างรวดเร็วจะช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนรุนแรง

Copyright © 2024 All Rights Reserved | Praram 9 Hospital