บทความสุขภาพ

Knowledge

การตรวจหัวใจในผู้สูงอายุ มีขั้นตอนสำคัญอย่างไรบ้าง

นพ. วิโรจน์ โตควณิชย์

เมื่อคนอายุมากขึ้นโรคที่เกิดจากหัวใจและหลอดเลือดจะเพิ่มมากขึ้น


โดยสามารถจะแบ่งเป็นกลุ่มดังนี้


  1. เกิดจากโรคหลอดเลือดแดงแข็ง (Atherosclerosis) ซึ่งทำให้เส้นเลือดเลี้ยงหัวใจตีบตัน และกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด โรคเส้นเลือดแดงใหญ่เอออร์ตาโป่งพอง (Aortic Aneurysm)
  2. โรคความดันโลหิตสูง ในคนที่อายุเกิน 65 ปี อาจพบว่าความดันโลหิตสูงกว่า 140/90 มม.ปรอท ถึง 50%
  3. การทำงานของหัวใจล้มเหลว (Congestive heart farilure) ซึ่งมีสาเหตุหลายอย่าง ทำให้เกิดอาการเหนื่อยง่าย
  4. โรคของลิ้นหัวใจตีบหรือรั่ว โดยเฉพาะลิ้นหัวใจเอออร์ตา เนื่องจากมีการเสื่อมของลิ้นหัวใจและมีแคลเซียมมาจับ
  5. โรคหัวใจเนื่องจากการเต้นที่ผิดจังหวะ

คนไข้บางคนอาจไม่มีอาการผิดปกติใดๆ เลย เช่น โรคความดันโลหิตสูงมักจะไม่มีอาการผิดปกติเป็นส่วนใหญ่ นอกจากนี้ในคนไข้ที่กล้ามเนื้อหัวใจทำงานลดลงไม่มาก อาจไม่มีอาการเหนื่อยง่ายเนื่องจากคนสูงอายุไม่ได้ทำงานหนัก


การตรวจเช็กหัวใจจึงมีความจำเป็น และการตรวจพื้นฐานจะประกอบด้วย


  1. การตรวจร่างกายระบบหัวใจ และการวัดความดันโลหิต
  2. ตรวจเลือดดูภาวะไขมันในเลือดสูงและเบาหวาน
  3. การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (E.K.G.) และเอกซเรย์ปอดดูขนาดหัวใจ

ส่วนในคนที่สงสัยว่าจะมีโรคหัวใจจะสามารถตรวจพิเศษ ดังนี้


  1. การวิ่งทดสอบสมรรถภาพหัวใจ (Exercise Stress Test) เพื่อดูการทำงานของหัวใจ และดูว่ามีกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดหรือไม่เวลาออกกำลัง
  2. การตรวจคลื่นเสียงสะท้อนหัวใจ (Echocardiogram) จะสามารถดูขนาดของหัวใจ ความหนาของกล้ามเนื้อหัวใจ ลิ้นหัวใจทั้ง 4 ลิ้นว่ามีมีลิ้นตีบหรือรั่วหรือไม่ ดูการบีบตัวของหัวใจ
  3. การบันทึกการเต้นหัวใจ 24 ชั่วโมง (24 hours holter monitoring) ในกรณีที่สงสัยหัวใจเต้นผิดจังหวะหรือสงสัยว่าอาการเป็นลมหมดสติเกิดจากหัวใจเต้นช้ามาก นอกจากนี้ยังสามารถดูการขาดเลือดของกล้ามเนื้อหัวใจระหว่างที่ติดเครื่องไว้

การตรวจโดยวิธีพิเศษนี้ แต่ละวิธีจะมีข้อดีข้อต่างกัน ขึ้นอยู่กับชนิดของโรคหัวใจ


แพ็กเกจที่เกี่ยวข้อง (3)

ดูทั้งหมด

บทความที่เกี่ยวข้อง (10)

ดูทั้งหมด

Copyright © 2024 All Rights Reserved | Praram 9 Hospital