โรคหัวใจยังคงเป็นสาเหตุการเสียชีวิตสำคัญของคนไทย แต่ตอนนี้เรามีเทคโนโลยีที่ช่วยรักษาได้เร็วขึ้น ปลอดภัยขึ้น โดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ ซึ่งทั้งหมดนี้ทำได้ใน “ห้อง Cath Lab” หรือห้องสวนหัวใจและหลอดเลือดของโรงพยาบาลพระรามเก้า ซึ่งเป็นพื้นที่เฉพาะทางที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เพื่อค้นหาความผิดปกติของหลอดเลือดหัวใจอย่างละเอียด แล้ววิธีการตรวจและรักษาผ่านห้อง Cath Lab เป็นอย่างไรบ้าง? บทความนี้มีคำตอบครบถ้วน
Key Takeaways
- Cath lab คือ ห้องตรวจและรักษาโรคหัวใจด้วยเครื่องมือเอกซเรย์ และเทคโนโลยีดิจิทัลที่ทันสมัยในการตรวจวินิจฉัยและรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจ โดยไม่ต้องผ่าตัด
- ขั้นตอนการตรวจ Cath Lab ทำผ่านสายสวนหัวใจขนาดเล็ก โดยการฉีดสีทึบรังสีเข้าเส้นเลือดดูความผิดปกติของหลอดเลือดหัวใจ ใช้เวลาประมาณ 20 นาที
- ลดความเสี่ยงจากการผ่าตัดใหญ่ คนไข้ฟื้นตัวเร็ว เจ็บตัวน้อย สามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้ในระยะเวลาไม่นาน
- ช่วยให้แพทย์วินิจฉัยและรักษาโรคหัวใจได้แม่นยำ พร้อมรักษาด้วยการขยายหลอดเลือดหรือใส่ขดลวดหากพบความผิดปกติ
- การสวนหัวใจเป็นทางเลือกสำคัญสำหรับผู้ที่มีปัญหาโรคหลอดเลือดหัวใจ โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงการผ่าตัดเปิดหน้าอก
Cath Lab คืออะไร ใช้ทำอะไรบ้าง?

Cath lab (Cardiac Catheterization Laboratory) คือห้องตรวจและรักษาโรคหัวใจและหลอดเลือดด้วยเครื่องมือเอกซเรย์ และเทคโนโลยีดิจิทัลที่ทันสมัย โดยใช้เทคนิคการฉีดสีสวนหลอดเลือด (Cardiac Catheterization) เพื่อให้แพทย์สามารถมองเห็นหลอดเลือดหัวใจได้อย่างละเอียด และทำการรักษาผ่านสายสวนเล็ก ๆ ที่ข้อมือหรือขาหนีบ โดยไม่ต้องผ่าตัดเปิดหน้าอก
การตรวจสวนหลอดเลือดหัวใจใน Cath lab มักใช้เพื่อค้นหาสาเหตุของโรคหัวใจขาดเลือด หรือหลอดเลือดตีบ ซึ่งอาจทำให้สมองขาดเลือด รวมถึงเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนการรักษาด้วยวิธีอื่น เช่น การใส่บอลลูน การใส่ขดลวด หรือการเตรียมตัวสำหรับการผ่าตัดหัวใจ
เมื่อไหร่ที่ควรมาตรวจ Cath Lab อาการต้องเป็นอย่างไร
การตรวจใน Cath lab คือขั้นตอนสำคัญสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงโรคหัวใจหรือมีอาการผิดปกติเกี่ยวกับหัวใจ โดยเฉพาะในกรณีที่สงสัยว่าหลอดเลือดหัวใจอาจตีบหรือตัน ซึ่งส่งผลให้เลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจไม่เพียงพอ
ผู้ที่ควรเข้ารับการตรวจ Cath Lab มักจะมีอาการดังต่อไปนี้
- เจ็บแน่นหน้าอกหรือรู้สึกอึดอัดบริเวณหน้าอกติดต่อกันเกิน 5 นาที
- มีอาการเหนื่อยง่ายผิดปกติ แม้จะไม่ได้ออกแรงมาก
- ผู้ที่มีปัญหาหัวใจเต้นผิดจังหวะอย่างรุนแรง
- มีปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง หัวใจวายฉับพลัน หรือประวัติคนในครอบครัวเคยเป็นโรคหัวใจ
วิธีการดูแลตัวเองก่อน-หลังการตรวจ Cath Lab

การเข้ารับการตรวจ Cath lab คือกระบวนการที่ต้องนำอุปกรณ์เข้าสู่ร่างกายเพื่อช่วยในการวินิจฉัยและวางแผนการรักษาอย่างแม่นยำ การเตรียมตัวให้พร้อม และการดูแลหลังการตรวจที่ดีจะช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้อย่างราบรื่น
การดูแลตัวเองก่อนสวนหัวใจ
- งดน้ำและอาหาร ประมาณ 6 ชั่วโมงก่อนเข้ารับการตรวจ ลดโอกาสการอาเจียนระหว่างกระบวนการ
- ตรวจร่างกายเบื้องต้น เช่น ตรวจเลือด เอคโค่หัวใจ เอกซเรย์ปอด และตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ เพื่อประเมินความพร้อมของร่างกาย โดยอาจจะทำองึร่วมกับวิธีตรวจหัวใจอย่าง EST
- อาบน้ำชำระร่างกาย และเปลี่ยนเสื้อผ้าสะอาดก่อนเข้าห้องตรวจ
- จัดการบริเวณขาหนีบหรือข้อมือให้พร้อม เพราะเป็นจุดที่ใช้สำหรับสวนสายสวน โดยเจ้าหน้าที่จะทำความสะอาดและโกนขนบริเวณนั้น
- งดใส่เครื่องประดับหรือโลหะ และฝากสิ่งของมีค่ากับญาติหรือเจ้าหน้าที่ก่อนเข้าห้องตรวจ
การดูแลตัวเองหลังสวนหัวใจ
- นอนพักนิ่ง ๆ โดยปรับเตียงให้ศีรษะสูงประมาณ 30-45 องศา ใช้หมอนทรายกดทับบริเวณแผลเพื่อลดความเสี่ยงการเกิดเลือดออกอย่างน้อย 2-4 ชั่วโมงแรก
- หลีกเลี่ยงการยกของหนัก หรือออกแรงมาก ๆ ในช่วงแรก ควรเริ่มจากการขยับตัวเบา ๆ หรือเดินช้า ๆ ตามคำแนะนำของแพทย์
- ดูแลแผลไม่ให้ถูกน้ำ ควรรอจนกว่าแผลจะแห้งสนิทก่อนค่อยอาบน้ำ หากแผลยังไม่แห้งให้เช็ดทำความสะอาดด้วยแอลกอฮอล์และปิดด้วยปลาสเตอร์
- ดื่มน้ำมาก ๆ อย่างน้อยวันละ 2,000 cc เพื่อช่วยให้ร่างกายขับสารทึบแสงออกจากระบบผ่านทางปัสสาวะ
- หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มกระตุ้นหัวใจ เช่น กาแฟ ชา น้ำอัดลม รวมถึงงดสูบบุหรี่ เพื่อช่วยลดภาระการทำงานของหัวใจ
- หากมีอาการผิดปกติ เช่น แน่นหน้าอก หายใจลำบาก เลือดออกมากบริเวณแผล หรืออาการชาผิดปกติ ควรแจ้งแพทย์หรือเจ้าหน้าที่ทันที
วิธีตรวจของ Cath Lab ทำอย่างไรบ้าง?
การตรวจ Cath lab คือการตรวจหลอดเลือดหัวใจด้วยเทคนิคพิเศษที่ไม่ต้องผ่าตัด เปิดโอกาสให้แพทย์สามารถวินิจฉัยโรคหัวใจได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว โดยขั้นตอนการ Cath lab มีรายละเอียดดังนี้
- เตรียมความพร้อมก่อนเริ่มตรวจ แพทย์จะทำการฉีดยาชาเฉพาะจุดบริเวณขาหนีบหรือข้อมือ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่จะใช้ใส่สายสวน จากนั้นจะใส่ท่อขนาดเล็กปลอดเชื้อ (ประมาณ 2 มิลลิเมตร) ผ่านหลอดเลือดแดงเข้าไปยังหลอดเลือดหัวใจ
- ฉีดสีทึบรังสีเข้าเส้นเลือดเพื่อตรวจสอบหลอดเลือดหัวใจ หลังใส่สายสวนเรียบร้อย แพทย์จะฉีดสารทึบรังสีผ่านสายสวนเข้าไป เพื่อดูภาพหลอดเลือดหัวใจผ่านเครื่องเอกซเรย์แบบดิจิทัล ความละเอียดสูง ช่วยให้เห็นตำแหน่งของหลอดเลือดที่อาจมีการตีบหรือตันได้อย่างชัดเจน
- การรักษาร่วมระหว่างตรวจ Cath lab (ถ้าจำเป็น) หากพบความผิดปกติ เช่น การตีบแคบของหลอดเลือดหัวใจ แพทย์อาจดำเนินการรักษาต่อเนื่องได้ทันที เช่น
- การขยายหลอดเลือดด้วยบอลลูนและใส่ขดลวด (Stent) เพื่อเปิดหลอดเลือดที่ตีบหรือตัน
- การใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจ (Pacemaker) สำหรับผู้ที่มีภาวะหัวใจเต้นช้า
- การจี้ไฟฟ้ารักษาภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ (Ablation) เพื่อปรับการเต้นของหัวใจให้กลับมาปกติ
- การใส่สายสวนช่วยพยุงการทำงานของหัวใจในภาวะวิกฤติ เพื่อช่วยให้หัวใจทำงานได้ต่อเนื่องระหว่างการรักษา
- ปิดแผลและการดูแลหลังการตรวจ Cath lab เมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอนตรวจหรือรักษา แพทย์จะดึงสายสวนออก แล้วใช้ปลาสเตอร์หรือหมอนทรายกดทับแผลบริเวณที่ใส่สายสวน เพื่อห้ามเลือด โดยใช้เวลาประมาณ 2-4 ชั่วโมง หลังจากนั้นจึงให้ผู้ป่วยเริ่มขยับตัวได้ภายใต้การดูแลของทีมแพทย์
ประโยชน์ของการสวนหัวใจมีอะไรบ้าง?
การสวนหัวใจใน Cath Lab เป็นหนึ่งในวิธีตรวจและรักษาโรคหัวใจที่ช่วยลดความเสี่ยง และทำให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที โดยเฉพาะในภาวะหัวใจวายเฉียบพลันที่ทุกนาทีมีค่า ด้วยเทคโนโลยีทันสมัยและทีมแพทย์โรคหัวใจผู้เชี่ยวชาญ พร้อมพยาบาลวิชาชีพดูแลตลอด 24 ชั่วโมง โดยประโยชน์ก็จะมี ดังนี้
- รักษาได้รวดเร็ว โดยเฉพาะในภาวะหัวใจวายเฉียบพลันที่ต้องการการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
- แผลเล็ก เจ็บน้อย ฟื้นตัวไว ผู้ป่วยหลายรายพักฟื้นเพียง 1–2 วันก่อนกลับบ้านได้
- ไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ ผู้ป่วยไม่จำเป็นต้องเปิดหน้าอกเหมือนการผ่าตัดหัวใจแบบดั้งเดิม ลดความเจ็บปวดและภาวะแทรกซ้อน
- ลดความเสี่ยงจากการผ่าตัดใหญ่ เนื่องจากใช้เพียงสายสวนและอุปกรณ์เฉพาะ ทำให้โอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น การติดเชื้อ ลดลงอย่างมาก
- ตรวจพบความผิดปกติได้แม่นยำ Cath Lab ช่วยให้แพทย์เห็นภาพหลอดเลือดหัวใจแบบเรียลไทม์ ทำให้วินิจฉัยและรักษาได้ทันทีเมื่อพบปัญหา
- ใช้ร่วมกับการรักษาอื่นได้ หากแพทย์พิจารณาให้ทำการรักษาด้วยวิธีอื่นเพิ่มเติม เช่น การผ่าตัดหลอดเลือดหัวใจ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอาการและดุลยพินิจของแพทย์
Cath Lab คือทางเลือกสำคัญในการรักษาโรคหัวใจ
Cath lab คือหนึ่งในทางเลือกที่สำคัญสำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคหัวใจ เพราะช่วยให้แพทย์สามารถตรวจวินิจฉัยและรักษาความผิดปกติของหลอดเลือดหัวใจได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องผ่านการผ่าตัดใหญ่ ลดระยะเวลาพักฟื้น ช่วยให้ผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติเร็วขึ้น
หากกำลังมองหาศูนย์รักษาโรคหัวใจในการทำ Cath Lab สถาบันหัวใจและหลอดเลือดพระรามเก้า ก็เป็นตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้าม เพราะโรงพยาบาลพระรามเก้าให้บริการ ห้อง Cath Lab ที่ทันสมัยและครบวงจร พร้อมทีมแพทย์โรคหัวใจ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลตลอด 24 ชั่วโมง หากกำลังมีอาการ เจ็บหน้าอกเฉียบพลัน หรือเหนื่อยหอบผิดปกติ อย่ารอช้า เพราะทุกวินาทีมีค่าต่อชีวิต
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการสวนหัวใจ
1. ทำไมถึงต้องสวนหัวใจ?
การสวนหัวใจผ่าน Cath lab ช่วยให้แพทย์สามารถตรวจสอบว่าหลอดเลือดหัวใจมีการตีบหรือตันหรือไม่ เพื่อวางแผนการรักษาได้อย่างถูกต้อง
2. การตรวจ Cath Lab ใช้เวลานานแค่ไหน?
โดยปกติการสวนหัวใจตรวจ Cath Lab ใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของผู้ป่วยแต่ละราย
References
Cardiac catheterization: Procedure & recovery. (2025, March 4). Cleveland Clinic. https://my.clevelandclinic.org/health/diagnostics/16832-cardiac-catheterization
Catheter labs (2025, February 1). Newcastle Hospitals. https://www.newcastle-hospitals.nhs.uk/services/cardiothoracic-services/cath-lab/
Catheterization laboratories (Cath Lab). (n.d.). Washington Health. https://www.washingtonhealth.com/services/cardiac-services/catheterization-laboratories-cath-lab-/