บทความสุขภาพ

Knowledge

ภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน (cardiac arrest) อันตรายใกล้ตัว

ภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน (Sudden Cardiac Arrest) เป็นหนึ่งในภาวะการเสียชีวิตที่พบได้บ่อยทั่วโลก สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเพศ ทุกวัย และมักจะเกิดขึ้นแบบทันทีทันใด ไม่มีอาการนำหรือสัญญาณเตือนล่วงหน้า หากผู้ป่วยไม่ได้รับการช่วยเหลือทันที อาจทำให้เสียชีวิตได้ภายในไม่กี่นาที แต่หากได้รับการช่วยเหลือที่เหมาะสมและรวดเร็ว ก็มีโอกาสรอดชีวิตสูงขึ้น


Key Takeaways


  • หัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันเป็นภาวะที่หัวใจหยุดทำงานกะทันหัน สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย แม้ผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรงก็สามารถเกิดภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันได้
  • ภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันส่งผลกระทบต่อระบบไหลเวียนโลหิตทันที ทำให้อวัยวะต่าง ๆ ขาดเลือดและหยุดทำงาน โดยเฉพาะสมอง หากขาดเลือดเพียง 4 นาที จะไม่สามารถฟื้นขึ้นมาเป็นปกติได้เลย
  • ผู้ป่วยภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันจำเป็นจะต้องได้รับความช่วยเหลือทันที เพื่อเพิ่มโอกาสการรอดชีวิตที่สูงขึ้น

ภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน (Sudden Cardiac Arrest) คืออะไร?


หัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน (Sudden Cardiac Arrest) คือภาวะที่หัวใจหยุดทำงานแบบทันทีทันใด ซึ่งส่งผลกระทบต่อการไหลเวียนโลหิต ทำให้อวัยวะต่าง ๆ ขาดเลือดและไม่สามารถทำงานได้ จึงนำมาสู่การเสียชีวิตในที่สุด


ภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันนับเป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ที่ต้องได้รับการช่วยชีวิตทันที เนื่องจากการขาดเลือดไปหล่อเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ ทำให้การทำงานล้มเหลวและเสียชีวิตได้ในเวลาไม่กี่นาทีเท่านั้น การให้ความช่วยเหลือที่มีประสิทธิภาพและรวดเร็วสามารถเพิ่มโอกาสการรอดชีวิตของผู้ป่วยได้มากขึ้น


ในปัจจุบัน การเสียชีวิตจากหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันยังคงมีตัวเลขที่สูงและมักเกิดขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัว สามารถพบได้ทุกที่โดยเฉพาะสถานที่ที่มีความเสี่ยง เช่น สนามกีฬา หรือสถานที่สาธารณะที่ผู้คนมักจะมีความเร่งรีบกว่าปกติ ดังนั้น การรู้เท่าทันภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน และความรู้เกี่ยวกับการยื้อชีวิตด้วยการทำ CPR และ AED จึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะสามารถช่วยเพิ่มโอกาสในการรอดชีวิตของผู้ป่วยได้อย่างมาก หากได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที


ทำความรู้จักหัวใจเต้นผิดจังหวะ อีกหนึ่งปัญหาสุขภาพหัวใจที่อาจทำให้หัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันได้ อ่านต่อได้ที่ หัวใจเต้นผิดจังหวะ สัญญาณเตือนที่อาจนำไปสู่ภาวะหัวใจวาย


หัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน เกิดจากสาเหตุใดบ้าง?


สาเหตุของหัวใจหยุดเต้น

สาเหตุที่ก่อให้เกิดหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน สามารถแบ่งเป็น 2 ช่วงอายุที่มีสาเหตุการเกิดภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันต่างกัน


  • อายุมากกว่า 35 ปี มักเกิดจากโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ หัวใจโต โรคลิ้นหัวใจ
  • อายุน้อยกว่า 35 ปี มักเป็นโรคหัวใจที่มีสาเหตุจากพันธุกรรม เช่น กล้ามเนื้อหัวใจหนาตัว เส้นเลือดหัวใจผิดปกติ การนำไฟฟ้าหัวใจที่ผิดปกติ แต่ในปัจจุบันความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจที่พบในผู้สูงวัย กลับพบได้ในผู้ที่อายุน้อยกว่า 35 ปีมากขึ้น เนื่องจากค่านิยมและวิถีการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป เช่น โรคอ้วน การสูบบุหรี่ มลพิษในอากาศที่มีมากขึ้น ล้วนส่งผลกระทบต่อสุขภาพเป็นอย่างมาก

ปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดหัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือร่างกายทำงานผิดปกติ ทำให้เกิดภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันได้มากขึ้น อาจรวมถึง


  • มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
  • การนอนหลับที่ไม่เพียงพอ
  • การสูญเสียเลือดในปริมาณมาก
  • สมดุลเกลือแร่ในร่างกายผิดปกติ
  • ออกกำลังกายมากเกินไป

ภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศและทุกวัย แม้ว่าจะเป็นผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรงและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอก็ตาม ทั้งนี้ จากสถิติพบว่าผู้ชายมีโอกาสเกิดภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันมากกว่าผู้หญิงถึง 2 เท่า และมักพบบ่อยขึ้นขณะออกกำลังกาย หรือทำกิจกรรมการแข่งขันต่าง ๆ โดยเฉพาะในผู้ที่ไม่ได้ออกกำลังกายเป็นประจำ


หัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันมีอาการอย่างไร


หัวใจหยุดเต้น อาการ

ภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันเป็นภาวะที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน อาจจะมีอาการนำหรือสัญญาณเตือนล่วงหน้าหรือไม่มีก็ได้ ซึ่งมักจะเกิดเมื่อทำกิจกรรมที่มีการใช้ร่างกายหรือหัวใจมากกว่าปกติ การออกกำลังกายที่หนักกว่าปกติ รวมถึงความผิดปกติของร่างกายที่กระตุ้นให้หัวใจเต้นผิดจังหวะได้ เช่น เกลือแร่ผิดปกติ ขาดน้ำอย่างรุนแรง หรือมีการติดเชื้อ


เมื่อหัวใจเต้นผิดปกติ ผู้ป่วยจะเริ่มรู้สึกแน่นหน้าอก ใจสั่น รู้สึกจะเป็นลม และเมื่อการเต้นหัวใจหยุดลง ผู้ป่วยจะหมดสติเนื่องจากเลือดไม่ไปเลี้ยงสมอง สัมผัสหาชีพจรไม่เจอ หายใจเบามากหรือไม่หายใจเลย และเสียชีวิตในเวลาต่อมา หากไม่ได้รับการช่วยเหลือทันที


เข้ารับการตรวจสุขภาพประจำปี ลดโอกาสเสี่ยงหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน


การตรวจสุขภาพประจำปีช่วยประเมินความเสี่ยงในการเกิดภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันได้ โดยการค้นหาปัญหาสุขภาพที่อาจเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้หัวใจทำงานผิดปกติ ซึ่งจะมีแนวทางการตรวจที่สามารถประเมินความเสี่ยงได้ดังนี้


  1. การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (Electrocardiogram, ECG) ใช้เพื่อตรวจหาความผิดปกติของจังหวะการเต้นหัวใจ ภาวะหัวใจโต กล้ามเนื้อหัวใจตาย และความผิดปกติของไฟฟ้าหัวใจ
  2. การตรวจหัวใจด้วยเครื่องเสียงสะท้อนความถี่สูง หรือการเอคโค่หัวใจ (Echocardiogram) ใช้เพื่อตรวจประเมินโครงสร้างของหัวใจและความสามารถในการสูบฉีดเลือด
  3. การตรวจสมรรถภาพหัวใจขณะออกกำลังกาย (Exercise Stress Test, EST) ใช้เพื่อตรวจสอบคลื่นไฟฟ้าหัวใจขณะที่หัวใจทำงานหนักหรือบีบตัวเร็วขึ้น เพื่อทดสอบเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจและดูการเต้นหัวใจขณะออกกำลังกาย
  4. การตรวจหินปูนที่เส้นเลือดหัวใจ (Coronary Calcium Score) เพื่อหาว่ามีความเสื่อมของเส้นเลือดหัวใจหรือไม่
  5. การฉีดสีเส้นเลือดหัวใจด้วยวิธี CT (Coronary CT Angiography) เพื่อดูภาวะเส้นเลือดหัวใจตีบกรณีสงสัยว่ามีอาการที่ผิดปกติ หรือหลังตรวจเบื้องต้นแล้วสงสัยถึงภาวะเส้นเลือดหัวใจตีบ
  6. การบันทึกคลื่นไฟฟ้าหัวใจ 24 ชั่วโมง (Holter Monitor) ใช้เพื่อติดตามลักษณะการเต้นของหัวใจตลอด 24 ชั่วโมง หากพบหรือสงสัยว่ามีหัวใจเต้นผิดจังหวะ
  7. การสวนหลอดเลือดหัวใจ (Cardiac Catheterization) ใช้เพื่อตรวจหาการอุดตันในหลอดเลือดหัวใจ จะส่งตรวจก็ต่อเมื่อสงสัยว่าหลอดเลือดหัวใจตีบ
  8. การตรวจเลือด ใช้เพื่อตรวจค่าต่าง ๆ ที่บ่งชี้ถึงปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องหรือมีความเสี่ยงต่อการทำงานของหัวใจ

การให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน


Cardiopulmonary resuscitation

อย่างที่ทราบกันว่าภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน หากพบผู้ป่วยหมดสติ ไม่มีการตอบสนอง ไม่หายใจ ให้รีบโทรแจ้งสายด่วน “1669” พร้อมทำการกู้ชีพด้วย CPR โดยทันที กรณีที่มีเครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าอัตโนมัติ หรือ AED ให้นำเครื่องมาใช้กู้ชีพผู้ป่วยขณะรอทีมกู้ภัย การช่วยเหลือผู้ป่วยอย่างเหมาะสมและรวดเร็ว จะช่วยเพิ่มโอกาสรอดชีวิตให้สูงขึ้น


การทำ CPR (Cardiopulmonary resuscitation) มีจุดประสงค์เพื่อคงการไหลเวียนเลือดและออกซิเจนไปยังอวัยวะสำคัญ ซึ่งสามารถทำได้โดยขั้นตอนดังนี้


  • จัดท่าทางให้ผู้ป่วยอยู่ในท่านอนหงาย
  • วางสันมือหนึ่งที่กึ่งกลางหน้าอกของผู้ป่วย และนำมืออีกข้างขึ้นมาประกบ แขนตั้งฉากกับหน้าอกผู้ป่วย 90 องศา โน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยให้หัวไหล่อยู่เหนือลำตัวผู้ป่วย
  • กดหน้าอกผู้ป่วยให้ลึกประมาณ 5 เซนติเมตร ด้วยความเร็วประมาณ 100-120 ครั้งต่อนาที
  • ทำต่อเนื่องประมาณ 2 นาทีแล้วเปลี่ยนคนทำ CPR และให้ทำต่อไปเรื่อย ๆ จนกว่าทีมกู้ภัยจะมาถึง

กรณีที่มีเครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าอัตโนมัติ ให้นำแผ่นนำไฟฟ้ามาติดที่ใต้กระดูกไหปลาร้าด้านขวา และใต้ชายโครงด้านซ้าย จากนั้นให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของเครื่อง


แนวทางการป้องกันหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน เริ่มต้นที่การดูแลสุขภาพให้ดี


ถึงแม้ว่าภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันจะสามารถเกิดขึ้นได้แม้กับผู้ที่แข็งแรง แต่การดูแลรักษาสุขภาพตนเองให้ดีนั้นก็ยังเป็นแนวทางป้องกันการเกิดหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันจากโรคได้ ไม่ว่าจะการเลือกรับประทานอาหารให้ครบหมู่ ลดอาหารหวาน มัน เค็ม ออกกำลังกายอย่างเหมาะสมและสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมอย่างการสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ การโหมงานหนัก อดนอน หรือเครียด หากมีโรคประจำตัวให้ควบคุมโรคให้ดีและเข้าพบแพทย์เพื่อติดตามอาการอยู่เสมอ


หัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน อันตรายที่เกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว


หัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ และสามารถพรากชีวิตผู้ป่วยได้ในเวลาเพียงไม่กี่นาที จึงเป็นภาวะฉุกเฉินที่จำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน การตระหนักรู้ถึงความอันตรายและมีความรู้ในการกู้ชีพอย่างถูกต้องจะช่วยเพิ่มโอกาสรอดชีวิตให้กับผู้ป่วย และช่วยให้ผู้ป่วยมีโอกาสฟื้นตัวได้มากขึ้น


สถาบันหัวใจและหลอดเลือดพระรามเก้า เราพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือ ป้องกัน และหาความเสี่ยงต่อภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันโดยทีมแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ในสาขาต่าง ๆ ตลอด 24 ชั่วโมง เพราะเราตระหนักและให้ความสำคัญกับช่วงเวลาสำคัญที่สุดในการช่วยชีวิต เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการช่วยเหลือและรับการรักษาที่เหมาะสมอย่างทันท่วงที


สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม



คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน


ภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน (Sudden Cardiac Arrest) แตกต่างจากภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน (Acute Heart Failure) อย่างไร?


ภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน (Acute Heart Failure) เกิดจากการที่หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ ได้อย่างเพียงพอ อาจเกิดจากการอุดตันหรือตีบของเส้นเลือดหัวใจ การอักเสบของกล้ามเนื้อหัวใจ หรือภาวะโรคหัวใจในอดีต ส่งผลให้มีอาการหัวใจวายเฉียบพลันได้ ซึ่งเป็นภาวะฉุกเฉิน แต่ไม่ถึงกับหัวใจหยุดเต้นทันที ต่างกับภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน (Sudden Cardiac Arrest) ที่หากไม่ได้รับการช่วยเหลือทันที ผู้ป่วยมีโอกาสเสียชีวิตสูงมาก


ภาวะแทรกซ้อนของหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน มีอะไรบ้าง?


หัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันอาจทำให้อวัยวะในร่างกายขาดเลือด และเกิดความเสียหายขึ้น เช่น สมองได้รับความเสียหายถาวร นอกจากนี้ยังอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนในขั้นตอนการช่วยชีวิต เช่น กระดูกซี่โครงหัก ปอดฉีกขาด เป็นต้น


References


Mayo Clinic Staff. (2024, December 7). Sudden cardiac arrest. Mayo Clinic. https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/sudden-cardiac-arrest/symptoms-causes/syc-20350634


Sudden Cardiac Arrest. (n.d.). MedlinePlus. https://medlineplus.gov/suddencardiacarrest.html


Yow AG, Rajasurya V, Ahmed I, et al. Sudden Cardiac Death. [Updated 2024 Mar 16]. In: StatPearls [Internet]. Treasure Island (FL): StatPearls Publishing; 2025 Jan-. Available from: https://www.ncbi.nlm.nih.gov/books/NBK507854/

บทความที่เกี่ยวข้อง (10)

ดูทั้งหมด

Copyright © 2024 All Rights Reserved | Praram 9 Hospital