บทความสุขภาพ

Knowledge

เหนื่อยง่าย หายใจไม่อิ่ม อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคหัวใจได้!

อาการเหนื่อยหลังออกแรง ถือเป็นเรื่องปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้ในชีวิตประจำวัน แต่ถ้าหากคุณเริ่ม "เหนื่อยง่าย" โดยไม่ทราบสาเหตุ เช่น เดินระยะสั้น ๆ แล้วต้องหยุดพัก หายใจไม่อิ่ม หายใจไม่เต็มปอด หรือรู้สึกแน่นหน้าอกร่วมด้วย อาการเหล่านี้ไม่ควรมองข้าม เพราะอาจเป็นสัญญาณเริ่มต้นของโรคหัวใจที่ควรได้รับการตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด


บทความนี้จึงจะพาทุกคนมาทำความเข้าใจกันให้มากขึ้นว่า อาการเหนื่อยง่ายคืออะไร มีอาการแบบไหน เกิดขึ้นจากสาเหตุใด พร้อมแนะนำแนวทางการตรวจวินิจฉัยและการดูแลรักษาสุขภาพให้แข็งแรงในระยะยาว


Key Takeaways


  • "เหนื่อยง่าย" คือการที่ร่างกายรู้สึกอ่อนแรงหรือใช้พลังงานมากเกินปกติในการทำกิจกรรมต่าง ๆ แม้จะเป็นกิจกรรมเบา ๆ
  • อาการเหนื่อยร่วมกับเจ็บแน่นหน้าอก ใจสั่น หน้ามืด หรือวิงเวียน อาจบ่งบอกถึงความผิดปกติของร่างกาย และเป็นสัญญาณเตือนของระบบหัวใจและหลอดเลือดได้
  • แนวทางการรักษาอาการเหนื่อยง่ายขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ตรวจพบ อาจเป็นการรักษาที่ต้นเหตุของอาการ หรือการปรับพฤติกรรมและการดูแลตนเอง

เหนื่อยง่ายคืออะไร? แบบไหนถึงเรียกว่าเหนื่อยง่าย


"เหนื่อยง่าย" คือภาวะที่รู้สึกหอบ เหนื่อย อ่อนแรง หรือใช้แรงน้อยกว่าปกติก็รู้สึกหมดแรง เช่น เดินขึ้นบันไดเพียงเล็กน้อยก็เหนื่อย นอนเฉย ๆ ก็หายใจลำบาก ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว คนที่มีสุขภาพแข็งแรงจะสามารถทำกิจกรรมเหล่านี้ได้โดยไม่รู้สึกเหนื่อยมากนัก


อย่างไรก็ตาม หากรู้สึกเหนื่อยเร็วกว่าปกติโดยไม่มีสาเหตุชัดเจน เช่น ไม่ได้ออกแรงมาก ไม่ได้พักผ่อนน้อย หรือไม่ได้อยู่ในช่วงฟื้นตัวจากการเจ็บป่วย ควรให้ความสำคัญและไม่ควรมองข้ามอาการนี้ เพราะอาการเหนื่อยง่ายอาจเป็นสัญญาณของโรคที่ซ่อนอยู่ได้


เหนื่อยง่ายอาการเป็นอย่างไร?


เหนื่อยง่ายเกิดจากอะไร

เหนื่อยง่ายไม่ได้หมายถึงแค่การรู้สึกเหนื่อยหลังออกกำลังกายหรือทำงานหนักเท่านั้น แต่คือภาวะที่ร่างกายรู้สึกอ่อนแรงหรือหายใจหอบง่ายผิดปกติ แม้จะทำกิจกรรมในระดับที่เคยทำได้ตามปกติก็ตาม เช่น


  • เดินใกล้ ๆ ก็รู้สึกหายใจไม่ทัน
  • หายใจถี่ หายใจไม่เต็มปอด
  • ลุกจากเตียงแล้วต้องหยุดพัก
  • อ่อนเพลีย ไม่มีแรง
  • พูดนาน ๆ ก็รู้สึกพูดแล้วเหนื่อย หายใจไม่ทัน

บางคนอาจมีอาการเหนื่อยร่วมกับแน่นหน้าอก ใจสั่น หน้ามืด หรือเวียนศีรษะร่วมด้วย รวมถึงบางกรณีอาจมีอาการขาบวม นอนราบไม่ได้ หรือไอเรื้อรัง ซึ่งอาการเหล่านี้ล้วนเป็นสัญญาณที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะหากเกิดขึ้นซ้ำ ๆ และส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน อาการเหล่านี้อาจสะท้อนถึงความผิดปกติของร่างกายที่ควรได้รับการตรวจวินิจฉัยและตรวจสุขภาพอย่างละเอียดโดยแพทย์ทันที


เหนื่อยง่ายเกิดจากสาเหตุใด?


เหนื่อยง่าย เป็นหนึ่งในอาการที่พบได้บ่อยในคนทุกช่วงวัย บางคนอาจเริ่มสังเกตว่าตัวเองไม่สามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้เหมือนเดิม เดินใกล้ ๆ ก็หอบ ต้องหยุดพักบ่อยขึ้น หรือรู้สึกไม่สดชื่นถึงแม้จะพักผ่อนเต็มที่แล้วก็ตาม


หลายคนมักสงสัยว่าเหนื่อยง่ายเกิดจากอะไร อาการเหนื่อยง่ายอาจเกิดได้จากหลายปัจจัย ทั้งที่เกี่ยวข้องกับโรคทางร่างกายและปัจจัยอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับโรคโดยตรง


สาเหตุจากโรค


  • โรคหัวใจ : ผู้ที่มีโรคหัวใจล้มเหลว (Heart failure) โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ (Coronary artery disease) ลิ้นหัวใจผิดปกติ ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ มักแสดงอาการเหนื่อยง่าย โดยเฉพาะขณะออกแรง ซึ่งเป็นสัญญาณที่ควรได้รับการตรวจวินิจฉัยโดยแพทย์เฉพาะทาง
  • โรคระบบทางเดินหายใจ : เช่น โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) โรคหืด (Asthma) ภาวะปอดอักเสบ มีน้ำในปอด หรือมะเร็งปอด
  • ภาวะโลหิตจาง (Anemia) และภาวะเสียเลือดเรื้อรัง : เม็ดเลือดแดงทำหน้าที่ขนส่งออกซิเจนไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย หากมีปริมาณไม่เพียงพอ ก็อาจทำให้เลือดนำออกซิเจนไปเลี้ยงร่างกายได้น้อยและเหนื่อยง่ายขึ้นกว่าปกติ
  • โรคต่อมไร้ท่อและเมตาบอลิซึม : เช่น เบาหวานควบคุมไม่ได้ ภาวะไทรอยด์ทำงานผิดปกติ หรือภาวะขาดสารอาหาร

สาเหตุที่ไม่ได้มาจากโรค


  • พักผ่อนไม่เพียงพอ : การนอนหลับที่ไม่มีคุณภาพ หรือนอนน้อยเกินไป อาจเป็นสาเหตุหลักของความเหนื่อยล้าในแต่ละวันได้
  • ความเครียด : ความเครียด วิตกกังวล หรือภาวะซึมเศร้า ล้วนส่งผลต่อพลังงานทางกายและใจ ทำให้รู้สึกเหนื่อยง่ายได้แม้จะไม่ได้ใช้แรงกายมากก็ตาม
  • ขาดสารอาหาร : โดยเฉพาะธาตุเหล็ก วิตามินบี หรือโปรตีน หากร่างกายได้รับไม่เพียงพอ อาจทำให้รู้สึกอ่อนล้า เหนื่อย และไม่มีแรงได้
  • ออกกำลังกายหนักเกินไป : ถึงแม้การออกกำลังกายจะดีต่อสุขภาพ แต่ถ้าออกหนักมากเกินหรือไม่เหมาะสมกับสภาพร่างกาย ก็อาจทำให้เกิดภาวะเหนื่อยสะสมได้
  • ผลข้างเคียงจากยา : ยาบางชนิด เช่น ยาลดความดันโลหิต ยากล่อมประสาท หรือยาต้านฮีสตามีน อาจทำให้รู้สึกง่วง ซึม หรืออ่อนเพลีย ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการเหนื่อยง่ายได้

วิธีวินิจฉัยอาการเหนื่อยง่ายเป็นอย่างไร?


เหนื่อยง่ายเกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งที่เกี่ยวข้องกับระบบหัวใจ ปอด เลือด หรือแม้แต่ปัญหาทางอารมณ์ การหาสาเหตุที่แท้จริงจึงต้องอาศัยการวินิจฉัยที่ถูกต้อง เพื่อให้สามารถวางแผนการรักษาได้อย่างตรงจุด


โดยทั่วไป แพทย์จะเริ่มจากการซักประวัติทางการแพทย์และตรวจร่างกายเบื้องต้น เช่น ตรวจความดันโลหิต อัตราการเต้นของหัวใจ การหายใจ และสังเกตอาการแสดงอื่น ๆ ที่สัมพันธ์กับอาการเหนื่อยง่าย จากนั้นอาจพิจารณาตรวจเพิ่มเติม ดังนี้


  • ตรวจเลือด : เพื่อดูภาวะโลหิตจาง การทำงานของไต ตับ และฮอร์โมน
  • เอกซเรย์ปอด : เพื่อตรวจหาความผิดปกติของปอด
  • ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG) และอัลตราซาวนด์หัวใจ (Echocardiogram) : เพื่อประเมินการทำงานของหัวใจ
  • การทดสอบสมรรถภาพหัวใจ (Exercise Stress Test) : สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงโรคหัวใจ
  • การทดสอบสมรรถภาพปอด (Pulmonary function test) : ช่วยวินิจฉัยโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ เช่น โรคหืด หรือโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD)
  • การตรวจคลื่นไฟฟ้าสมองหรือนอนกรน (Sleep study) : หากสงสัยภาวะหยุดหายใจขณะหลับ

และในบางรายแพทย์อาจส่งตรวจเพิ่มเติมเฉพาะทาง เช่น การตรวจสมอง หรือประเมินภาวะทางจิตใจ หากสงสัยว่าความเหนื่อยอาจเกี่ยวข้องกับภาวะเครียดหรือซึมเศร้า


วิธีรักษาอาการเหนื่อยง่าย


วิธีแก้อาการเหนื่อยง่าย แนวทางการรักษาส่วนใหญ่มักขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ตรวจพบ โดยสามารถแบ่งได้คร่าว ๆ ดังนี้


รักษาที่ต้นเหตุของอาการ


เมื่อแพทย์วินิจฉัยได้ว่าอาการเหนื่อยง่ายเกิดจากโรคหรือความผิดปกติบางอย่าง การรักษาจะเน้นไปที่การแก้ไขต้นเหตุของปัญหาเพื่อช่วยให้อาการดีขึ้น ดังนี้


  • โรคหัวใจ : รักษาด้วยยาขยายหลอดเลือด ใส่ขดลวด หรือผ่าตัด
  • โรคปอด : รักษาด้วยยาขยายหลอดลม ยาสเตียรอยด์ หรือออกซิเจนบำบัด
  • โรคโลหิตจาง : ให้ธาตุเหล็ก วิตามิน หรือเลือด
  • โรคต่อมไร้ท่อ : ปรับยาควบคุมฮอร์โมน
  • ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ : ใช้เครื่องช่วยหายใจแรงดันบวก (CPAP)

ปรับพฤติกรรมและการดูแลตนเอง


แม้การรักษาทางการแพทย์จะมีบทบาทสำคัญ แต่การดูแลสุขภาพด้วยตนเองอย่างสม่ำเสมอก็ช่วยลดอาการเหนื่อยง่ายได้เช่นกัน โดยคำแนะนำทั่วไปมีดังนี้


  • พักผ่อนให้เพียงพอ
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ครบถ้วน
  • ออกกำลังกายอย่างเหมาะสมและสม่ำเสมอ
  • หลีกเลี่ยงบุหรี่ แอลกอฮอล์ และสารเสพติด
  • ลดความเครียดด้วยกิจกรรมผ่อนคลาย

ดูแลสุขภาพจิต


ในกรณีที่อาการเหนื่อยง่ายเกี่ยวข้องกับภาวะเครียด วิตกกังวล หรือซึมเศร้า ควรปรึกษาจิตแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ เพื่อหาวิธีรับมือกับปัญหาทางอารมณ์อย่างเหมาะสม


เหนื่อยง่าย อย่ารอให้อาการลุกลาม


“เหนื่อยง่าย” เป็นอาการที่ไม่ควรมองข้าม เพราะอาจเป็นสัญญาณเตือนโรคสำคัญ เช่น โรคหัวใจ โรคปอด หรือโรคโลหิตจางได้ การตรวจและรักษาอย่างถูกต้องโดยทีมแพทย์ผู้ชำนาญ จะช่วยวินิจฉัยสาเหตุและให้การดูแลรักษาได้ตรงจุด


สถาบันหัวใจและหลอดเลือดพระรามเก้า พร้อมให้บริการตรวจวินิจฉัยและดูแลปัญหาเกี่ยวกับอาการเหนื่อยง่าย หายใจไม่เต็มปอด ด้วยทีมแพทย์เฉพาะทางด้านโรคหัวใจ พร้อมเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัย และการดูแลอย่างใส่ใจในทุกขั้นตอน เพื่อให้คุณกลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดี และใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจอีกครั้ง


สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม



คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเหนื่อยง่าย


1. ความรุนแรงของอาการเหนื่อยแบ่งอย่างไร?


อาการเหนื่อยสามารถแบ่งระดับความรุนแรงได้ตามกิจกรรมที่กระตุ้นให้เกิดอาการ เช่น


  • ระดับเล็กน้อย : เหนื่อยเมื่อออกแรงมาก เช่น วิ่งหรือออกกำลังกายหนัก ๆ
  • ระดับปานกลาง : เหนื่อยจากกิจกรรมทั่วไป เช่น เดินขึ้นบันได หรือเดินในระยะปานกลาง
  • ระดับรุนแรง : เหนื่อยแม้ขณะพัก หรือทำกิจกรรมเบา ๆ เช่น พูดคุย หรือลุกจากเก้าอี้

2. ถ้าไม่มีโรคประจำตัว แต่อยู่ ๆ เหนื่อยง่าย ควรกังวลหรือไม่?


ควรกังวลในระดับหนึ่ง โดยเฉพาะหากอาการเหนื่อยง่ายเกิดขึ้นแบบเฉียบพลัน เหนื่อยมากผิดปกติ หรือมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น เจ็บแน่นหน้าอก ใจสั่น หัวใจเต้นเร็ว หรือเวียนหัว ควรเข้ารับการตรวจวินิจฉัยเพื่อหาสาเหตุทันที เพราะอาจเป็นสัญญาณเริ่มต้นของโรคหัวใจได้


References


Fatigue. (2023, April 13). Cleveland Clinic. https://my.clevelandclinic.org/health/symptoms/21206-fatigue


Elaine K. Luo, M.D. (2023, April 18). Causes of Fatigue and How to Manage It. Healthline. https://www.healthline.com/health/fatigue


Wilson, J., Morgan, S., van Driel, M., & Magin, P. J. (2014, July 7). Fatigue – a rational approach to investigation. Australian Family Physician. https://www.racgp.org.au/afp/2014/july/fatigue

บทความที่เกี่ยวข้อง (10)

ดูทั้งหมด

Copyright © 2024 All Rights Reserved | Praram 9 Hospital