บทความสุขภาพ
Knowledge
นพ. ระพีพันธุ์ กัลยาวินัย

ในโลกปัจจุบันที่โรคต่าง ๆ เกิดขึ้นได้ง่ายและแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ‘โรคไวรัสตับอักเสบบี’ เป็นหนึ่งในปัญหาสุขภาพที่สำคัญและน่ากังวล สาเหตุของโรคนี้มาจากการติดเชื้อไวรัสที่ทำลายสุขภาพตับ ซึ่งนำไปสู่อาการเฉียบพลันหรือเรื้อรังได้ และหากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องและทันเวลา อาจนำไปสู่ภาวะที่รุนแรงขึ้น เช่น ตับแข็งหรือมะเร็งตับ
มาทำความเข้าใจเกี่ยวกับไวรัสตับอักเสบบีว่าโรคนี้คืออะไร มีสาเหตุจากอะไรได้บ้าง ตลอดจนแนวทางการรักษา และแนะนำการฉีดไวรัสตับอักเสบบีเพื่อป้องกันโรค
Key Takeaways
โรคไวรัสตับอักเสบบี (Hepatitis B) คือภาวะการติดเชื้อของตับที่เกิดจากเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า ‘Hepatitis B Virus’ (HBV) ซึ่งทำลายเซลล์ตับ การติดเชื้อนี้เป็นจุดเริ่มต้นของโรคอันตรายร้ายแรงต่อตับ เช่น มะเร็งตับ ตับแข็ง และตับวาย
ไวรัสตับอักเสบบี ติดต่อทางไหน? ไวรัส HBV สามารถแพร่กระจายได้หลายวิธีผ่านการสัมผัสกับเลือด หรือสารคัดหลั่งของบุคคลที่ติดเชื้อ เช่น การใช้เข็มร่วมกัน การมีเพศสัมพันธ์ หรือการถ่ายทอดจากแม่สู่ลูกในระหว่างคลอด ซึ่งในประเทศไทยมักพบว่ามีการติดเชื้อโดยที่มารดาเป็นพาหะ
ไวรัสตับอักเสบบี เป็นได้ทั้งแบบเฉียบพลันและเรื้อรัง อาการไวรัสตับอักเสบบีแบบเฉียบพลัน เช่น คลื่นไส้ อาเจียน และตัวเหลือง ส่วนแบบเรื้อรังอาจไม่แสดงอาการ แต่ไวรัสจะทำลายตับอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนำไปสู่ความเสี่ยงของภาวะตับแข็ง หรือมะเร็งตับในระยะยาวได้

ไวรัสตับอักเสบบี เกิดจากสาเหตุหลัก ๆ ดังนี้
อาการไวรัสตับอักเสบบีหลังจากได้รับเชื้อไวรัส สามารถแบ่งได้เป็นสองรูปแบบ ได้แก่
อาการเหล่านี้จะค่อย ๆ ดีขึ้นและหายไปเองภายใน 2-3 สัปดาห์ โดยที่ร่างกายส่วนใหญ่จะสามารถกำจัดเชื้อไวรัสได้สำเร็จ และสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาเพื่อป้องกันการติดเชื้อซ้ำในภายหลัง
วัคซีนไวรัสตับอักเสบบี (Hepatitis B Vaccine: HBV) เป็นวิธีการป้องกันที่มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยจะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิต้านทานโรคไวรัสตับอักเสบบี สามารถเริ่มฉีดได้ตั้งแต่แรกเกิด ฉีดรวมทั้งหมด 3 เข็ม คือ เข็มที่ 1, เข็มที่ 2 (ห่างจากเข็มแรก 1 เดือน) และเข็มที่ 3 (ห่างจากเข็มที่สอง 5 เดือน) โดยผู้ที่ควรได้รับวัคซีน ได้แก่

ไวรัสตับอักเสบบี รักษาหายไหม? การรักษาไวรัสตับอักเสบบีมุ่งเน้นทั้งการจัดการกับการติดเชื้อ และการป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น เช่น ตับแข็งหรือมะเร็งตับ โดยวิธีการรักษาสามารถแบ่งออกเป็นสองส่วนหลักแบ่งตามระยะอาการ ได้แก่
ผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่มีโรคไวรัสตับอักเสบบีระยะเฉียบพลัน มักไม่จำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยยาต้านไวรัส เพราะระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายสามารถกำจัดเชื้อได้เอง โดยอาจใช้เวลาหลายเดือน การรักษาในช่วงนี้จึงเน้นที่การบรรเทาอาการและช่วยให้ร่างกายฟื้นตัว เช่น การให้สารน้ำทดแทน และการพักผ่อนอย่างเพียงพอ
อย่างไรก็ตาม หากอาการรุนแรงมาก แพทย์อาจพิจารณาให้ยาต้านไวรัส หรือจำเป็นต้องรับการรักษาในโรงพยาบาล
สำหรับผู้ที่มีโรคไวรัสตับอักเสบบีระยะเรื้อรัง การรักษามุ่งเน้นไปที่การใช้ยาต้านไวรัส เพื่อลดการเพิ่มจำนวนของไวรัสในร่างกาย ลดการอักเสบและความเสียหายของตับ และลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่อันตราย เช่น ตับแข็งหรือมะเร็งตับ การรักษาด้วยยาในระยะเรื้อรังมักต้องใช้เวลาหลายปีหรือตลอดชีวิต โดยแพทย์จะตรวจติดตามอย่างสม่ำเสมอ เพื่อประเมินผลและปรับแผนการรักษา
หนึ่งในความเสี่ยงสำคัญในการรักษาโรคระยะเรื้อรังคือ การกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัส ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะดื้อยาต้านไวรัสบางชนิดได้ การกลายพันธุ์นี้ทำให้ยาที่เคยใช้ได้ผลหมดประสิทธิภาพ จึงต้องมีการติดตามผลอย่างใกล้ชิด และเปลี่ยนแผนการรักษาเมื่อจำเป็น
ไวรัสตับอักเสบบีอันตรายไหม ป้องกันได้หรือไม่? การป้องกันไวรัสตับอักเสบบีจะมุ่งเน้นไปที่การสร้างภูมิคุ้มกัน และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเสี่ยง โดยสามารถป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบบีได้ ดังนี้
การฉีดวัคซีนตับอักเสบบีถือเป็นวิธีป้องกันที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการสร้างภูมิต้านทานต่อเชื้อไวรัส ป้องกันการติดเชื้อในระยะยาว โดยสามารถฉีดได้ตั้งแต่ทารกแรกเกิดจนถึงวัยผู้ใหญ่ ปกติจะฉีดทั้งหมด 3 รอบ รูปแบบการฉีดจะแตกต่างกันตามช่วยอายุ ดังนี้
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ เป็นอีกแนวทางสำคัญในการป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบบี ควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำให้มีการสัมผัสกับเลือดหรือสารคัดหลั่งของผู้ติดเชื้อ เช่น
การตรวจสุขภาพตับเป็นประจำในผู้ที่ยังไม่มีการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี ช่วยลดความเสี่ยงและช่วยวางแผนสุขภาพเพื่อป้องกันการติดเชื้อได้ เช่น การวางแผนการฉีดวัคซีน และยังช่วยให้ทราบสุขภาพของตับโดยรวมอีกด้วย
ในส่วนของการตรวจสุขภาพตับเป็นประจำในผู้ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ ทำให้ทราบถึงระยะของโรค ความรุนแรงของโรค ซึ่งมีประโยชน์ในการวางแผนการรักษา ประเมินการรักษา และช่วยให้วางแผนการดูแลตัวเองเพื่อควบคุมไม่ไห้โรครุนแรงขึ้นได้
ซึ่งแพทย์อาจแนะนำให้ตรวจค่าต่าง ๆ เช่น
ไวรัสตับอักเสบบี คือเชื้ออันตรายที่นำไปสู่ตับแข็งและมะเร็งตับได้ การป้องกันที่ดีที่สุดคือการฉีดวัคซีนครบ 3 เข็มตั้งแต่วัยเด็ก และการหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง เช่น การใช้เข็มร่วมกัน และการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน ส่วนผู้ที่ติดเชื้อแล้ว การรักษาด้วยยาต้านไวรัสและการตรวจสุขภาพตับอย่างสม่ำเสมอ เป็นกุญแจสำคัญในการควบคุมโรค และลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนรุนแรงในระยะยาว
ที่ศูนย์ทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลพระรามเก้า ให้บริการครบวงจรสำหรับไวรัสตับอักเสบบีและโรคตับอื่น ๆ ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้คำปรึกษา และตรวจเลือดเพื่อประเมินการติดเชื้อ (HBsAg) และเสริมภูมิคุ้มกันด้วยการวางแผนฉีดวัคซีน) รวมถึงการรักษาไวรัสตับอักเสบบีด้วยยาต้านไวรัส และตรวจติดตามความรุนแรงของโรคด้วยเครื่องมือที่ทันสมัย เพื่อป้องกันภาวะตับแข็งและมะเร็งตับที่อาจเกิดขึ้น
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
แพทย์จะวินิจฉัยไวรัสตับอักเสบบีด้วยการตรวจเลือดหาเชื้อ (HBsAg) และตรวจการทำงานของตับ (ค่าเอนไซม์ AST/ALT) หากพบว่ามีการติดเชื้อ แพทย์จะตรวจเพิ่มเติมเพื่อประเมินความรุนแรงของโรค เช่น ปริมาณไวรัส (HBV DNA) และอาจใช้วิธีอัลตราซาวนด์ตับเพื่อดูความเสียหาย
ไวรัสตับอักเสบบีสามารถกลายพันธุ์ได้ โดยโครงสร้างของเชื้อไวรัสอาจมีการเปลี่ยนแปลงจากการรับประทานยาต้านไวรัสไม่สม่ำเสมอ หรือการใช้ยาในระยะเวลานาน
ไวรัสตับอักเสบบีกลายพันธุ์เป็นปัญหาสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะดื้อยาต้านไวรัส ส่งผลให้การรักษาโรคยากยิ่งขึ้นและมีความซับซ้อน แพทย์จึงต้องมีการตรวจติดตามอย่างใกล้ชิดและปรับเปลี่ยนแผนการรักษา เมื่อตรวจพบภาวะดื้อยาหรือการกลายพันธุ์ของเชื้อ
ไวรัสตับอักเสบบีเป็นภัยเงียบที่ร้ายแรงต่อตับ เพราะเป็นสาเหตุสำคัญที่นำไปสู่ตับแข็งและมะเร็งตับ โดยที่ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่มักจะไม่แสดงอาการ ทำให้ไม่รู้ตัวว่ากำลังเป็นโรคจนกว่าจะลุกลาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มทารกที่ได้รับเชื้อจากมารดา จะมีความเสี่ยงสูงมากที่จะกลายเป็นการติดเชื้อเรื้อรัง
References
Mayo Clinic Staff. (2024, October 4). Hepatitis B. Mayo Clinic. https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/hepatitis-b/symptoms-causes/syc-20366802
Hepatitis B. (2025, July 23). World Health Organization. https://www.who.int/news-room/fact-sheets/detail/hepatitis-b
Hepatitis B. (2025, February 8). Cleveland Clinic. https://my.clevelandclinic.org/health/diseases/4246-hepatitis-b
แพ็กเกจที่เกี่ยวข้อง (1)
ดูทั้งหมด
บทความที่เกี่ยวข้อง (10)
ดูทั้งหมด
Copyright © 2024 All Rights Reserved | Praram 9 Hospital