บทความสุขภาพ

Knowledge

คำแนะนำการป้องกันมาลาเรียสำหรับนักเดินทาง

พญ. จิตรฟ้า หรูรุ่งโรจน์

โรคมาลาเรียเป็นโรคที่เกิดจากโปรโตซัว Plasmodium นำโดยยุงก้นปล่อง มีทั้งหมด 5 สายพันธุ์ สายพันธ์ุที่รุนแรงคือ Plasmodium falciparum ซึ่งเป็นสายพันธุ์หลักในทวีปแอฟริกา ทำให้เกิดการติดเชื้อรุนแรง อวัยวะต่างๆล้มเหลว ติดเชื้อขึ้นสมอง โคม่า ชัก และเสียชีวิตได้ หากได้รับการรักษาที่ล่าช้า


พื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงมากสำหรับมาลาเรีย ได้แก่ ประเทศในแอฟริกาที่อยู่ใต้ต่อทะเลทรายซาฮะร่า (Sub-Saharan Africa) และประเทศในโอเชียเนีย ได้แก่ เกาะนิวกินี (New Guinea) ซึ่งประกอบด้วย ประเทศปาปัวนิวกินีและ จังหวัดปาปัวตะวันตก (West Papua) ของประเทศอินโดนีเซีย หมู่เกาะโซโลมอน (Solomon Islands) วานูอาตู (Vanuatu) ความเสี่ยงในการติดเชื่อมาลาเรียสำหรับนักเดินทางอยู่ที่ 1-3% ต่อเดือน ซึ่งถ้ามีกิจกรรมที่ต้องสัมผัสยุงมาก หรืออยู่ในพื้นที่เป็นระยะเวลานาน ควรปรึกษาแพทย์เพื่อ แนะนำการรับประทานยาป้องกันมาลาเรีย


พื้นที่อื่นๆที่มีความเสี่ยงปานกลางถึงน้อย ได้แก่ บริเวณลุ่มน้ำอะเมซอนในทวีปอเมริกาใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ หมู่เกาะติมอร์ละวันตก บางพื้นที่ของประเทศอินดีย ปากีสถาน พม่า ลาว โดยทั่วไปไม่ได้แนะนำการรับประทานยาป้องกันมาลาเรีย แต่ถ้ามีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดการติดเชื่อรุนแรง เช่น มีสภาวะร่างกายที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อรุนแรง ก็อาจพิจารณาให้รับประทานยาหรือพกยารักษาฉุกเฉิน (Stand-by medication)


ประเทศไทย โรคมาลาเรียพบในพื้นที่ป่า โดยเฉพาะจังหวัดชายแดนไทย พม่า ข้อมูลจากกรมควบคุมโรคปี 2565 พบว่าจังหวัดที่มีผู้ป่วยมาลาเรียสูงสุด ได้แก่ ตาก แม่ฮ่องสอน ระนอง กาญจนบุรี ประจวบคีรีขันธ์ สายพันธ์ุเชื่อมาลาเรียที่พบในประเทศไทยส่วนใหญ่ 90% เป็น Plasmodium vivax ซึ่งมีความรุนแรงน้อยกว่า Plasmodium falciparum หากไม่ได้รับการรักษา เชื้ออาจอยู่ในร่างกายคนได้เป็นปี ทำให้มีอาการไข้เป็นๆหายๆได้ แต่ในบางรายอาจมีการติดเชื้อรนแรงได้เช่นกัน อย่างไรก็ตามประเทศไทยถือว่าเป็นพื้นที่ที่มีความเสี่ยงของมาลาเรียน้อย ความเสี่ยงในการติดเชื้อในนักท่องเที่ยวต่ำมาก อยู่ที่ประมาณ 1: 16000- 1: 50000 คน ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นต้องรับประทานยาป้องกันมาลาเรียสำหรับนักเดินทางที่จะมาเที่ยวไทย


ความเสี่ยงของการติดเชื้อมาลาเรียในนักเดินทาง ขึ้นอยู่กับ


1. พื้นที่ที่จะเดินทาง ประเทศในทวีปแอฟริกาบางประเทศ ความเสี่ยงมาลาเรียพบได้เกือบทั่วพื้นที่ของประเทศ แม่ในเขตเมืองหลวง หรือเมืองใหญ่ เช่น อาบูจา (Abuja) ลากอส(Lagos) ของไนจีเรีย หรือในทุ่งหญ้าสะวันนา ชายฝั่งทะเล โดยไม่จำเป็นต้องพบในพื้นที่ป่าเหมือนในประเทศไทย แต่บางประเทศก็พบเฉพาะในบางพื้นที่ ดังนั้นการพิจารณาว่าการเดินทางมีความเสี่ยงมาลาเรียหรือไม่ ไม่สามารถประเมินได้จากประเทศที่จะเดินทางไปได้เท่านั้น ต้องดูรายละเอียดว่าจะเดินทางไปพื้นที่ใด


incidence-of-malaria.png

แผนที่แสดง ประเทศที่มีความเสี่ยง ของมาลาเรีย


ที่มา : https://ourworldindata.org/malaria [Accessed 17 July 2025]


2. กิจกรรมที่ทำ ถ้าทำกิจกรรมที่อยู่นอกอาคารเป็นส่วนใหญ่ มีโอกาสสัมผัสยุงเยอะ ก็จะความเสี่ยงต่อมาลาเรียสูง เช่น เที่ยวป่า ซาฟารี ส่องสัตว์ นอนเต๊นท์ ทำงานเหมืองแร่ ทำงานอาสาสมัคร เป็นต้น


3. ระยะเวลาที่อยู่ในพื้นที่ ยิ่งอยู่ในพื้นที่นาน ความเสี่ยงในการติดเชื้อก็เพิ่มขึ้น


4. ฤดูที่เดินทาง สภาพอากาศ ความสูงของพื้นที่ที่เดินทาง หากเดินทางไปในช่วงฤดูฝน ซึ่งเป็นช่วงที่ยุงแพร่พันธุ์ได้ดี ก็จะมีความเสี่ยงมากกว่าการไปช่วงฤดูร้อนหรือหนาว หากไปในที่ที่มีความสูงมากกว่า 2000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ความเสี่ยงที่จะถูกยุงกัดก็จะน้อยมากหรือไม่มีความเสี่ยงเลย


5. สภาวะร่างกาย โรคประจำตัว ของนักเดินทาง หากเป็นนักเดินทางทีเป็น เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ผู้ที่ตัดม้ามหรือไม่มีม่าม หญิงตั้งครรภ์ ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง รับประทานยากดภูมิคุ้มกัน โรคเบาหวาน โรคไตเรื้อรัง จะมีโอกาสเกิดการติดเชื้อรุนแรง มีภาวะแทรกซ้อนมากขึ้นได้ ดังนั้นหากนักเดินทางกลุ่มนี้มีความจำเป็นต้องเดินทางไปยังพื้นที่ที่มีความเสี่ยงมาลาเรียน้อยถึงปานกลาง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณาการป้องกัน


การป้องกันมาลาเรีย


วิธีหลักคือการป้องกันไม่ให้ถูกยุงกัด โดยการสวมเสื้อแขนยาว กางเกงขายาว หลีกเลี่ยงการออกไปนอกอาคารในเวลากลางคืน นอนในมุ่งหรือห้องที่มิดชิด ใช้ยากันยุงที่มีประสิทธิภาพสูง ได้แก่ DEET 20-50% Picaridine 20% IR3535 20% เป็นต้น หรือสวมใส่เสื้อผ้าที่ชุบด้วยสาร Permethrin 0.5% ซึ่งมีประสิทธิภาพในการกันยุง


การรับประทานยาป้องกันมาลาเรีย


การรับประทานยาป้องกันมาลาเรียเป็นมาตรการหนึ่งในการป้องกันมาลาเรียสำหรับนักเดินทางที่มีความเสี่ยงสูง การพิจารณารับประทานยาป้องกันมาลาเรียควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อประเมินความจำเป็นในการรับประทานยา ได้แก่ ความเสี่ยงในการติดเชื้อ ข้อห้าม ข้อควระวัง ในแต่ละบุคคล ยาป้องกันมาลาเรียมีประสิทธิภาพในการป้องกันมาลาเรียสูง 80-90% หากทานอย่างสม่ำเสมอและถูกวิธี


ยาหลักที่มีใช้ในประเทศไทย ได้แก่ Atovaquone/Proguanil (Malarone) และ Doxycline

1. Atovaquone/Proguanil เป็นยาควบคุม มีเฉพาะที่รพ.เวชศาสดร์เขตร้อนเท่านั้น ทานก่อนเข้าพื้นที่เสี่ยง 1-2 วัน ขณะอยู่ในพื้นที่ และทานต่อหลังจากออกจากพื้นที่เสียง 7 วัน ผลข้างเคียงน้อย ยามีราคาแพง


2. Doxycycline มีในโรงพยาบาลทั่วไป ราคาถูก แต่ต้องทานระยะเวลานานกว่า Atovaquone/Proguanil โดยทานก่อนเข้าพื้นที่ 1-2 วัน ขณะอยู่ในพื้นที่ และทานต่อหลังจากออกจากพื้นที่เสี่ยง 30 วัน โดยทั่วไปมีโอกาสเกิดผลข้างเคียงบ่อยกว่า Atovaquone/Proguanil คืออาการทางระบบอาหาร เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ถ่ายเหลว แต่ส่วนใหญ่ไม่รุนแรงและหายเองได้


ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกันมาลาเรียที่ใช้สำหรับคนทั่วไป การใช้ยาป้องกันมาลาเรีย ร่วมกับการป้องกันไม่ให้ยุงกัดจึงเป็นมาตรการหลักในการป้องกันมาลาเรีย สำหรับนักเดินทางที่มีความเสี่ยงสูงในการติดเชื้อมาลาเรีย


นอกจากนี้ นักเดินทางควรมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคมาลาเรีย ถึงแม่รับประทานยาป้องกันมาลาเรียครบถ้วนร่วมกับการป้องกันยุงแล้ว ก็ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ 100% ดังนั้นหากมีอาการสงสัยมาลาเรีย เช่น ไข้สูง หนาวสั่น ปวดเมื่อยตัว หลังออกจากพื้นที่เสี่ยง ภายใน 1 สัปดาห์ถึง 2 เดือน ควรรีบพบแพทย์และแจ้งประวัติการเดินทาง เพื่อตรวจวินิจฉัย

เกี่ยวกับผู้เขียนบทความ

บทความที่เกี่ยวข้อง (10)

ดูทั้งหมด

ไส้เลื่อน ใครก็เป็นได้ อันตรายที่ต้องรักษาก่อนเกิดภาวะแทรกซ้อน

ไส้เลื่อน คือภาวะที่ลำไส้เลื่อนหรือดันออกมาจากช่องท้อง สามารถสังเกตเห็นก้อนนูนออกมาตามขาหนีบ หน้าท้อง สะดือ หากไม่รักษาอาจเกิดอันตรายจากอาการแทรกซ้อนได้

รู้ทันต้อหิน โรคร้ายทำลายการมองเห็น รีบรักษาก่อนสายเกินแก้

ต้อหิน (Glaucoma) คือโรคตาที่มีสาเหตุจากขั้วประสาทตาเสื่อม ผู้ป่วยจะมีอาการปวดหัวปวดตา กระจกตาขุ่น การมองเห็นแย่ลง และค่อย ๆ สูญเสียการมองเห็นไปในที่สุด

Hypothyroidism คืออะไร? รู้ทันสาเหตุ อาการ และวิธีรักษา

Hypothyroidism คือ ภาวะพร่องฮอร์โมนไทรอยด์ หรือฮอร์โมนไทรอยด์ทำงานต่ำ ทำให้ระดับการเผาผลาญพลังงานลดลง และนำมาสู่การทำงานของระบบต่าง ๆ ผิดปกติ

รู้ทันอาการน้ำในหูไม่เท่ากัน ใครเวียนหัว บ้านหมุนบ่อยต้องระวัง

โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน เป็นความผิดปกติของระบบน้ำในหูชั้นใน ซึ่งสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ ทำให้ผู้ป่วยมีอาการ เวียนหัว บ้านหมุน ทรงตัวไม่อยู่ และการได้ยินผิดปกติ

หายใจไม่อิ่ม หายใจลำบาก สัญญาณอันตรายที่คุณไม่ควรมองข้าม

หายใจไม่อิ่ม เป็นอาการที่หลายคนเผชิญ อาจมีอาการแน่นหน้าอก หายใจไม่เต็มปอด หายใจลำบาก หัวใจเต้นเร็ว เหนื่อยง่าย บทนี้ความจะพาไปดูสาเหตุของอาการเหล่านี้กัน

ภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน อันตรายถึงชีวิตแบบไร้สัญญาณเตือน

หัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน (Sudden Cardiac Arrest) คือ ภาวะที่หัวใจหยุดทำงานกะทันหัน ทำให้หมดสติและเสียชีวิตในไม่กี่นาที จึงเป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องรับการรักษาทันที

อาการปวดเข่าคืออะไร มีวิธีป้องกันข้อเข่ามีอะไรบ้าง?

อาการปวดเข่าเป็นอาการที่เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ข้อเข่าเสื่อม และส่งผลต่อชีวิตประจำวันได้ การรู้ถึงสาเหตุ วิธีป้องกัน และการรักษาอาการปวดเข่าจึงเป็นเรื่องสำคัญ

EST คืออะไร? การตรวจสมรรถภาพหัวใจ Exercise Stress Test

EST (Exercise Stress Test) คือ การออกกำลังกายตรวจสมรรถภาพหัวใจ เป็นวิธีวินิจฉัยสุขภาพหัวใจเพื่อทำการรักษาต่อไป EST มีขั้นตอนอย่างไรบ้าง? บทความนี้มีคำตอบ

ภาวะข้อไหล่หลุดคืออะไร รู้สาเหตุ อาการ และวิธีรักษาให้หายดี

ภาวะข้อไหล่หลุดคืออาการที่พบได้บ่อยในคนที่ใช้แรงเยอะ ๆ หรือเคยไหล่หลุดมาก่อน มาดูกันว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้ไหล่หลุดได้บ้าง และจะต้องดูแลรักษาตัวอย่างไ

กระดูกคอเสื่อมอันตรายไหม? รู้จักอาการ สาเหตุ และการป้องกัน

โรคกระดูกคอเสื่อมอันตรายไหม? ชวนคุณมาทำความรู้จักกับอาการ สาเหตุ และการรักษา เพื่อป้องกันสุขภาพตัวเองไม่ให้กระดูกคอได้รับบาดเจ็บ

Copyright © 2024 All Rights Reserved | Praram 9 Hospital