บทความสุขภาพ

Knowledge

วัคซีนปอดอักเสบนิวโมคอกคัสชนิดใหม่ 20 สายพันธุ์ (PCV 20)

พญ. จิตรฟ้า หรูรุ่งโรจน์

โรคปอดอักเสบจากเชื้อนิวโมคอกคัสเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียสเตรปโตคอคคัสนิวโมเนียอี (Streptococcus pneumoniae) ส่วนใหญ่เชื้อจะพบอยู่ในโพรงจมูกและลำคอ สามารถแพร่กระจายผ่านการสัมผัสสารคัดหลั่งทางละอองฝอยทางการไอหรือจาม เป็นหนึ่งในเชื้อที่ทำให้เกิดปอดอักเสบที่พบบ่อย ทั้งในเด็ก ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ นอกจากจะทำให้เกิดปอดอักเสบแล้ว ยังก่อให้เกิดการติดเชื้อแบบรุกราน (Invasive pneumococcal disease ; IPD) เช่น ปอดอักเสบแบบรุนแรง ติดเชื้อในกระแสเลือด เยื่อหุ้มสมองอักเสบ นำไปสู่การเสียชีวิตได้ ซึ่งโรคนี้สามารถป้องกันได้ด้วยวัคซีน


กลุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อนิวโมคอกคัสได้แก่


  • เด็กอายุน้อยกว่า 5 ปี
  • ผู้สูงอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป
  • ผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น ผู้ป่วยเอชไอวี ผู้ป่วยโรคมะเร็ง ผู้ที่มีโรคที่ต้องรับยากดภูมิคุ้มกัน เช่น สเตียรอยด์ ผู้ป่วยปลูกถ่ายอวัยวะหรือไขกระดูก
  • ผู้ป่วยที่ตัดม้ามหรือไม่มีม้าม ผู้ที่ผ่าตัดฝังประสาทหูเทียม ผู้ที่มีภาวะน้ำไขสันหลังรั่ว
  • ผู้ที่มีโรคประจำตัวหรือโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน หัวใจ ปอดเรื้อรัง หอบหืด โรคตับเรื้อรัง ไตวายเรื้อรังระดับ 4 เป็นต้นไป โรคไตเนฟโฟรติค สูบบุหรี่ พิษสุราเรื้อรัง

ปัจจุบันประเทศไทยมีวัคซีนปอดอักเสบชนิด 20 สายพันธุ์ (PCV 20) ซึ่งเป็นวัคซีนปอดอักเสบชนิดล่าสุดที่มีใช้ในประเทศไทย สามารถครอบคลุมเชื้อแบคทีเรียนิวโมคอกคัส (Streptococcus pneumoniae) ที่ก่อโรคในประเทศไทยได้มากถึง 83.2% ซึ่งมีความครอบคลุมมากกว่าวัคซีนปอดอักเสบที่มีอยู่เดิม คือ ชนิด 13 (PCV 13) 15 (PCV15) และ 23 สายพันธุ์ (PPSV23) ที่มีความครอบคลุมอยู่ที่ 74.6-81.8% วัคซีนมีประสิทธิภาพในการลดการติดเชื้อนิวโมคอกคัสแบบรุนแรง ได้ถึง 75%


ใครควรฉีดบ้าง


  • เด็กที่อายุตั้งแต่ 6 สัปดาห์ถึง 5 ปี ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเสี่ยงหรือแข็งแรงดี
  • เด็กอายุ 5 ปีขึ้นไปที่เป็นกลุ่มเสี่ยง ได้แก่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือโรคเรื้อรังข้างต้น
  • ผู้ใหญ่ 18-64 ปีที่เป็นกลุ่มเสี่ยง ได้แก่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือโรคเรื้อรังข้างต้น
  • ผู้สูงอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไปที่แข็งแรงดี

คำแนะนำของประเทศไทยสำหรับการฉีดวัคซีนปอดอักเสบนิวโมคอกคัส 20 สายพันธุ์ (PCV 20) ในผู้ใหญ่


  • ผู้สูงอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป ที่แข็งแรงดี ฉีด 1 เข็ม
  • ผู้ใหญ่อายุ 18-64 ปีที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง ตัดม้ามหรือไม่มีม้าม ผู้ที่ผ่าตัดฝังประสาทหูเทียม ผู้ที่มีภาวะน้ำไขสันหลังรั่ว ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน หัวใจ ปอดเรื้อรัง ตับเรื้อรัง ไตวายเรื้อรังระดับ 4 เป็นต้นไป
  • ฉีด 1 เข็ม

สรุป


  • ฉีดวัคซีน PCV 20 เพียง 1 เข็มในคนแข็งแรงดีและกลุ่มเสี่ยง ยังไม่มีคำแนะนำว่าต้องฉีดกระตุ้นในขณะนี้
  • กรณีในเด็กจะฉีด 2-4 เข็ม ขึ้นกับช่วงอายุและกลุ่มเสี่ยง

คำแนะนำสำหรับผู้ที่เคยฉีดวัคซีนปอดอักเสบ 13 และ 23 สายพันธุ์มาแล้ว


  • ผู้ที่อายุ 18-64 ปี ที่เคยฉีดวัคซีนปอดอักเสบชนิด 13 และ 23 สายพันธุ์ครบแล้ว แนะนำฉีดวัคซีนปอดอักเสบ 20 สายพันธุ์อีก 1 เข็ม โดยเว้นระยะหลังฉีดวัคซีนเข็มก่อนหน้าอย่างน้อย 5 ปี
  • ผู้ที่อายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไปที่เคยฉีดวัคซีนปอดอักเสบชนิด 13 และ 23 สายพันธุ์ครบแล้ว อาจพิจารณาฉีดวัคซีนปอดอักเสบ 20 สายพันธุ์เพิ่มเติมตามคำแนะนำของแพทย์

อย่างไรก็ตามควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำการฉีดวัคซีนที่เหมาะสม


ผลข้างเคียงของวัคซีนปอดอักเสบนิวโมคอกคัส

อาการข้างเคียงส่วนใหญ่มักไม่รุนแรง สามารถหายได้เองในระยะเวลา 2-3 วัน เช่น อาการบวมแดงบริเวณที่ฉีด มีไข้ต่ำ ๆ ปวดเมื่อยตัว ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ซึ่งอาการเหล่านี้แตกต่างออกไปในแต่ละบุคคล


โปรแกรมวัคซีน


  1. โปรแกรมวัคซีนป้องกันปอดอักเสบ 20 สายพันธุ์ 4,290.- (1 เข็ม รวมค่าแพทย์และบริการ)
  2. โปรแกรมวัคซีนป้องกันปอดอักเสบ 20 สายพันธุ์ + ไข้หวัดใหญ่ 4,990.- (รวมค่าแพทย์และบริการ)
  3. โปรแกรมวัคซีนป้องกันปอดอักเสบ 20 สายพันธุ์ 4 เข็ม 14,900.- (ไม่รวมค่าแพทย์)

เกี่ยวกับผู้เขียนบทความ

พญ. จิตรฟ้า หรูรุ่งโรจน์

พญ. จิตรฟ้า หรูรุ่งโรจน์

ศูนย์ตรวจสุขภาพ

บทความที่เกี่ยวข้อง (10)

ดูทั้งหมด

คำแนะนำการป้องกันมาลาเรียสำหรับนักเดินทาง

โรคมาลาเรียเป็นโรคที่เกิดจากโปรโตซัว Plasmodium นำโดยยุงก้นปล่อง มีทั้งหมด 5 สายพันธุ์ สายพันธ์ุที่รุนแรงคือ Plasmodium falciparum ซึ่งเป็นสายพันธุ์หลักในทวีปแอฟริกา ทำให้เกิดการติดเชื้อรุนแรง อวัยวะต่างๆล้มเหลว ติดเชื้อขึ้นสมอง โคม่า ชัก และเสียชีวิตได้ หากได้รับการรักษาที่ล่าช้า

ป้องกันปอดอักเสบด้วยวัคซีนปอดอักเสบนิวโมคอคคัส ช่วยลดอัตราการเสียชีวิตได้

การฉีดวัคซีนป้องกันปอดอักเสบนิวโมคอกคัสช่วยป้องกันอาการรุนแรงที่อาจทำให้เสียชีวิตจากปอดอักเสบ การติดเชื้อในกระแสเลือด และเยื่อหุ้มสมองอักเสบได้

วัคซีนมือเท้าปาก เสริมเกราะป้องกันโรคร้ายในเด็กเล็ก

วัคซีนมือเท้าปากช่วยสร้างภูมิคุ้มกันการติดเชื้อมือเท้าปากชนิดรุนแรงสายพันธุ์เอนเทอโรไวรัส EV71 ซึ่งพบได้บ่อยในเด็กเล็กอายุ 6 เดือน – 5 ปี โดยวัคซีนนี้สามารถป้องกันภาวะแทรกซ้อนรุนแรงจากโรคได้

High altitude illness หรือภาวะแพ้ที่สูง ที่นักปีนเขาต้องระวัง !

นักท่องเที่ยวหรือนักปีนเขาที่ต้องปีนขึ้นที่สูง อาจเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายจากภาวะแพ้ที่สูง (High altitude illness) ซึ่งส่งผลให้ขาดออกซิเจน รวมถึงการบาดเจ็บจากความเย็น ที่อาจนำไปสู่การเสียชีวิตได้

วัคซีนโมเดอร์นา (Moderna) วัคซีนทางเลือกที่คนไทยหลายคนกำลังรอคอย

วัคซีนทางเลือกสำหรับคนที่กำลังเปรียบเทียบประสิทธิภาพ ในการป้องกันโควิด 19

วัคซีนทางเลือกโควิด 19 ถ้าต้องเลือกก็ต้องรู้ว่ามีอะไรบ้าง?

ข้อมูลวัคซีนทางเลือกโควิด 19 ในประเทศไทย มีอะไรบ้าง

วัคซีนโควิด 19 ความหวังและทางรอดของคนไทย

ตอบทุกข้อสงสัยเรื่องวัคซีนโควิด 19! มีโรคประจำตัวฉีดได้หรือไม่? ฉีดอย่างไร? ผลข้างเคียงที่ควรรู้!

ผลข้างเคียงวัคซีนโควิด 19 เพื่อเตรียมการรับมือกับการฉีดวัคซีน

ศึกษาเกี่ยวกับอาการ ผลข้างเคียงวัคซีนโควิด-19 เพื่อความปลอดภัยของเรา

วัคซีนมะเร็งปากมดลูก” ฉีดตรงไหน ฉีดกี่เข็ม ตอนไหนบ้าง?

การฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูก และคำถามที่ว่า “วัคซีนมะเร็งปากมดลูก ฉีดกี่เข็ม” คำตอบคือวัคซีนนี้มักต้องฉีด 2-3 เข็ม ขึ้นอยู่กับอายุและประเภทของวัคซีน การฉีดให้ครบตามจำนวนที่กำหนดและในช่วงเวลาที่เหมาะสม จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งปากมดลูกได้

วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า

วัคซีนที่ใช้ป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า เนื่องจากในปัจจุบันเราใช้วัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าชนิดที่ทำจากเซลล์เพาะเลี้ยง (ฉีด 5 ครั้งเท่านั้น) เพราะมีประสิทธิภาพสูงไม่ทำให้เกิดอาการแพ้ต่อระบบประสาท และควรฉีดเซรุ่มร่วมด้วย ถ้าบาดแผลมีเลือดออก ถูกเลียที่ริมฝีปาก น้ำลายกระเด็นเข้าตา สถานเสาวภาใช้โปรกรมการฉีดวัคซีน 2 แบบ คือ แบบปกติฉีดเข้ากล้ามเนื้อ และแบบประหยัดฉีดเข้าชั้นผิวหนัง แต่ละแบบจะได้รับการฉีดวัคซีนทั้งหมด 5 ครั้ง เซรุ่มป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าเป็นอย่างไร เซรุ่มป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าเป็นเซรุ่มส่วนของน้ำใสของเลือดที่ได้จากม้าหรือคนที่ได้รับการฉีดวัคซีน โรคพิษสุนัขบ้า ในเซรุ่มจะมีโปรตีนทำหน้าที่เป็นภูมิคุ้มกันต่อไวรัสโรคพิษสุนัขบ้าในปริมาณที่มาก เซรุ่มจะไปทำลายเชื้อไวรัส ในร่างกายของผู้ที่ถูกสุนัขบ้ากัด โดยการฉีดรอบๆแผลก่อนที่จะก่อโรคและก่อนที่ภูมิต้านทานของร่างกายจะสร้างขึ้น ด้วยเหตุนี้การให้เซรุ่มป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าร่วมกับการฉีดวัคซีนเข็มแรก จึงเป็นวิธีที่จะป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าได้ผลดีที่สุด แต่เซรุ่มป้องกันโรคพิษสุนัขบ้ามีราคาแพงมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ทำมาจากเลือดคน

Copyright © 2024 All Rights Reserved | Praram 9 Hospital