บทความสุขภาพ

Knowledge

ป้องกันปอดอักเสบด้วยวัคซีนปอดอักเสบนิวโมคอคคัส ช่วยลดอัตราการเสียชีวิตได้

พญ. จิตรฟ้า หรูรุ่งโรจน์

โรคปอดอักเสบเป็นโรคที่พบได้ตั้งแต่วัยเด็ก วัยผู้ใหญ่ และวัยสูงอายุ ซึ่งโรคปอดอักเสบมีสาเหตุส่วนใหญ่จากการติดเชื้อ และเชื้อโรคหนึ่งที่เป็นสาเหตุสำคัญของโรคปอดอักเสบคือเชื้อนิวโมคอคคัส ซึ่งเป็นแบคทีเรียชนิดหนึ่ง การติดเชื้อปอดอักเสบจะส่งผลให้การทำงานของระบบหายใจแย่ลง และทำให้เกิดการติดเชื้อในกระแสเลือด และอาจเสียชีวิตได้ในที่สุด


ปัจจุบันมีวัคซีนปอดอักเสบนิวโมคอคคัสที่สามารถป้องการโรคปอดอักเสบจากการติดเชื้อนิวโมคอคคัส ซึ่งจะช่วยป้องกันการเกิดปอดอักเสบและอาการแทรกซ้อนรุนแรงอื่น ๆ ได้


โรคปอดอักเสบคืออะไร?


โรคปอดอักเสบ (pneumonia) หรือที่เรียกกันว่า ปอดบวม คือการอักเสบที่เกิดขึ้นบริเวณเนื้อปอด ถุงลม และเนื้อเยื่อข้างเคียง โดยเชื้อโรคจะเข้าสู่ร่างกายผ่านทางระบบทางเดินหายใจ ซึ่งระดับความรุนแรงของโรคจะแตกต่างกันออกไปตามปัจจัยแวดล้อมหรือความแข็งแรงของสุขภาพของผู้ป่วย



โรคปอดอักเสบ เกิดจากอะไร?


สาเหตุของปอดอักเสบติดเชื้อเกิดได้ทั้งจากเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัส มักพบได้บ่อยในเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีภาวะภูมิต้านทานต่ำ ซึ่งบางครั้งปอดอักเสบติดเชื้อรุนแรงอาจนำไปสู่ภาวะการหายใจล้มเหลว จนกระทั้งเสียชีวิตได้


เชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุสำคัญของโรคปอดบวมที่สามารถป้องกันได้คือ เชื้อนิวโมคอคคัส (Streptococcus pneumoiae) และเชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุสำคัญของโรคปอดบวมที่สามารถป้องกันได้คือ เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ (influenza virus)



โรคปอดอักเสบมีอาการอย่างไรบ้าง?


  • มีไข้
  • ไอมีเสมหะ
  • หนาวสั่น
  • เจ็บหน้าอกขณะหายใจหรือไอ
  • หายใจลำบาก
  • อ่อนเพลีย
  • คลื่นไส้ อาเจียน หรือท้องเสีย
  • ในผู้สูงอายุอาจมีอาการซึม สับสน อุณหภูมิกายต่ำกว่าปกติ
  • ในเด็กเล็กอาจมีอาการซึม อาเจียน ท้องอืด ไม่ดูดนมหรือน้ำ


โรคปอดอักเสบจากเชื้อนิวโมคอคคัสคืออะไร?


โรคปอดอักเสบจากเชื้อนิวโมคอคคัส เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียสเตรปโตคอคคัสนิวโมเนียอี (Streptococcus pneumoniae) ส่วนใหญ่จะพบอยู่ในโพรงจมูกและลำคอ สามารถแพร่กระจายผ่านการสัมผัสสารคัดหลั่งทางละอองฝอยทางการไอหรือจาม



เชื้อนิวโมคอคคัสอันตรายอย่างไร?


จากการเก็บข้อมูลสายพันธุ์เชื้อแบคทีเรียสเตรปโตคอคคัสนิวโมเนียอีในประเทศพบว่ามี 5 สายพันธุ์ที่พบบ่อยในประเทศไทย ซึ่งเชื้อนิวโมคอคคัสนี้นอกจากจะทำให้เกิดอาการปอดอักเสบแล้ว ยังสามารถทำให้เกิดการอักเสบของหูชั้นกลาง (จากเชื้อชนิดไม่รุนแรง: non-invasive pneumococcal disease) และ การติดเชื้อในกระแสเลือด และภาวะเยื่อหุ้มสมองอักเสบ (จากเชื้อชนิดรุนแรง: invasive pneumococcal disease) ซึ่งอาการที่พบได้มีตั้งแต่มีไข้ หายใจหอบเหนื่อย ง่วงซึม สับสน เจ็บหู ปวดศีรษะ คอแข็ง ชักเกร็ง หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีจะทำให้อัตราการเสียชีวิตสูงถึง 10-30 %



ใครบ้างเสี่ยงติดเชื้อนิวโมคอคคัส?


กลุ่มคนที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้แก่


  1. ผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป
  2. ผู้ป่วยโรคเรื้อรังหรือผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคตับแข็ง โรคไตวายเรื้อรัง โรคมะเร็ง
  3. ผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง ต้องได้รับการรักษาด้วยยากดภูมิหรือยาสเตียรอยด์ในระดับที่สูง เช่น ผู้ป่วย HIV ผู้ป่วยปลูกถ่ายอวัยวะหรือไขกระดูก
  4. ผู้ที่มีการทำงานของม้ามผิดปกติหรือผ่าตัดม้ามออก
  5. ผู้ที่มีภาวะน้ำในช่องไขสันหลังรั่วซึม (cerebrospinal leakage)

เนื่องจากกลุ่มคนดังกล่าวมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อนิวโมคอคคัส การได้รับวัคซีนป้องกันที่เหมาะสมจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้



วัคซีนปอดอักเสบนิวโมคอคคัสมีกี่ชนิด?


ปัจจุบันในประเทศไทยวัคซีนปอดอักเสบนิวโมคอคคัส 2 ชนิด ได้แก่


1.วัคซีนปอดอักเสบ 13 สายพันธุ์ (PCV13)


วัคซีนปอดอักเสบชนิดนี้จะกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันได้ดีในเด็กที่มีอายุน้อยกว่า 2 ปี สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ตลอดชีวิต และยังป้องกันการเกิดโรคนิวโมคอคคัสชนิดไม่รุนแรงในกลุ่มผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไปได้ถึง 75% นอกจากนี้ยังลดความรุนแรงของปอดอักเสบนิวโมคอคคัสได้กว่า 70%


2.วัคซีนปอดอักเสบ 23 สายพันธุ์ (PPSV23)


วัคซีนปอดอักเสบชนิดนี้สามารถป้องกันสายพันธุ์ที่ก่อให้เกิดโรคนิวโมคอคคัสชนิดรุนแรงได้ถึงเกือบ 90% โดยมีประสิทธิภาพดีในผู้ใหญ่ที่อายุ 20 ปีขึ้นไป สามารถลดความรุนแรงของโรคปอดอักเสบได้ แต่วัคซีนปอดอักเสบชนิดนี้มีข้อจำกัดในการกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันในเด็กที่อายุน้อย เพราะไม่สามารถป้องกันโรคนิวโมคอคคัสชนิดรุนแรงในเด็กที่มีอายุน้อยกว่า 2 ปีได้ และยังไม่สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ตลอดชีวิต


คำแนะนำในการฉีดวัคซีนปอดอักเสบนิวโมคอคคัส


เนื่องด้วยวัคซีนปอดอักเสบนิวโมคอคคัสปัจจุบันมี 2 ชนิด ดังนั้นคำแนะนำในการฉีดจึงแตกต่างกันออกไป คือ


  • ในกลุ่มอายุ 18-64 ปี ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง และผู้ที่มีโรคไตวายเรื้อรังระดับ 4 เป็นต้นไป แนะนำให้ฉีดวัคซีนปอดอักเสบ 13 สายพันธุ์ก่อน แล้วตามด้วยวัคซีนปอดอักเสบ 23 สายพันธุ์ ห่างกันอย่างน้อย 2 เดือน
  • ในกลุ่มอายุ 18-64 ปี ที่มีโรคประจำตัวหรือโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน หัวใจ ปอดเรื้อรัง และผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไปที่แข็งแรงดี แนะนำให้ฉีดวัคซีนปอดอักเสบ 13 สายพันธุ์ก่อน แล้วจึงตามด้วยวัคซีนปอดอักเสบ 23 สายพันธุ์ ห่างกันอย่างน้อย 1 ปี


ผลข้างเคียงของวัคซีนปอดอักเสบนิวโมคอคคัส


อาการข้างเคียงส่วนใหญ่มักไม่รุนแรง สามารถหายได้เองในระยะเวลา 2-3 วัน เช่น อาการบวมแดงบริเวณที่ฉีด มีไข้ต่ำ ๆ ง่วงนอน ซึม เบื่ออาหาร หงุดหงิด นอนไม่หลับ ซึ่งอาการเหล่านี้แตกต่างออกไปในแต่ละบุคคล



สรุป


การติดเชื้อนิวโมคอคคัส ทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยที่ไม่พึงประสงค์ แม้ว่าในชนิดที่ไม่รุนแรง อาจจะไม่ทำให้เกิดอาการที่รุนแรงอันตราย แต่อย่างไรก็ตามก็ส่งผลต่อสุขภาพโดยตรง และยิ่งถ้าเป็นชนิดที่รุนแรงที่สามารถทำให้เกิดอาการรุนแรงต่าง ๆ เช่น ปอดอักเสบ ติดเชื้อในกระแสเลือด เยื่อหุ้มสมองอักเสบ หรืออาจทำให้เสียชีวิตได้ ก็จะยิ่งอันตรายและส่งผลต่อสุขภาพร่างกายมากขึ้น ดังนั้นการได้รับวัคซีนป้องกันจึงเป็นเรื่องที่ควรให้ความสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีโรคประจำตัว ซึ่งระบบภูมิคุ้มกันอาจไม่แข็งแรง ก็จะยิ่งมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อและมีอาการรุนแรงได้มากกว่าผู้ที่ภูมิคุ้มกันปกติ



ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญกับ Praram 9 V ปรึกษาแพทย์ได้ทุกที่ผ่านทางวิดีโอคอล (Telemedicine)

เกี่ยวกับผู้เขียนบทความ

บทความที่เกี่ยวข้อง (10)

ดูทั้งหมด

คำแนะนำการป้องกันมาลาเรียสำหรับนักเดินทาง

โรคมาลาเรียเป็นโรคที่เกิดจากโปรโตซัว Plasmodium นำโดยยุงก้นปล่อง มีทั้งหมด 5 สายพันธุ์ สายพันธ์ุที่รุนแรงคือ Plasmodium falciparum ซึ่งเป็นสายพันธุ์หลักในทวีปแอฟริกา ทำให้เกิดการติดเชื้อรุนแรง อวัยวะต่างๆล้มเหลว ติดเชื้อขึ้นสมอง โคม่า ชัก และเสียชีวิตได้ หากได้รับการรักษาที่ล่าช้า

ไส้เลื่อน ใครก็เป็นได้ อันตรายที่ต้องรักษาก่อนเกิดภาวะแทรกซ้อน

ไส้เลื่อน คือภาวะที่ลำไส้เลื่อนหรือดันออกมาจากช่องท้อง สามารถสังเกตเห็นก้อนนูนออกมาตามขาหนีบ หน้าท้อง สะดือ หากไม่รักษาอาจเกิดอันตรายจากอาการแทรกซ้อนได้

รู้ทันต้อหิน โรคร้ายทำลายการมองเห็น รีบรักษาก่อนสายเกินแก้

ต้อหิน (Glaucoma) คือโรคตาที่มีสาเหตุจากขั้วประสาทตาเสื่อม ผู้ป่วยจะมีอาการปวดหัวปวดตา กระจกตาขุ่น การมองเห็นแย่ลง และค่อย ๆ สูญเสียการมองเห็นไปในที่สุด

Hypothyroidism คืออะไร? รู้ทันสาเหตุ อาการ และวิธีรักษา

Hypothyroidism คือ ภาวะพร่องฮอร์โมนไทรอยด์ หรือฮอร์โมนไทรอยด์ทำงานต่ำ ทำให้ระดับการเผาผลาญพลังงานลดลง และนำมาสู่การทำงานของระบบต่าง ๆ ผิดปกติ

รู้ทันอาการน้ำในหูไม่เท่ากัน ใครเวียนหัว บ้านหมุนบ่อยต้องระวัง

โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน เป็นความผิดปกติของระบบน้ำในหูชั้นใน ซึ่งสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ ทำให้ผู้ป่วยมีอาการ เวียนหัว บ้านหมุน ทรงตัวไม่อยู่ และการได้ยินผิดปกติ

หายใจไม่อิ่ม หายใจลำบาก สัญญาณอันตรายที่คุณไม่ควรมองข้าม

หายใจไม่อิ่ม เป็นอาการที่หลายคนเผชิญ อาจมีอาการแน่นหน้าอก หายใจไม่เต็มปอด หายใจลำบาก หัวใจเต้นเร็ว เหนื่อยง่าย บทนี้ความจะพาไปดูสาเหตุของอาการเหล่านี้กัน

ภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน อันตรายถึงชีวิตแบบไร้สัญญาณเตือน

หัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน (Sudden Cardiac Arrest) คือ ภาวะที่หัวใจหยุดทำงานกะทันหัน ทำให้หมดสติและเสียชีวิตในไม่กี่นาที จึงเป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องรับการรักษาทันที

อาการปวดเข่าคืออะไร มีวิธีป้องกันข้อเข่ามีอะไรบ้าง?

อาการปวดเข่าเป็นอาการที่เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ข้อเข่าเสื่อม และส่งผลต่อชีวิตประจำวันได้ การรู้ถึงสาเหตุ วิธีป้องกัน และการรักษาอาการปวดเข่าจึงเป็นเรื่องสำคัญ

EST คืออะไร? การตรวจสมรรถภาพหัวใจ Exercise Stress Test

EST (Exercise Stress Test) คือ การออกกำลังกายตรวจสมรรถภาพหัวใจ เป็นวิธีวินิจฉัยสุขภาพหัวใจเพื่อทำการรักษาต่อไป EST มีขั้นตอนอย่างไรบ้าง? บทความนี้มีคำตอบ

ภาวะข้อไหล่หลุดคืออะไร รู้สาเหตุ อาการ และวิธีรักษาให้หายดี

ภาวะข้อไหล่หลุดคืออาการที่พบได้บ่อยในคนที่ใช้แรงเยอะ ๆ หรือเคยไหล่หลุดมาก่อน มาดูกันว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้ไหล่หลุดได้บ้าง และจะต้องดูแลรักษาตัวอย่างไ

Copyright © 2024 All Rights Reserved | Praram 9 Hospital