ไตวายเฉียบพลัน คือ ภาวะที่ไตสูญเสียความสามารถในการทำงานอย่างฉับพลัน ซึ่งเป็นหนึ่งในอาการไตวาย เกิดขึ้นได้แบบไม่ทันตั้งตัว และอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ภาวะไตวายเฉียบพลันส่งผลต่อการขจัดของเสียและการรักษาสมดุลน้ำในร่างกาย ทำให้ผู้ป่วยโรคไตวายเฉียบพลันมีอาการค่อนข้างรุนแรงและชัดเจนมาก เช่น ปัสสาวะลดลง, บวม, เหนื่อยล้า และอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรง เราจึงควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับอาการไตวายเฉียบพลันเพื่อให้สามารถรักษาได้อย่างทันท่วงที
Key Takeaways
- ไตวายเฉียบพลัน คือภาวะที่ไตสูญเสียการทำงานอย่างรวดเร็วและต้องได้รับการรักษาโดยทันที เพื่อไม่ให้เสี่ยงต่ออาการแทรกซ้อนอื่น ๆ ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อชีวิต
 - สาเหตุไตวายเฉียบพลัน มีหลายปัจจัย เช่น เกิดจากภาวะขาดน้ำ ความดันโลหิตต่ำ มีการติดเชื้อรุนแรงในร่างกาย หรือจากการได้รับสารพิษ เป็นต้น
 - อาการไตวายเฉียบพลันที่มักสังเกตเห็นได้ชัด คือ ผู้ป่วยจะปัสสาวะน้อยลง มีอาการตัวบวม ร่างกายอ่อนเพลีย และมีอาการหายใจลำบาก
 - ไตวายเฉียบพลัน วิธีรักษาจะขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ทำให้เป็นไตวายเฉียบพลัน โดยเบื้องต้นจะมีการให้น้ำเกลือเพื่อปรับสมดุลเกลือแร่ในร่างกาย ไปจนถึงการฟอกไต
 - ไตวายเฉียบพลันสามารถป้องกันได้ด้วยการดูแลร่างกายให้ดี ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการ หลีกเลี่ยงการใช้ยาหรือการรับสารที่เป็นพิษต่อไต และหมั่นตรวจสุขภาพเป็นประจำเพื่อเฝ้าระวังปัจจัยเสี่ยงที่อาจนำไปสู่อาการไตวายเฉียบพลัน
 
ไตวายเฉียบพลันคืออะไร มีประเภทใดบ้าง?
ไตวายเฉียบพลัน (Acute Kidney Injury: AKI) คือ ภาวะที่การทำงานของไตลดลงอย่างฉับพลัน ทำให้ไตไม่สามารถกรองของเสียและควบคุมสมดุลของเหลวในร่างกายได้ตามปกติ อาการไตวายเฉียบพลันนั้นจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วภายในไม่กี่ชั่วโมงหรือไม่กี่วันเท่านั้น และหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ก็อาจนำไปสู่ภาวะไตวายเรื้อรังหรือเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ โดยภาวะไตวายเฉียบพลันสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่
- ไตวายเฉียบพลันจากเลือดเลี้ยงไตไม่เพียงพอ (Prerenal Acute Kidney Failure) เกิดจากการไหลเวียนเลือดไปยังไตทำงานได้น้อยลง มีสาเหตุเช่น ภาวะขาดน้ำอย่างรุนแรง (Dehydration), ความดันโลหิตต่ำ, ภาวะช็อกจากการขาดน้ำหรือเสียเลือดมาก, เป็นโรคหัวใจล้มเหลว, เป็นตับแข็ง, โรคไตเนโฟรติก (Nephrotic syndrome) หรือการใช้ยาบางชนิด
 - ไตวายเฉียบพลันจากพยาธิสภาพที่ไต (Intrinsic Acute Kidney Failure) เกิดจากการที่โครงสร้างภายในหรือเนื้อเยื่อในไตได้รับความเสียหาย มีสาเหตุเช่น ไตอักเสบ, ได้รับสารพิษที่ทำร้ายไต, การใช้ยาบางชนิด หรือการติดเชื้อรุนแรงในไต เป็นต้น
 - ไตวายเฉียบพลันจากการอุดตันของทางเดินปัสสาวะ (Postrenal Acute Kidney Failure) เกิดจากการที่ทางเดินปัสสาวะบางส่วนอุดตัน มีสาเหตุเช่น เป็นนิ่วในทางเดินปัสสาวะ, มะเร็งต่อมลูกหมาก, ต่อมลูกหมากโต หรือมีการอุดตันที่ท่อไตทั้งสองข้างหรือข้างเดียว
 
สาเหตุไตวายเฉียบพลัน รู้ไว้ก่อนสายเกินแก้

ไตวายเฉียบพลันมักเกิดขึ้นได้แบบไม่ทันตั้งตัวและส่งผลกระทบต่อร่างกายอย่างรุนแรง โดยขึ้นอยู่กับปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อไตทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยสามารถแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ สาเหตุจากระบบหัวใจและการไหลเวียนเลือด และสาเหตุจากความเสียหายของไต สามารถแยกย่อยเป็นข้อต่าง ๆ ดังนี้
สาเหตุจากระบบหัวใจและการไหลเวียนเลือด ได้แก่
- เกิดภาวะขาดน้ำ (Dehydration) จากการเสียของเหลวในร่างกายมากเกินไป กรณีเดียวกับการเสียเลือดมาก
 - มีการติดเชื้ออย่างรุนแรงในร่างกาย เช่น ภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด (Sepsis หรือ Septic Shock)  หรือการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 (COVID-19)
 - ความดันโลหิตต่ำเกินไป ไม่ว่าจะเป็นจากการเสียเลือด ขาดสารน้ำ ใช้ยาลดความดันโลหิตหรือโรคประจำตัว 
 - เป็นโรคหัวใจ ซึ่งส่งผลให้เสี่ยงต่อการเกิดอาการไตวายเฉียบพลัน เช่น ภาวะหัวใจล้มเหลว หรือภาวะหัวใจขาดเลือด
 
สาเหตุจากความเสียหายของไต ได้แก่
- เป็นนิ่วในไตหรือเกิดการอุดตันในทางเกินปัสสาวะ ทำให้ระบบไหลเวียนภายในไตเกิดการติดขัดหรืออักเสบ
 - ไขมันในเลือดสูง ทำให้เกิดการอุดตันภายในหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงไต
 - ภาวะตับวาย หรือโรคตับแข็ง ซึ่งมีส่วนให้ไตสูญเสียความสามารถในการทำงาน
 - มีการใช้ยาบางชนิด ส่งผลให้การไหลเวียนเลือดไปยังไตน้อยลง ทำลายเนื้อเยื่อของไต หรือกระตุ้นการตอบสนองของภูมิคุ้มกันทำให้ไตเสียสมดุล เช่น ยาเคมีบำบัด, ยาปฏิชีวนะบางชนิด หรือยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs อย่างไอบูโพรเฟน, แอสไพริน หรือนาพรอกเซน เป็นต้น
 - เป็นโรคไตอักเสบ (Glomerulonephritis) ทำให้ไตไม่สามารถกรองของเสียได้ตามปกติ
 - เป็นโรคแพ้ภูมิตัวเอง (Lupus) มีความเสี่ยงเกิดโรคไตอักเสบ อันจะนำไปสู่ภาวะไตวายเฉียบพลัน
 - มีพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของไต เช่น ดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ เสพสารเสพติดเป็นประจำ ฯลฯ
 
นอกจากนี้ ไตวายเฉียบพลันอาจมีสาเหตุมาจากโรคอื่น ๆ ที่ส่งผลให้หลอดเลือดได้รับความเสียหายหรืออักเสบ เช่น โรคผิวหนังแข็ง (Scleroderma), โรค TTP หรือ Thrombotic Thrombocytopenic Purpura, กลุ่มอาการฮีโมไลติกยูรีมิก (Hemolytic Uremic Syndrome), ภาวะกล้ามเนื้อสลาย (Rhabdomyolysis), ภาวะการตายของเซลล์มะเร็ง (Tumor Lysis Syndrome), ต่อมลูกหมากโต, มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ, มะเร็งปากมดลูก หรือมะเร็งลำไส้ใหญ่ เป็นต้น
อาการเตือนของภาวะไตวายเฉียบพลัน
ภาวะไตวายเฉียบพลันทำให้ร่างกายไม่สามารถขจัดของเสียและรักษาสมดุลของเหลวได้อย่างเหมาะสม ซึ่งในบางกรณีอาจไม่สามารถจำแนกได้ว่าอาการดังกล่าวเกิดจากไตวายเฉียบพลันหรือไม่ ดังนั้นจึงอาจพิจารณาจากสัญญาณเตือนหลัก ๆ ได้ดังนี้
- ปริมาณปัสสาวะน้อยกว่า 400 ซีซีต่อวัน หรือในบางรายอาจไม่มีปัสสาวะเลย
 - มีอาการบวมที่แขน, ขา, เท้า, ข้อเท้า หรือบริเวณอื่น ๆ เนื่องจากการสะสมของเหลวในร่างกาย
 - รู้สึกอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย หรือมีอาการง่วงนอนตลอดเวลา
 - มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร หรือสูญเสียความสามารถในการรับรส
 - รู้สึกหายใจลำบากหรือหอบเหนื่อย เนื่องจากการสะสมน้ำในปอด
 - มีอาการสับสน ไม่มีสติ หรือประสิทธิภาพในการทำงานต่ำลง
 - มีอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ เจ็บหน้าอก หรือรู้สึกถึงแรงกดดันที่หน้าอก
 - รู้สึกเจ็บบริเวณหน้าท้องหรือหน้าท้องด้านข้าง ใกล้กับซี่โครง (สีข้าง)
 - อาจมีอาการชักหรือเข้าสู่ภาวะโคม่า เฉพาะในรายที่มีอาการรุนแรงมาก
 - ความดันโลหิตสูงขึ้น
 
เช็กวิธีรักษาโรคไตเบื้องต้น
ภาวะไตวายเฉียบพลันเป็นภาวะที่ต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนและช่วยให้ไตกลับมาทำงานได้ตามปกติ โดยไตวายเฉียบพลันจะมีแนวทางการรักษาสอดคล้องกับวิธีรักษาโรคไตเบื้องต้น โดยรายละเอียดจะขึ้นอยู่กับสาเหตุของอาการและความรุนแรงของภาวะไตวายเฉียบพลัน ซึ่งต้องผ่านการวินิจฉัยของแพทย์ด้วย 
- หยุดการใช้ยาที่อาจมีผลต่อการเกิดโรคไตวายเฉียบพลัน 
เนื่องจากบางกรณีไตวายเฉียบพลันอาจเกิดจากผลข้างเคียงของยา เช่น ยาต้านการอักเสบ NSAIDs หรือยาลดความดันบางชนิด แพทย์อาจปรับลดหรือหยุดยาเหล่านี้ชั่วคราว เพื่อไม่ให้เกิดไตวายเฉียบพลันรุนแรง - ดูแลรักษาโรคที่เป็นสาเหตุไตวายเฉียบพลัน 
โดยหากเกิดจากการขาดน้ำหรือสูญเสียเลือด แพทย์จะทำการให้สารน้ำหรือเลือดเพิ่มเติม แต่หากเกิดจากภาวะติดเชื้อรุนแรงหรือภาวะช็อก อาจต้องให้ยาปฏิชีวนะหรือยากระตุ้นความดันโลหิตแทน เป็นต้น - ควบคุมระดับเกลือแร่และของเสียในเลือด 
ในกรณีที่ไตไม่สามารถขับของเสียออกจากร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาจต้องจำกัดการบริโภคอาหารที่มีโพแทสเซียม ฟอสฟอรัส และโซเดียมสูง เช่น กล้วย ผักใบเขียว และอาหารรสเค็ม เพื่อไม่ให้เสียสมดุลเกลือแร่ในร่างกาย - เข้ารับฟอกไต (Dialysis) ในกรณีฉุกเฉิน 
หากภาวะไตวายเฉียบพลันรุนแรงจนระดับของเสียในร่างกายสูงผิดปกติ หรือมีภาวะแทรกซ้อน เช่น น้ำท่วมปอดหรือโพแทสเซียมสูงจนเป็นอันตราย แพทย์อาจพิจารณาฟอกไตเพื่อไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงจนถึงขั้นเป็นอันตรายต่อชีวิต 
วิธีป้องกันภาวะไตวายเฉียบพลัน 

แม้ว่าจะไม่สามารถป้องกันไตวายเฉียบพลันได้ทุกกรณี แต่เราสามารถลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะไตวายเฉียบพลันได้โดยการดูแลสุขภาพไตให้แข็งแรงและลดปัจจัยเสี่ยงได้ มาดูกันว่ามีข้อควรปฏิบัติอย่างไรบ้าง
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ : โดยเฉพาะในวันที่อากาศร้อน หรือหากมีอาการท้องเสีย อาเจียน ควรดื่มน้ำเยอะ ๆ เพื่อชดเชยการสูญเสียน้ำ ข้อนี้สำคัญอย่างยิ่ง เพราะภาวะขาดน้ำเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญของไตวายเฉียบพลัน
 - ดูแลและควบคุมโรคประจำตัวให้ดี : โดยเฉพาะโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง อันเป็นปัจจัยเสี่ยงที่อาจนำไปสู่ภาวะไตเสื่อมและไตวาย 
 - ระวังการใช้ยาอย่างรอบคอบ : โดยเฉพาะยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs ที่อาจมีผลกระทบต่อการไหลเวียนของเลือดไปยังไต หากต้องการใช้ยาควรปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ
 - ระวังไม่ให้ร่างกายเกิดการติดเชื้อรุนแรง : โดยเฉพาะการติดเชื้อในกระแสเลือด ซึ่งส่งผลกระทบอย่างรุนแรงจนทำให้เกิดไตวายเฉียบพลันได้ 
 - ระมัดระวังอุบัติเหตุอยู่เสมอ : เนื่องจากการเกิดอุบัติเหตุต่าง ๆ อาจมีโอกาสที่เราจะเสียเลือดในปริมาณมาก ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุไตวายเฉียบพลันเช่นกัน
 - ตรวจสุขภาพไตเป็นประจำทุกปี : โดยเฉพาะหากคุณมีความเสี่ยงต่อโรคไต, เป็นเบาหวาน, ความดันโลหิตสูง หรือเป็นผู้สูงอายุ ควรหมั่นสังเกตตัวเองและเข้ารับการตรวจสุขภาพเสมอ เพื่อตรวจหาความผิดปกติได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น
 
ไตวายเฉียบพลันคืออะไร? ตอบประเด็นสำคัญเกี่ยวกับภาวะไตวายเฉียบพลันที่คุณควรรู้
ไตวายเฉียบพลัน (Acute Kidney Injury: AKI) เป็นภาวะที่ไตสูญเสียความสามารถในการกรองของเสียจากเลือดอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ของเสียและสารพิษสะสมในร่างกาย อาจทำให้เกิดอาการรุนแรงและเป็นอันตรายถึงชีวิตหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที โดยสาเหตุไตวายเฉียบพลันมีหลายปัจจัย เช่น การไหลเวียนของเลือดไปเลี้ยงไตลดลง การอักเสบหรือความเสียหายของไตโดยตรง และการอุดตันของระบบทางเดินปัสสาวะ
อาการเตือนของภาวะไตวายเฉียบพลันมักสังเกตได้จากปัสสาวะที่ลดลง อาการบวมตามร่างกาย อาการอ่อนเพลีย คลื่นไส้ วิงเวียน หรือในบางกรณีอาจหายใจลำบาก ซึ่งถึงแม้ว่าภาวะไตวายเฉียบพลันจะเป็นภาวะที่อันตราย แต่สามารถป้องกันได้โดยการดูแลสุขภาพไตให้แข็งแรง หลีกเลี่ยงการใช้ยาบางชนิดโดยไม่ผ่านการพิจารณาจากแพทย์ ดูแลควบคุมอาการของโรคประจำตัวอย่างเคร่งครัด ดื่มน้ำให้เพียงพอ และหมั่นตรวจสุขภาพไตเป็นประจำ การใส่ใจดูแลสุขภาพตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยลดความเสี่ยงของภาวะไตวายเฉียบพลันและปกป้องการทำงานของไตให้มีประสิทธิภาพในระยะยาว
วิธีรักษาไตวายเฉียบพลันเองก็ขึ้นอยู่กับสาเหตุ เช่น การให้สารน้ำเพื่อเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังไต การปรับเปลี่ยนหรือหยุดใช้ยาที่อาจส่งผลต่อไต รวมถึงการควบคุมระดับเกลือแร่ในร่างกาย และในบางกรณีที่อาการรุนแรง อาจจำเป็นต้องได้รับการฟอกไต เพื่อให้ไตขจัดของเสียออกจากร่างกายได้ตามปกติ แต่หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับอาการหรือแนวทางการดูแลไต สามารถขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากแพทย์หรือสถาบันโรคไต เพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมและป้องกันภาวะไตวายเฉียบพลันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับไตวายเฉียบพลัน
1. ไตวายเฉียบพลันสามารถเกิดภาวะแทรกซ้อนใดบ้าง?
ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นหลังไตวายเฉียบพลัน ได้แก่ ภาวะน้ำเกินหรือภาวะบวมน้ำ (Hypervolemia), ภาวะโพแทสเซียมในเลือดสูง (Hyperkalemia), ภาวะผิดปกติในดุลย์กรด-ด่างของสารน้ำในร่างกาย (Metabolic Acidosis), ภาวะโลหิตจาง (Anemia), ภาวะไตวายเรื้อรัง (Chronic Kidney Disease: CKD) หรือภาวะเลือดออกผิดปกติ (Bleeding Disorders) เป็นต้น
2. ภาวะไตวายเฉียบพลันรักษาหายไหม?
หากได้รับการรักษาที่เหมาะสมและทันเวลา ไตสามารถฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติได้ อย่างไรก็ตาม ในบางกรณีที่รุนแรงหรือรักษาล่าช้า อาจทำให้เกิดภาวะไตวายเรื้อรังหรือภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ตามมา
3. ใครบ้างที่มีความเสี่ยงต่อภาวะไตวายเฉียบพลัน?
ผู้ที่มีความเสี่ยงสูง ได้แก่ ผู้สูงอายุ, ผู้ป่วยโรคเบาหวาน, โรคความดันโลหิตสูง, โรคหัวใจ, ผู้ที่มีภาวะขาดน้ำรุนแรง หรือผู้ที่ใช้ยาบางชนิดที่มีผลต่อไต เช่น NSAIDs และยาปฏิชีวนะบางประเภท
References
NKF Patient Education Team. (2024, February 26). Acute Kidney Injury (AKI). National Kidney Foundation. https://www.kidney.org/kidney-topics/acute-kidney-injury-aki 
Acute kidney injury. (2024, July 10). Mayo Clinic. https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/kidney-failure/symptoms-causes/syc-20369048 
Acute kidney injury. (2022, September 8). National Health Service. https://www.nhs.uk/conditions/acute-kidney-injury/ 
Smith, T. (n.d.). Acute Kidney Injury (AKI). Kidney Research UK. https://www.kidneyresearchuk.org/conditions-symptoms/acute-kidney-injury/