บทความสุขภาพ

Knowledge

เตรียมตัวอย่างไร เมื่อต้องผ่าตัดต้อกระจก

พญ. ชญาตา เหลี่ยมศิริเจริญ

ต้อกระจก คือ ภาวะเลนส์ตาขุ่น ทำให้การมองเห็นภาพมัวลง สามารถรักษาได้โดยผ่าตัดเอาเลนส์ตาที่ขุ่นออกและใส่เลนส์แก้วตาเทียมเข้าไปแทน


การผ่าตัดต้อกระจก สามารถทำได้ 2 วิธี


  1. การผ่าตัดเปิดแผลใหญ่ เป็นวิธีดั่งเดิม โดยเปิดแผลกว้างประมาณ 12-13 มม. เพื่อเอาเลนส์ที่ขุ่นออก และใส่เลนส์ตาเทียมเข้าไป จากนั้นจึงเย็บปิดแผล ระยะเวลาพักฟื้น 4-6 สัปดาห์ จึงจะมองเห็นชัด
  2. การผ่าตัดสลายต้อกระจกด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง เป็นการผ่าตัดแบบใหม่ ซึ่งจะเปิดแผลเล็กๆที่กระจก ประมาณ 3 มม. ใช้เครื่องมือสลายและดูดต้อกระจกออก และใส่เลนส์ตาเทียม โดยไม่ต้องมีการเย็บปิดแผล วิธีนี้สามารถกลับมาใช้สายตาได้ภายใน 2-3 วัน

***เมื่อแพทย์ตรวจพบว่า ผู้ป่วยเป็นต้อกระจก จะส่งผู้ป่วยไปขยายม่านตา เพื่อตรวจจอปรสาทตา ถ้าจอประสาทตาปกติ จึงพิจารณาเลือกวิธีการผ่าตัด


cataract-surgery-1.jpg

การเตรียมตัวก่อนการผ่าตัด


  1. ฝึกนอนหงาย โดยมีผ้าคลุมบริเวณใบหน้า นานประมาณ 20-30 นาที เพื่อให้หายใจใต้ผ้าคลุมจนชิน เนื่องจากตอนผ่าตัดผู้ป่วยจะต้องนอนคลุมผ้าในลักษณะคล้ายกัน
  2. ในวันผ่าตัด อาบน้ำสระผม ล้างหน้า ก่อนมาโรงพยาบาล
  3. งดแป้ง ครีม หรือแต่งหน้า
  4. รับประทานอาหารเช้าและยาโรคประจำตัวตามปกติ ยกเว้น ยาที่แพทย์สั่งให้งด เช่น แอสไพริน หรือ ยาละลายลิ่มเลือด
  5. ถอดของมีค่า เครื่องประดับ ฟันปลอมหากมีอาหารผิดปกติเกิดขึ้น เช่น ตาแดง เคืองตา มีขี้ตา หรือเป็นหวัด ไอ จาม กรุณาแจ้งแพทย์ หรือพยายาล เพื่อรักษาให้หายก่อนเข้ารับการผ่าตัด
  6. ในวันผ่าตัด ควรมีญาติหรือเพื่อนมาด้วยอย่างน้อย 1 คน เนื่องจากผู้ป่วยจะต้องปิดตาข้างที่ผ่าตัดกลับบ้าน

การปฏิบัติตัวหลังการผ่าตัดต้อกระจก


  1. ขณะตื่น สวมแว่นกันแดดหรือแว่นสายตาตลอดเวลา เพื่อป้องกันอุบัติเหตุกระทบกระแทก หากไม่มีให้ครอบตาด้วยฝาครอบตาที่ รพ.จัดให้
  2. ขณะนอนหลับ ให้ใช้ฝาครอบตาก่อนเข้านอนทุกคืน เพื่อป้องกันการขยี้ตาโดยไม่รู้สึกตัว
  3. ควรนอนหงายเป็นหลัก แต่สามารถนอนตะแคงได้โดยเอาตาข้างที่ผ่าตัดขึ้นด้านบน
  4. อ่านหนังสือและดูโทรทัศน์ได้ ควรหยุดพักเมื่อรู้สึกแสบตา
  5. สามารถทำกิจวัตรประจำวันเบาๆได้ เช่น เดินเล่น หรือ ไปทานอาหารนอกบ้าน แต่ไม่ควรก้มศีรษะต่ำกว่าเอว
  6. ไม่ควรยกของหนัก หลีกเลี่ยงการไอ จาม เบ่งอย่างรุนแรง ห้ามขยี้ตา และระวังการลื่นหกล้ม
  7. อาบน้ำได้ โดยไม่ให้น้ำเข้าตา การสระผมควรนอนสระที่ร้าน หรือให้ผู้อื่นสระให้ เพื่อใม่ให้น้ำไหลเข้าตา
  8. สามารถแปรงฟัน และล้างใบหน้าครึ่งล่างได้ โดยไม่ควรให้น้ำกระเด็นเข้าตา
  9. ทำความสะอาดบริเวณเปลือกตาและใบหน้า โดยใช้สำลีหรือผ้าสะอาดชุบน้ำ เช็ดหน้าและเปลือกตาจากหัวตาไปหางตา
  10. หลีกเลี่ยงการทำสวน รดน้ำ พรวนดิน ทำความสะอาดบ้าน ทำอาหารที่มีไอหรือควัน 7 วัน
  11. หยอดยาตามแพทย์สั่ง และมาพบแพทย์ตามนัดทุกครั้ง
  12. ปฏิบัติตัวดังกล่าวเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 4 สัปดาห์ หลังผ่าตัดต้อกระจก
  13. อาหารผิดปกติที่ต้องมาพบแพทย์ด่วน คือ
    1. ปวดตา เคืองตามาก หนังตาบวม ตาแดง ตาบวมมากขึ้น
    2. ขี้ตามากขึ้น มีสีเหลืองหรือสีเขียว
    3. ตามัวลง
    4. ถูกกระแทกบริเวณข้างที่ผ่าตัดย

เกี่ยวกับผู้เขียนบทความ

พญ. ชญาตา เหลี่ยมศิริเจริญ

พญ. ชญาตา เหลี่ยมศิริเจริญ

ศูนย์จักษุ

บทความที่เกี่ยวข้อง (7)

ดูทั้งหมด

เบาหวานขึ้นตา (diabetic retinopathy) รู้เร็ว รักษาได้ ลดเสี่ยงตาบอด

เบาหวานขึ้นตา (diabetic retinopathy) เป็นภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน ซึ่งอาจทำให้สูญเสียการมองเห็น และทำให้เกิดโรคต้อหิน ต้อกระจก จอประสาทตาลอก การติดเชื้อในดวงตา การรักษาระดับน้ำตาลในเลือด และการตรวจสุขภาพตาช่วยลดความเสี่ยงการสูญเสียการมองเห็นได้

ภาวะตาแห้งรู้ก่อนป้องกันได้

ภาวะตาแห้งสามารถพบได้ทั่วไปทุกเพศทุกวัย เกิดจากปริมาณน้ำตามาหล่อเลี้ยงดวงตาและกระจกตาไม่เพียงพอ โดยทั่วไปภาวะตาแห้งไม่รุนแรง แต่ในบางรายหากปล่อยทิ้งไว้นาน ๆ อาจเกิดแผลที่กระจกตา อาจกระจกตาทะลุถึงขั้นตาบอดได้ ดังนั้นเราควรดูแล ป้องกันไม่ให้เกิดภาวะตาแห้งรุนแรง

ICL เลนส์เสริม ทางเลือกของการแก้ไขสายตา

ในปัจจุบันการแก้ไขปัญหาสายตามีหลากหลายวิธี เช่น การใช้แว่นตา, คอนแทคเลนส์ หรือการท าเลสิค (LASIK) แต่สำหรับบางคนที่มีข้อจำกัดไม่สามารถทำเลสิคได้เช่น ผู้ที่มีสายตาสั้น, สายตาเอียงมากเกินไป หรือผู้ที่มีความหนาของกระจกตาไม่เพียงพอ ICL (Intraocular Collamer Lens) เป็นทางเลือกที่อาจจะช่วยแก้ปัญหาได้

Computer Vision Syndrome

เป็นกลุ่มอาการทางสายตาที่เกิดจากการใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน อาการจะเพิ่มมากขึ้นตามระยะเวลาการใช้คอมพิวเตอร์ อาการของ Computer Vision Syndrome ได้แก่ อาการเมื่อยล้าปวดตาเคืองตา ตาแห้ง น้ำตาไหล ตามัว เห็นภาพซ้อน ปวดคอ หลังและไหล่ ซึ่งอาการเหล่านี้อาจจะมีสาเหตุมาจากการใช้คอมพิวเตอร์ในที่ที่มีแสงไม่เพียงพอ แสงสะท้อนจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ ระยะห่างระหว่างตาและคอมพิวเตอร์ไม่เหมาะสม ท่านั่งไม่เหมาะสม ค่าสายตาผิดปกติ เช่น สายตาสั้นหรือยาวที่ไม่ได้รับการแก้ไข หรือมาจากหลายๆสาเหตุร่วมกัน

รู้จักกับโรค Vogt-Koyanagi-Harada (VKH) โรคหายากที่ทำให้ตาบอดชั่วคราว

โรค Vogt-Koyanagi-Harada (VKH) เป็นโรคที่เกิดจากการอักเสบของหลายระบบตั้งแต่ ดวงตา ผิวหนัง หู และระบบประสาท เป็นโรคที่พบได้น้อย สาเหตุของโรคยังไม่แน่ชัด แต่คาดว่าเกี่ยวกับภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติในผู้ที่มีพันธุกรรมเสี่ยง เช่น คนเอเชีย ลาตินอเมริกา ตะวันออกกลาง และชาวพื้นเมืองอเมริกัน โรคนี้มีอาการหลากหลาย เช่น ตาอักเสบ หูอื้อ ผิวหนังเป็นรอยด่างขาว และอาการทางสมอง

ต้อหิน รู้เร็ว รักษาก่อน

โรคต้อหิน คือโรคที่มีความเสื่อมของขั้วประสาทตาอย่างช้าๆ ทำให้สูญเสียการมองเห็น ผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่ทราบว่าตัวเองป่วยโรคนี้ เนื่องจากส่วนมากไม่มีอาการเตือนล่วงหน้า เป็นสาเหตุหลักของภาวะตาบอดถาวร และหากเป็นแล้ว แม้ได้รับการรักษาก็ไม่สามารถกลับมามองเห็นได้ดังเดิม แต่สามารถควบคุมโรคไม่ให้ขั้วประสาทตาถูกทำลายไปเรื่อยๆได้ สำหรับกลไกการเกิดต้อหิน เกิดจาดความผิดปกติของน้ำหล่อเลี้ยงภายในลูกตา ซึ่งปกติจะถูกสร้างและมีทางระบายออก ในโรคต้อหินชนิดความดันตาสูง มีความผิดปกติของการระบายน้ำออก ทำให้ความดันตาสูงขึ้น (ปกติ คาความดันตาไม่ควรเกิน 21 มม.ปรอท) และไปกดทับเส้นประสาทตา ส่วนในโรคต้อหินชนิดความดันตาไม่สูง เชื่อว่า เส้นประสาทตามีการเสื่อมตัวลงอย่างช้าๆจากภาวะการไหลเวียนของเลือดไม่สมบูรณ์ มักพบในผู้ป่วยกลุ่มโรคเบาหวาน ความดัน ไมเกรน

โรคต้อกระจก…อาการ การรักษา และการป้องกัน

“ต้อกระจก” เกิดจากความเสื่อมตามอายุ โดยพบในผู้สูงอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ระยะเเรกอาการจะไม่รุนเเรง มีตาพร่ามัว มองเห็นไม่ชัดเจน เเต่หากปล่อยทิ้งไว้อาจทำให้เกิดโรคต้อหินที่อาจทำให้สูญเสียการมองเห็น ต้อกระจกรักษาได้ด้วยการผ่าตัด

Copyright © 2024 All Rights Reserved | Praram 9 Hospital