บทความสุขภาพ
Knowledge
คือ ขออย่าได้เจ็บป่วยไม่สบายเลย จะได้มีเวลาทำงานให้เต็มที่ไม่เสียเงินทองไปกับค่ารักษาพยาบาล ครั้งนี้นับว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่ทุกคนจะได้เริ่มดูแลสุขภาพให้แข็งแรง สำหรับท่านที่เริ่มเข้าสู่วัยกลางคน หรือผู้สูงอายุ ควรจะเริ่มเอาใจใส่กับสุขภาพเพื่อให้ห่างไกลจากโรคหัวใจได้แล้ว
โรคหัวใจที่เกิดจากเส้นเลือดหัวใจตีบหรืออุดตันนั้น ทุกท่านคงได้อ่านมาไม่มากก็น้อย สาเหตุการตีบของเส้นเลือดหัวใจ พบว่ามีไขมันคอเลสเตอรอลชนิดแอลดีแอล (LDL – Cholesterol) เริ่มจับตัวเข้าไปอยู่ในผนังเส้นเลือด วันเวลาที่ผ่านไป LDL ก็จะยิ่งฝังตัวมากขึ้นๆ จนทำให้เส้นเลือดมีการตีบมาก (มากกว่า75 เปอร์เซ็นต์ของขนาดเส้นเลือด) จนทำให้เกิดอาการเจ็บหน้าอกหรือวันไม่ดีคืนไม่ดีตรงบริเวณที่ไขมันฝังตัวนั้นเกิดปริแตกกระตุ้นให้เกล็ดเลือดมาเกาะกลายเป็นลิ่มเลือดอุดตันเส้นเลือดหัวใจของเราได้ ทำให้เกิดอาการเจ็บหน้าอกอย่างเฉียบพลันและรุนแรง ซึ่งจะทำให้กล้ามเนื้อหัวใจในส่วนนั้นตายไป
การดูแลหลังจากที่เส้นเลือดหัวใจตีบหรืออุดตันไปแล้วนั้น จะเป็นการรักษาและการลดปัจจัยเสี่ยงต่างๆแต่ผู้ป่วยส่วนหนึ่งจะไม่สามารถทำงานได้อย่างปรกติเช่นเดิม และชีวิตเริ่มแปรเปลี่ยนไป สิ่งที่ดีที่สุดคือการป้องกันไม่ให้เกิดโรคหัวใจแทน
ได้แก่ไขมันในเลือดสูง, การสูบบุหรี่,ความดันโลหิตสูง, โรคเบาหวาน, การไม่ออกกำลังกาย, โรคอ้วน และความเครียด ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงที่
สามารถแก้ไขได้ ส่วนปัจจัยเสี่ยงที่แก้ไขไม่ได้ ได้แก่ การมีประวัติครอบครัวของโรคเส้นเลือดหัวใจ, อายุที่มากขึ้น, ผู้ชาย และหญิงวัยหมดประจำเดือน
ไขมันในเลือดสูง ไขมันที่สูงเกินปรกติมีหลายชนิดที่ทำให้เกิดโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ แต่ที่สนใจกันมากที่สุดคือคอเลสเตอรอล และไตรกลีเซอไรด์ สำหรับคอเลสเตอรอลนั้นมีหลักฐานชัดเจนว่า ในกลุ่มที่มีคอเลสเตอรอลสูง จะมีโอกาสเกิดโรคหัวใจได้บ่อยกว่าในกลุ่มคอเลสเตอรอลปรกติ และการลดคอเลสเตอรอลลงเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้ลดคอเลสเตอรอล พบว่ากลุ่มที่ลดคอเลสเตอรอลเกิดโรคหัวใจน้อยกว่าอย่างชัดเจนการลดคอเลสเตอรอล ต้องเริ่มจากการควบคุมอาหารไขมันให้น้อยกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ของอาหารทั้งหมดและปริมาณคอเลสเตอรอลในอาหารต้องน้อยกว่า 300 มิลลิกรัมต่อวัน ถ้าหากว่าควบคุมด้วยอาหารแล้วยังไม่เพียงพอก็ควรรับประทานยาลดคอเลสเตอรอล น่าจะเลือกยาที่มีคุณภาพดีราคาถูก เพราะต้องรับประทานยาเหล่านี้ไปตลอด ปัจจุบันมียาลดไขมันคอเลสเตอรอลให้เลือกใช้มากมาย
ส่วนไขมันไตรกลีเซอไรด์นั้น ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าก่อให้เกิดโรคเส้นเลือดหัวใจตีบโดยตรง แต่มีแนวโน้มว่าจะทำให้เกิดเส้นเลือดหัวใจตีบได้ การรักษาโดยการควบคุมน้ำหนัก งดอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวหรือคอเลสเตอรอล , หยุดสูบบุหรี่ , ออกกำลังกาย เพราะในบางครั้งการงดเหล้าก็จะช่วยได้ ถ้าหากควบคุมด้วยวิธีดังกล่าวแล้วยังไม่ได้ผลดี อาจจำเป็นต้องใช้ยาลดไขมัน ในกรณีที่มีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ร่วมด้วยหลายอย่างหรือระดับไขมันสูงมาก
การสูบบุหรี่ บุหรี่เปรียบได้กับตัวเร่งให้เกิดเส้นเลือดหัวใจตีบ พบว่าผู้ที่เสียชีวิตจากโรคหัวใจมีผลมาจากบุหรี่ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ไม่สูบบุหรี่ พบว่าผู้สูบบุหรี่เกิดโรคหัวใจเป็น 3 เท่าของผู้ไม่สูบบุหรี่ และเสียชีวิตจากโรคหัวใจถึง 2 เท่าของผู้ไม่สูบบุหรี่ บุหรี่มีผลต่อเส้นเลือดหัวใจได้หลายอย่างสามารถกระตุ้นให้เส้นเลือดหัวใจหดตัว ทำให้ไขมันในเลือดผิดปรกติ และยังมีผลต่อระบบการแข็งตัวของเลือดอีก ในผู้ป่วยโรคหัวใจที่ผ่าตัดเส้นเลือดหัวใจไปแล้วหากยังคงสูบบุหรี่อยู่จะพบว่าเส้นเลือดที่ผ่าตัดนั้นกลับมาตีบใหม่ในระยะเวลาไม่นาน จึงต้องห้ามผู้ป่วยหลังผ่าตัดหัวใจว่าให้หยุดบุหรี่เด็ดขาด
เมื่อหยุดบุหรี่ปัจจัยเสี่ยงจากบุหรี่จะค่อยๆ ลดลงไปเรื่อยๆ จนใกล้เคียงผู้ไม่สูบบุหรี่ นอกจากนั้นสำหรับผู้ที่ไม่สูบบุหรี่แต่ต้องดมควันบุหรี่เสมอๆ ก็มีโอกาสเสี่ยงได้เช่นเดียวกับผู้ที่สูบบุหรี่โดยตรง
ความดันโลหิตสูง โดยความเป็นจริงแล้วการรักษาความดันโลหิตสูงก็คือ การป้องกันโรคแทรกซ้อนที่จะเกิดจากโรคความดันโลหิตสูง ได้แก่ อัมพาต และโรคหัวใจในผู้ป่วยที่ความดันโลหิตสูง (ความดันโลหิตตัวล่างประมาณ 105 มิลลิเมตรปรอท) เมื่อเฝ้าดูไป 10 ปี พบว่าเกิดกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันหรือถึงแก่กรรมจากโรคหัวใจถึง 6 เท่าของผู้ที่มีความดันโลหิตปรกติ (ความดันโลหิตตัวล่างประมาณ 76มิลลิเมตรปรอท) และพบว่าการรักษาความดันโลหิตสูงด้วยยาลดความดันสามารถที่จะลดการเกิดโรคเส้นเลือดหัวใจได้จริง ยิ่งความดันโลหิตก่อนรักษาสูงมาก ผลดีที่ได้จากการรักษาจะยิ่งมากขึ้นตามไปด้วยควรควบคุมน้ำหนักไม่ให้อ้วน งดอาหารเค็ม และ รับประทานยาสม่ำเสมอ
โรคเบาหวาน โรคหัวใจนับว่าเป็นโรคแทรกซ้อนที่พบบ่อยในผู้ป่วยเบาหวาน บางครั้งแล้วผู้ป่วยเบาหวานอาจไม่มีอาการเจ็บหน้ากอกเลย แต่อาจเป็นอาการเหนื่อยง่ายผิดปรกติแทน สำหรับผู้ป่วยเบาหวานในเมืองไทยมักเป็นผู้ที่ดูแลรักษาสม่ำเสมอ อาจเนื่องมาจากมองเห็นผลเสียของการไม่ดูแลรักษาชัดเจนต่างจากผู้ป่วยความดันโลหิตสูงมากทีเดียว อย่างไรก็ตามโรคเบาหวานไม่ควรรักษาด้วยตนเองโดยไม่ไปพบแพทย์ เพราะว่าระดับน้ำตาลในเลือดนั้นอาจแปรเปลี่ยนไปได้ ควรมีการควบคุมให้อยู่ในเกณฑ์ที่ดีตลอดเวลา เพราะการควบคุมเบาหวานที่ไม่ดีพออาจจะไม่ต่างจากการไม่ควบคุมเลยก็ได้
การไม่ออกกำลังกาย การออกกำลังกายเป็นสิ่งที่สำคัญต่อร่างกายโดยเฉพาะต่อหัวใจ เราพบว่ามีผู้ป่วยเป็นโรคหัวใจถึง 2 เท่าในผู้ที่ไม่ออกกำลังกาย และเกิดการเสียชีวิตจากโรคหัวใจสูงกว่าผู้ที่ออกกำลังกายสม่ำเสมอถึง 27 เปอร์เซ็นต์
การออกกำลังกายที่ดี คือ การออกกำลังกายชนิด aerobic exercise เช่น การวิ่ง ว่ายน้ำ ปั่นจักรยานการเต้นแอโรบิค เป็นต้น ขณะออกกำลังกายหัวใจควรเต้นประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ ของอัตราเต้นสูงสุด(0.7 x (220 – อายุ)) หรือประมาณได้ว่า รู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย ครั้งละ 30 นาที อย่างน้อย 3 ครั้งต่อสัปดาห์ซึ่งจะเป็นการออกกำลังกายที่มีผลดีต่อหัวใจมากที่สุด หากว่าไม่สามารถออกกำลังกายได้ตามที่กล่าวการออกกำลังกายบ้างก็ได้ประโยชน์ต่อร่างกายกว่าการไม่ออกกำลังกายเลย
โรคอ้วน ผู้ที่มีน้ำหนักเกินกว่ามาตรฐาน 20 เปอร์เซ็นต์ จัดว่าเป็นโรคอ้วน (obesity) ส่วนผู้ที่น้ำหนักเกินมากกว่า 35 เปอร์เซ็นต์ จัดว่าเป็นโรคอ้วนอันตราย (morbid obesity) ซึ่งจะพบว่ามีโรคแทรกซ้อนต่างๆได้หลายอย่างโดยเฉพาะโรคหัวใจ คนอ้วนจะเป็นโรคหัวใจได้บ่อยกว่าคนไม่อ้วนถึง 2 เท่า และมีโรคแทรกซ้อน เช่น ความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคกรน โรคข้อ เป็นต้น การลดน้ำหนักจะช่วยทำให้โอกาสเกิดโรคต่างๆ ลดลงได้ จะช่วยให้การควบคุมโรคความดันโลหิตสูง และโรคเบาหวานง่ายขึ้น
ความเครียด โดยเฉพาะในผู้ที่มีอุปนิสัยเครียดง่าย (รู้สึกอะไรต่างๆ ไม่ค่อยถูกใจเลย) จะป่วยเป็นโรคหัวใจได้บ่อยขึ้นกว่าผู้ที่ไม่เครียดถึง 2 เท่า และความเครียดยังเป็นตัวกระตุ้นการทำงานของระบบต่างๆ ของร่างกายให้ผิดปรกติ อาจทำให้เส้นเลือดหัวใจที่ตีบอยู่แล้วเกิดปริแตก หรืออุดตันได้ง่ายขึ้น การพยายามปรับเปลี่ยนอุปนิสัยไม่เครียดกับอะไรง่ายๆ จะช่วยให้หัวใจเป็นสุขได้
ทั้งหมดที่ท่านอ่านมาแล้วนั้นเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหัวใจที่สามารถแก้ไขได้ คงเป็นการลำบากถ้าจะป้องกันโรคหัวใจโดยไม่ลงทุนอะไรเลย ร่างกายของคนเราก็เปรียบเหมือนรถยนต์ ถ้าเราหมั่นดูแลบำรุงรักษารถยนต์ก็ใช้ได้ดีใช้ได้นาน แต่ถ้าเราใช้งานรถยนต์อย่างเดียว อายุของรถยนต์ก็คงจะสั้นเกินควร รถยนต์ซื้อใหม่ได้แต่ร่างกายของเราซื้อใหม่ไม่ได้ ปีใหม่แล้วเริ่มต้นอะไรดีๆ ให้กับตัวเองและครอบครัวเถอะครับ…
เกี่ยวกับผู้เขียนบทความ
แพ็กเกจที่เกี่ยวข้อง (0)
ดูทั้งหมด
บทความที่เกี่ยวข้อง (10)
ดูทั้งหมด
Copyright © 2024 All Rights Reserved | Praram 9 Hospital