บทความสุขภาพ

Knowledge

“โอไมครอน (Omicron) ” เชื้อโควิดกลายพันธุ์ตัวใหม่ที่ต้องจับตา

พญ. รับพร ทักษิณวราจาร

ไม่กี่วันมานี้เราได้ยินชื่อของเชื้อโควิด-19 กลายพันธุ์ ซึ่งเป็นโควิดสายพันธุ์ใหม่ ที่ชื่อว่า “โอไมครอน” ที่ทำให้หลายประเทศทั่วโลกกังวล และต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด มาทำความรู้จักกับเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์นี้ว่าคืออะไร ทำไมจึงเป็นที่จับตามอง


เชื้อโควิด-19 โอไมครอน คืออะไร?


เชื้อไวรัส SARS-CoV-2 หรือเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์นี้ เป็นเชื้อโควิด-19 กลายพันธุ์ชนิดใหม่ลำดับที่ 5 ของเชื้อโควิดกลายพันธุ์ ตามการรายงานขององค์การอนามัยโลก (WHO) โดยมีชื่อสายพันธุ์ว่า B.1.1.529 และองค์การอนามัยโลกตั้งชื่อว่าสายพันธุ์นี้ว่า “โอไมครอน (Omicron)


มีการกลายพันธุ์ที่ตำแหน่งไหนบ้าง?


จากการรายงานเบื้องต้นพบการกลายพันธุ์อย่างน้อย 30 ตำแหน่งบนโปรตีนหนาม (spike protein) ของไวรัส ซึ่งถือว่าเป็นการกลายพันธุ์จำนวนที่สูงมาก เมื่อเทียบกับสายพันธุ์กลายพันธุ์อื่น ๆ อย่างเช่น สายพันธุ์เดลต้าที่มีการกลายพันธุ์เพียง 2 ตำแหน่งเท่านั้น และคาดว่ามีตำแหน่งกลายพันธุ์มากกว่านี้ ทั้งนี้ต้องรอข้อมูลการศึกษาจากห้องปฏิบัติการเพิ่มเติม


จึงทำให้เชื้อโควิด-19 โอไมครอนนี้ถูกจัดให้เป็น สายพันธุ์ที่น่ากังวล (Variant of Concern; VOC)


เชื้อโควิด-19 โอไมครอนน่ากลัวอย่างไร?


เนื่องจากโปรตีนหนาม หรือ spike protein เป็นส่วนสำคัญของไวรัสที่ใช้ยึดเกาะกับเซลล์ของเรา การกลายพันธุ์ที่ตำแหน่งโปรตีนหนาม มักจะทำให้ไวรัสยึดเกาะ และเข้าสู่เซลล์ร่างกายของเราได้ง่ายขึ้น จึงทำให้คาดกันว่า เชื้อโควิด-19 โอไมครอนนี้ จะแพร่ระบาดและมีอัตราการติดเชื้อมากกว่าสายพันธุ์อื่น ๆ


นอกจากนี้ โปรตีนหนามนี้เป็นส่วนสำคัญที่ใช้พัฒนาวัคซีนโควิด ดั้งนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกจะมีความกังวลกับการกลายพันธุ์ครั้งนี้ เพราะเชื้อโควิด-19 โอไมครอนนี้อาจหลบหลีกภูมิคุ้มกันจากวัคซีน และภูมิคุ้มกันธรรมชาติในผู้ที่เคยติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์อื่น ๆได้


ติดเชื้อแล้วอาการรุนแรงแค่ไหน ระวังในคนกลุ่มไหนบ้าง?


ผู้ป่วยที่ยืนยันแล้วว่าติดโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน พบว่า ไม่สูญเสียการรับรสหรือดมกลิ่น มีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ มีอาการไอ อ่อนเพลีย 1 – 2 วัน บางรายมีไข้ โดยไม่มีอาการที่แตกต่างหรือโดดเด่นจากสายพันธุ์อื่นชัดเจน ผู้ติดเชื้อจำนวนหนึ่งสามารถรักษาตัวอยู่ที่บ้านได้ ผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่มีการรายงานขณะนี้ อายุไม่มากและครึ่งหนี่งยังไม่ได้รับวัคซีน


อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยทั้งหมดที่ติดเชื้อโควิด-19 โอไมครอน ที่มีการรายงานขณะนี้ เป็นคนที่มีสุขภาพดี แต่เป็นที่น่ากังวลว่า กลุ่มผู้สูงอายุ หรือกลุ่มคนที่ยังไม่ได้รับวัคซีน ถ้าติดเชื้อสายพันธุ์นี้อาจจะมีอาการรุนแรงมากกว่า ทั้งนี้ข้อมูลอาการเหล่านี้ยังไม่ชัดเจน และยังอยู่ในระหว่างการศึกษาอย่างเร่งด่วนจากนักวิทยาศาสตร์ ทำให้ไม่สามารถสรุปได้ชัดเจนว่าอาการจะรุนแรงกว่าหรือไม่

การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 โอไมครอน


มีรายงานพบเชื้อโควิด-19 โอไมครอนครั้งแรกต่อองค์การอนามัยโลก เมื่อวันที่ 24 พ.ย. 2564 ที่ประเทศแอฟริกาใต้ โดยพบจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็วในระยะเวลาเดียวกันที่ตรวจพบเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน อาจเป็นไปได้ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็วนี้ มีสาเหตุจากการติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์นี้


ตัวอย่างเชื้อแรกที่ได้รับการยืนยันว่าเป็นสายพันธุ์โอไมครอน มีการเก็บตั้งแต่วันที่ 9 พ.ย 2564 และภายใน 3 สัปดาห์ พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์นี้ในประเทศต่าง ๆ แล้วกว่า 10 ประเทศ โดยเป็นผู้ที่มีประวัติเดินทางหรือสัมผัสผู้ที่เดินทางมาจากทวีปแอฟริกา จึงถือว่าเป็นอัตราการติดเชื้อที่รวดเร็ว และต้องจับตามอง


วัคซีนเอาอยู่หรือไม่?


แม้จะมีความกังวลเรื่องประสิทธิภาพของวัคซีนโควิดที่มีในปัจจุบัน เนื่องจากการกลายพันธุ์หลายสิบตำแหน่งบนโปรตีนหนาม แต่องค์การอนามัยโลกยังคงแนะนำให้ฉีดวัคซีน และฉีดให้ครบโดสตามที่แนะนำ เพื่อป้องกันเชื้อกลายพันธุ์ ลดอัตราการเสียชีวิด และลดอาการรุนแรง


เชื้อโควิด-19 โอไมครอน สามารถตรวจได้ด้วยวิธีใดบ้าง?


จากรายงานขององค์การอนามัยโลกพบว่า เชื้อโควิด-19 โอไมครอน ยังสามารถตรวจได้ด้วยวิธี RT-PCR ซึ่งเป็นวิธีมาตรฐานที่ใช้ในปัจจุบัน และการตรวจหาสารพันธุกรรมของไวรัส รวมทั้งการตรวจด้วย antigen test kit (ATK)


แต่อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า ผลตรวจ RT-PCR ของเชื้อโควิด-19 โอไมครอนนี้ ไม่พบยีน S ซึ่งพบได้ในสายพันธุ์อื่น หรือที่เรียกว่า S gene drop outs ทำให้การตรวจเพื่อยืนยันว่าเป็นสายพันธุ์โอไมครอนต้องใช้เทคนิค RT-PCR แบบพิเศษ แล้วทำการตรวจยืนยันอีกครั้งด้วยการหาลำดับสารพันธุกรรมของไวรัส ซึ่งต้องทำในห้องปฏิบัติการเฉพาะเท่านั้น


คำแนะนำในการป้องกันดูแลตัวเอง


การดูแลป้องกันตัวเองอย่างที่เราคุ้นเคยยังคงเป็นมาตราการที่ดีที่สุดสำหรับการป้องกันเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนนี้ ได้แก่


  • การรักษาระยะห่าง หรือ social distancing อย่างน้อย 1 เมตร
  • สวมหน้ากากอนามัย โดยควรสวมให้พอดีกับใบหน้า
  • จัดที่บ้านและที่ทำงานให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก
  • ไม่ไปในสถานที่มีคนเบียดเสียด หรือที่ที่มีคนเยอะ
  • ล้างมือบ่อย ๆ
  • ไม่ไอหรือจามโดยใช้มือปิดปากและจมูก ควรใช้กระดาษทิชชู่แทน
  • ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด

สรุป


เชื้อโควิด-19 “โอไมครอน” เป็นเชื้อโควิด-19 กลายพันธุ์ตัวล่าสุดที่นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกกำลังจับตามอง เพราะมีตำแหน่งการกลายพันธุ์หลายสิบตำแหน่ง ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับอัตราการติดเชื้อ


การแพร่ระบาดที่รวดเร็ว รวมถึงอาการของผู้ที่ติดเชื้อสายพันธุ์นี้ เชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนนี้ อาจหลบหลีกภูมิคุ้มกันจากวัคซีน และภูมิคุ้มกันธรรมชาติในผู้ที่เคยติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์อื่น ๆ ทั้งนี้ข้อมูลต่าง ๆ ที่ชัดเจนเกี่ยวกับความรุนแรงของอาการ อัตราการติดเชื้อ หรือการหลบหลีกภูมิคุ้มกันยังต้องรอการศึกษาเพิ่มเติม


อย่างไรก็ตามเราควรปฏิบัติตามมาตรการในการป้องกันอย่างเคร่งครัด ติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด และควรรับวัคซีนโควิดให้ครบโดส ตามระยะเวลาที่กำหนด เพื่อป้องกันการเสียชีวิตและลดความรุนแรงของอาการจากการติดเชื้อ

เกี่ยวกับผู้เขียนบทความ

บทความที่เกี่ยวข้อง (10)

ดูทั้งหมด

การดูแลสุขภาพสำหรับผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ในช่วง covid-19 ระบาด

ในช่วงที่โรค COVID-19 ระบาดนี้ ผู้ป่วยที่เป็นโรคภูมิแพ้ทางเดินหายใจ ได้แก่ โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้และโรคหืด ทั้งเด็กและผู้ใหญ่จะมีความกังวลใจกว่าสภาวะปกติ เมื่ออาการของโรคภูมิแพ้กำเริบ โดยมักจะกังวลว่าเป็นอาการของโรค COVID-19 หรือเปล่า

ตั้งครรภ์ช่วงโควิด เสี่ยงมากน้อยแค่ไหน?

โควิด 19 จะส่งผลอะไรต่อลูกน้อยในครรภ์ไหม ต้องป้องกันหรือรักษาอย่างไร

ปอดบวม โรคใกล้ตัวเด็ก ที่ไม่ควรมองข้าม

ฤดูหนาว หนึ่งโรคที่คุณพ่อคุณแม่ อย่าชะล่าใจ นั่นก็คือ โรคปอดบวม หากลูกน้อยมีไข้ และไอต่อเนื่องกว่า 3 วัน ร่วมกับอาการหอบเหนื่อย อาจไม่ใช่แค่ไข้หวัดธรรมดา แต่อาจเป็นอาการของโรคปอดบวม ที่สามารถคร่าชีวิตลูกของคุณได้ แต่อย่าเพิ่งตกใจไปนะคะ โรคป

PM 2.5 ฝุ่นละอองร้ายทำลายสุขภาพผิว

ฝุ่นจิ๋ว PM 2.5 ที่เราต้องเผชิญ เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยาก ซึ่งนอกจากจะเสี่ยงต่อการเกิดโรคระบบทางเดินหายใจแล้ว ยังส่งผลเสียต่อสุขภาพผิวด้วย ทำให้เกิดการระคายเคือง อักเสบ อุดตัน นำมาซึ่งปัญหาผิว อาทิ สิว ริ้วรอย รวมถึงความหมองคล้ำ ด้วยอนุภา

โรคปอดอักเสบ เรื่องที่ต้องใส่ใจ แต่ไม่ตื่นตระหนก

จากกรณีการระบาดของโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสที่ไม่ทราบชนิด ภายในเมืองอู่ฮั่น สาธารณรัฐประชาชนจีน พบผู้ป่วยโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัส จำนวน 44 ราย ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตนั้น จากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นพบว่า ทางการจีนได้ดำเนินการสอบสวนโรคและอ

การตรวจสมรรถภาพปอดหรือการเป่าปอดบอกอะไรเราบ้าง? ใครบ้างที่ควรตรวจ?

ปัญหามลภาวะ ปัญหาฝุ่น PM 2.5 มลภาวะทางถนน การทำงานในที่ที่มีฝุ่นเยอะ และการสูบบุหรี่ ทำให้มีความเสี่ยงต่อโรคปอดมากขึ้น การตรวจสมรรถภาพปอดจะช่วยบอกถึงความผิดปกติได้ตั้งแต่ระยะแรก ๆ ก่อนที่โรคจะเข้าสู่ระยะรุนแรง

ภัยจากฝุ่นจิ๋ว 2.5 และมะเร็งปอด

ฝุ่นจิ๋ว PM2.5 คืออะไร ฝุ่นจิ๋ว PM2.5 (particulate matter, PM) ไม่ได้เป็นแค่ฝุ่นธรรมดา แต่คือฝุ่นขนาดเล็กมากที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางเล็กกว่า 2.5 ไมโครเมตร (เส้นผมของคนเรามีหน้าตัด 50 ไม่โครเมตร แปลว่าฝุ่นจิ๋วนี้ต้องอยู่เรียงกัน 20 ตัวถึงจะมีขนาดเท่าหน้าตัดเส้นผมเรา 1 เส้น

ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ต้นเหตุ “ โรคปอดอักเสบ ”

จากสถานการณ์การระบาดของโรคปอดอักเสบจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ภายในเมืองอู่ฮั่น สาธารณรัฐประชาชนจีน ปัจจุบันพบผู้ป่วยโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัส จำนวน 4,000 ราย เสียชีวิต 106 ราย จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทางการจีนได้ดำเนินการสอบสวนโรค ซึ้งขณะน

หลักการรับมือกับเชื้อไวรัส COVID – 19

พญ.ภัทรลดา ฤทธิวงศ์ แพทย์เวชศาสตร์ป้องกันและชะลอวัย โรงพยาบาลพระรามเก้า ให้ข้อมูลว่า สถานการณ์ COVID-19 ในประเทศไทยเราตอนนี้ เริ่มใกล้ตัวเรามากขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้เราฟังข่าวจากต่างประเทศ เริ่มจากจีน แล้วลามไปยังประเทศต่างๆ แต่ละประเทศ ระยะเ

รู้เท่าทันโรคปอดอักเสบ ในช่วงสถานการณ์ Covid-19

โรคปอดอักเสบ (pneumonia) คือการอักเสบที่เกิดขึ้นบริเวณเนื้อปอด ถุงลม และเนื้อเยี่อข้างเคียง เป็นโรคที่พบได้ค่อนข้างบ่อย และอาจรุนแรงถึงชีวิตได้ ขึ้นอยู่กับอายุ โรคประจำตัว เกิดได้จากการติดเชื้อและไม่ติดเชื้อ โดยทั่วไปมักจะพบปอดอักเสบ

Copyright © 2024 All Rights Reserved | Praram 9 Hospital