บทความสุขภาพ

Knowledge

โรคไตเรื้อรัง สาเหตุเกิดจากอะไร พร้อมแนะนำวิธีการรักษา

สถานการณ์โรคไตในปัจจุบัน ข้อมูลจากการศึกษาจากสมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย พบว่าคนไทยป่วยเป็นโรคไตเรื้อรัง ประมาณร้อยละ 17.6 ของคนไทยป่วยเป็นโรคไต คิดเป็นผู้ป่วยราว 8 ล้านคน 80,000 คนเป็นไตวายระยะสุดท้าย และมีแนวโน้มมากขึ้นเป็นทุกปี ๆ


โรคไตเรื้อรังเป็นโรคที่พบบ่อยและเป็นปัญหาด้านสาธารณสุขของประเทศไทย เป็นโรคเรื้อรังที่รักษาไม่หายขาด จำเป็นต้องรับการรักษาอย่างต่อเนื่อง และมีค่าใช้จ่ายในการรักษาสูงมาก โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่โรคไตวายระยะสุดท้าย


ถ้าเกิดภาวะไตวาย ไตหยุดทำงาน ของเสียจะคั่งค้างในเลือดและร่างกาย ผู้ป่วยจะมีอาการเบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลีย ซีด โลหิตจาง คันตาตัว มีจ้ำตามตัว อาเจียนเป้นเลือด น้ำท่วมปอด กระดูกเปราะบางหักง่าย ปวดกระดูก ถ้าของเสียค้างในสมองมากๆจะมีอาการชักและสมองหยุดทำงาน นอกจากนี้ผู้ป่วยจะเป็นหมัน และหมดสมรรถภาพทางเพศ ถ้าเกิดโรคไตวายในเด็ก เด็กจะแคระแกรนหยุดการเจริญเติบโต โดยสาเหตุสำคัญที่ทำให้เป็นโรคไตวาย ได้แก่ โรคเบาหวาน , ไตวายจากเนื้อเยื่อไตอักเสบ , ความดันโลหิตสูง , ไขมันสูง , โรคเอสแอลอี (SLE), โรคเก๊าท์, นิ่วที่ไตและทางเดินปัสสาวะ, ไตวายจากพันธุกรรม, ทางเดินปัสสาวะผิดปกติมาตั้งแต่เกิด ในกรณีที่ไตวายถาวรแล้ว ไม่ว่าด้วยสาเหตุอะไรก็ตาม ปัจจุบันนี้วงการแพทย์เราก็มีวิธีการรักษาผู้ป่วยไตวายให้มีชีวิตยืนยาวและมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้


วิธีการรักษาโรคไตวายเรื้อรัง


มี 3 วิธี ดังนี้


วิธีแรก


คือ การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม (Hemodialysis) เป็นการนำเลือดของผู้ป่วยซึ่งมีของเสียคั่งค้าง ผ่านเข้าไปในเครื่องกรองเลือด ซึ่งจะกรองของเสียจากเลือดและนำเลือดที่ถูกกรองจนสะอาดแล้วกลับสู่ร่างกายผู้ป่วย


วิธีที่สอง


คือ วิธีล้างช่องท้องด้วยน้ำยา (CAPD) วิธีนี้ผู้ป่วยจะต้องใส่น้ำยาเข้าไปในช่องท้องตนเอง ครั้งละ 2 ลิตร วันละ 4 ครั้ง ครั้งละ 6 ชั่วโมง หรือทำกลางคืนตลอดทั้งคืนทุกๆวัน


วิธีที่สาม


คือ การเปลี่ยนไต หรือ ปลูกถ่ายไต (Kidney Transplantation) เป็นวิธีการรักษาโรคไตวายเรื้อรังที่ดีที่สุด


ผ่าตัดเปลี่ยนไตทำได้ 2 วิธี


1.การผ่าตัดเปลี่ยนไตจากผู้บริจาคที่เสียชีวิตสมองตาย


ซึ่งขณะที่ผู้เสียชีวิตยังมีชีวิตอยู่ได้เคยยื่นแสดงความจำนงต้องการบริจาคอวัยวะให้กับศูนย์รับบริจาคอวัยวะ สภากาชาดไทยไว้ หรือในกรณีที่ผู้เสียชีวิตไม่เคยยื่นแสดงความจำนงบริจาคอวัยวะมาก่อน แต่ครอบครัวต้องการบริจาคอวัยวะ ก็สามารถยื่นแสดงความจำนงต่อศูนย์รับบริจาคอวัยวะ สภากาชาดไทย แทนผู้เสียชีวิตได้


2.การผ่าตัดเปลี่ยนไตจากผู้บริจาคที่มีชีวิต


ได้แก่จากญาติพี่น้องร่วมสายโลหิต หรือจากคู่สมรส กรณีที่เป็นผู้บริจาคไตที่เป็นญาติพี่น้อง กฎหมายของประเทศไทยกำหนดว่าต้องมีการพิสูจน์ความสัมพันธ์กันทางสายเลือดก่อน ส่วนคู่สมรสที่จะบริจาคไตให้กันได้ ต้องจดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฎหมายมาอย่างน้อย 3 ปี หรือต้องมีบุตรด้วยกันที่สามารถตรวจพิสูจน์ความสัมพันธ์ของคู่สมรสได้


ปัจจุบันแพทย์ไทยเรามีความรู้ความสามารถในการผ่าตัดเปลี่ยนไต และประสบผลสำเร็จได้ดีทัดเทียมกับต่างประเทศ ผู้ป่วยที่ได้รับการเปลี่ยนไตสำเร็จแล้ว จะสามารถมีชีวิตยืนยาวและดำรงชีวิตด้วยคุณภาพที่ดี ประกอบอาชีพได้ สามารถทำประโยชน์ต่างๆให้สังคมได้เหมือนคนปกติทั่วไป

บทความที่เกี่ยวข้อง (10)

ดูทั้งหมด

การรักษาความผิดปกติของเม็ดสีบนผิวหนังด้วย Q-SWITCHED ND-YAG LASER

เป็นเครื่องเลเซอร์ที่มีความยาวคลื่น 2 รูปแบบ คือ 1,064 นาโนเมตร และ 532 นาโนเมตร (Frequency-double mode) โดยความกว้างของคลื่น (Pulse Width) 10-20 นาโนเซค และความถี่ 10 เฮริ์ท พลังงานประมาณ 5-7 จูลต่อตารางเซนติเมตร ใช้ในการรักษาความผิดปกติของเม็ดสีอย่างได้ผล เนื่องจากเลเซอร์ชนิดนี้ออกฤทธิ์ทำลายเม็ดสีที่ผิดปกติโดยตรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเม็ดสีที่มีลักษณะเป็นสีน้ำเงินถึงดำคล้ำ โดยแสงเลเซอร์สามารถทะลุทะลวงลงไปใต้ผิวได้ ประมาณ 1-1.5 มิลลิเมตร จึงเหมาะที่จะใช้ทำลายรอยดำคล้ำที่อยู่ลึกๆ ในชั้นหนังแท้อย่างได้ผล เช่น ริมฝีปากดำคล้ำ รอยสักคิ้ว รอยสักตามบริเวณลำตัว และกระแดด ที่มีลักษณะเป็นวง (Solar Lentigenes) หรือ กระลึกบริเวณโหนกแก้มทั้งสองข้าง (Nevus of Ota or Hori’s nevus)ความถี่ของการยิงเลเซอร์

อ่านเพิ่มเติม

Copyright © 2024 All Rights Reserved | Praram 9 Hospital