กล่องเสียงอักเสบ ภาวะที่เส้นเสียงภายในกล่องเสียงเกิดอาการบวมและอักเสบ ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อคุณภาพของเสียง ทำให้ผู้ป่วยมีอาการเสียงแหบ เสียงเปลี่ยน หรือเสียงหายไปเลย การทำความเข้าใจสาเหตุและอาการของกล่องเสียงอักเสบมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้ได้รับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม ป้องกันภาวะเสียงแหบเรื้อรัง ที่อาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงกว่า
Key Takeaways
- กล่องเสียงอักเสบ (Laryngitis) เกิดจากการบวมและอักเสบของเส้นเสียง ส่งผลให้เกิดอาการเสียงแหบถึงขั้นเสียงหาย, เจ็บคอ, คอแห้ง, กระแอมไอ, หรือเหมือนมีเสมหะติดในคอ
- การวินิจฉัยกล่องเสียงอักเสบ สามารถทำได้ด้วยการการส่องกล้อง (Endoscopy) เพื่อประเมินสภาพของเส้นเสียง, การขยับเคลื่อนไหวของเส้นเสียง, รวมถึงการตรวจหาติ่งเนื้อหรือก้อนผิดปกติใดๆที่อาจเสี่ยงต่อเซลล์มะเร็ง
- การรักษากล่องเสียงอักเสบขึ้นอยู่กับสาเหตุ โดยอาจให้ยาปฏิชีวนะสำหรับการติดเชื้อแบคทีเรีย ยาสเตียรอยด์ช่วงสั้นๆเพื่อลดบวม ยาลดกรดเพื่อรักษาภาวะกรดไหลย้อน หรือการบำบัดด้วยการฝึกใช้เสียง (Voice Therapy)
- การป้องกันกล่องเสียงอักเสบ ควรพักการใช้เสียงอย่างเคร่งครัด ดื่มน้ำเพื่อรักษาความชุ่มชื้น หลีกเลี่ยงสารระคายเคืองต่อกล่องเสียง เช่น ฝุ่นละออง ควันบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
กล่องเสียงอักเสบ (Laryngitis) คืออะไร
ภาวะกล่องเสียงอักเสบ คือ ภาวะที่เส้นเสียงภายในกล่องเสียงเกิดอาการบวมและอักเสบ ซึ่งมักมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อ การระคายเคือง การใช้เสียงมากเกินไปหรือการใช้เสียงผิดวิธี
โดยปกติแล้วเส้นเสียงจะมีการสั่นสะเทือนเมื่ออากาศผ่านทำให้เกิดเสียงพูด แต่เมื่อเกิดการบวมอักเสบ การสั่นสะเทือนจะผิดปกติไปส่งผลต่อคุณภาพของเสียง ทำให้มีเสียงแหบแห้งหรือเสียงหายได้
ภาวะกล่องเสียงอักเสบ มีอาการอย่างไร

ภาวะกล่องเสียงอักเสบ อาการที่พบได้บ่อย มีดังนี้
- เสียงแหบ
- เจ็บคอ ไม่มีเสียง
- เจ็บคอขณะเปล่งเสียง
- คันระคายเคืองในคอ อยากกระแอมไอ
- รู้สึกแห้งผากในบริเวณลำคอ
- ไอแห้ง หรือมีเสมหะร่วมด้วย
- กลืนลำบาก หายใจติดขัด
- อาจมีไข้ต่ำๆหากมีการติดเชื้อ
กล่องเสียงอักเสบ สาเหตุเกิดจากอะไร
ภาวะกล่องเสียงอักเสบอาจเกิดจากหลายสาเหตุ โดยแบ่งตามระยะเวลาของอาการในชนิดเฉียบพลันและชนิดเรื้อรัง
กล่องเสียงอักเสบเฉียบพลัน เป็นอาการที่เกิดขึ้นในช่วงสั้น ๆ และสามารถหายได้เอง โดยสาเหตุหลักคือ
- การติดเชื้อไวรัส : มักเกิดจากเชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุของไข้หวัดทั่วไป
- การใช้เสียงมาก : การใช้เสียงดังเกินไป การตะโกน ตะเบ็ง พูดตลอดทั้งวันหรือ ร้องเพลงติดต่อกันเป็นเวลานานหลายชั่วโมง
- การติดเชื้อแบคทีเรีย : อาจเกิดได้ตามหลังการเป็นไซนัสอักเสบ ซึ่งทำให้มีน้ำมูกไหลลงคอและ ไออย่างต่อเนื่องเป็นหลายสัปดาห์
กล่องเสียงอักเสบเรื้อรัง คือการอักเสบที่เกิดขึ้นยาวนานกว่า 3 สัปดาห์ มักเกิดจากการสัมผัสกับสิ่งระคายเคืองอย่างต่อเนื่องหรือเป็นผลมาจากโรคอื่น ๆ ได้แก่
- พฤติกรรมการใช้ชีวิต : การสัมผัสกับควันบุหรี่ สารก่อภูมิแพ้หรือมลพิษทางอากาศ รวมถึงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และการใช้สารเสพติด
- การใช้เสียงเรื้อรัง : การใช้เสียงดังหรือการใช้เสียงมากในกลุ่มอาชีพที่ต้องใช้เสียง อาจส่งผลให้เกิดติ่งเนื้อหรือตุ่มที่เส้นเสียง ซึ่งรบกวนการสั่นสะเทือนของเส้นเสียง
- โรคกรดไหลย้อน(LPR): ทำให้กรดหรือน้ำย่อยในกระเพาะอาหารไหลย้อนกลับขึ้นมาถึงบริเวณกล่องเสียง ส่งผลต่อการอักเสบระคายเคือง และนำไปสู่ภาวะเส้นเสียงอักเสบเรื้อรัง
- โรคไซนัสอักเสบเรื้อรัง : ทำให้มีน้ำมูกหรือสารคัดหลั่งไหลลงคอ (Post-nasal Drip) อย่างต่อเนื่องจากไซนัสที่อักเสบ ทำให้เกิดการระคายเคืองต่อเส้นเสียง
- สาเหตุอื่น ๆ ที่พบได้น้อย : เช่น การติดเชื้อรา เชื้อวัณโรค เส้นเสียงเป็นอัมพาต หรืออาจพบเป็นเนื้องอกหรือมะเร็งกล่องเสียง
กล่องเสียงอักเสบ วินิจฉัยได้อย่างไร
การวินิจฉัยกล่องเสียงอักเสบจะเริ่มจากการซักประวัติและตรวจร่างกาย จากนั้นแพทย์อาจพิจารณาใช้วิธีการตรวจพิเศษ เพื่อดูสภาพของกล่องเสียงและเส้นเสียงโดยละเอียด ซึ่งปัจจุบันมีหลายวิธี ดังนี้
- ตรวจด้วยกระจกเงา (Indirect Laryngoscopy) เป็นวิธีการตรวจกล่องเสียงอักเสบแบบดั้งเดิมที่เรียบง่าย แพทย์จะให้ผู้ป่วยแลบลิ้นและดึงลิ้นมาทางด้านหน้า จากนั้นจะใช้กระจกเงาขนาดเล็กสอดเข้าไปในช่องปากของผู้ป่วย ภาพอวัยวะภายในกล่องเสียงจะสะท้อนเข้าสู่กระจกเงา
- ตรวจด้วยการส่องกล้อง (Endoscopy เป็นการตรวจกล่องเสียงที่ให้ภาพขยายซึ่งมีความละเอียดและคมชัดกว่าแบบดั้งเดิม
ซึ่งแพทย์มักจะพ่นยาชาเฉพาะที่บริเวณในลำคอก่อนทำการตรวจ โดยกล้องที่ใช้มี 2 ประเภท
- กล้องแบบแข็ง (Rigid Endoscope) : เป็นแท่งโลหะตรง สอดผ่านเข้าทางช่องปากเพื่อถ่ายภาพกล่องเสียง
- กล้องแบบอ่อน (Fiber Optic Laryngoscope): เป็นกล้องที่มีสายโค้งงอได้ สอดเข้าทางรูจมูกผ่านโพรงจมูกลงไปถึงช่องคอ เพื่อถ่ายภาพกล่องเสียง วิธีนี้สามารถดูรายละเอียดของโพรงจมูกและช่องคอส่วนบนได้ด้วย
- ตรวจกล่องเสียงด้วยอุปกรณ์พิเศษ (Stroboscopy) เครื่องมือพิเศษนี้จะประมวลผลและแสดงภาพการสั่นสะเทือนของเส้นเสียงผ่านจอมอนิเตอร์ได้ ทั้งแบบเคลื่อนไหวปกติและแบบช้ากว่าปกติ (Slow Motion) ทำให้แพทย์สามารถตรวจหาความผิดปกติได้อย่างแม่นยำและชัดเจนมากยิ่งขึ้น เช่น
- ภาวะการอักเสบ, ถุงน้ำ, ติ่งเนื้อ, ก้อนเนื้องอกหรือมะเร็งกล่องเสียง
- ประเมินการทำงานของเส้นเสียง โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวหรือการสั่นสะเทือน รวมถึงภาวะอัมพาตของสายเสียง
วิธีการรักษากล่องเสียงอักเสบ

ภาวะกล่องเสียงอักเสบ วิธีรักษาจะขึ้นอยู่กับสาเหตุและชนิดของการอักเสบ หากเป็นชนิดเฉียบพลันที่เกิดจากเชื้อไวรัส จะเน้นไปที่การดูแลตัวเองและการพักเสียง แต่ถ้าอาการรุนแรงหรือมีสาเหตุจากปัจจัยอื่น ๆ แพทย์จะใช้วิธีการรักษาที่เฉพาะเจาะจง ดังนี้
- ยาปฏิชีวนะ (Antibiotics) เนื่องจากกล่องเสียงอักเสบส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัส จึงไม่จำเป็นต้องใช้ยาปฏิชีวนะ แต่หากแพทย์วินิจฉัยว่าการอักเสบเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย แพทย์จะสั่งจ่ายยาปฏิชีวนะเพื่อควบคุมการติดเชื้อ
- ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroids) เป็นยาที่ใช้เพื่อลดอาการบวมอักเสบที่เส้นเสียงอย่างรวดเร็ว มักจะใช้ในกรณีที่จำเป็นเร่งด่วนหรือมีการบวมจนอุดกั้นต่อทางเดินหายใจ
- การฝึกการใช้เสียง (Voice Therapy) ช่วยให้ผู้ป่วยเรียนรู้และปรับการใช้เสียงอย่างถูกวิธี ทั้งในชีวิตประจำวันและขณะทำงาน เพื่อลดการบาดเจ็บของเส้นเสียงและลดความเสี่ยงที่กล่องเสียงจะอักเสบซ้ำ โดยเฉพาะในผู้ที่ใช้เสียงเป็นอาชีพ
- การผ่าตัด (Surgery) แพทย์อาจพิจารณาแนะนำการผ่าตัดในผู้ป่วยบางราย เช่น กรณีมีติ่งเนื้อหรือก้อนเนื้อ (Nodules, Polyps) บนเส้นเสียง มีเซลล์มะเร็งที่บริเวณกล่องเสียง หรือภาวะอื่น ๆ ที่จำเป็นต้องแก้ไขด้วยการผ่าตัด
รวมวิธีป้องกันกล่องเสียงอักเสบ
การป้องกันกล่องเสียงอักเสบ ทำได้โดยการดูแลสุขภาพร่างกายโดยรวม และหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำให้เกิดการระคายเคืองต่อกล่องเสียงและเส้นเสียง ดังนี้
- ดื่มน้ำเปล่าที่อุณหภูมิห้องให้เพียงพอ ประมาณ 8 แก้วต่อวัน
- งดเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนและแอลกอฮอล์ เพราะอาจทำให้ร่างกายขาดน้ำและระคายเคืองคอ
- งดสูบบุหรี่ และหลีกเลี่ยงการสัมผัสควันบุหรี่
- เลี่ยงมลภาวะในอากาศ เช่น ฝุ่น ควัน สารพิษต่าง ๆ
- พักผ่อนให้เพียงพอ ประมาณ 6-8 ชั่วโมงต่อคืน เพื่อให้ร่างกายฟื้นตัว
- ฝึกการพูดหรือการใช้เสียงที่ถูกวิธี การฝึกฝนอย่างเป็นประจำจะช่วยให้กล้ามเนื้อเส้นเสียงแข็งแรงและลดการบาดเจ็บ
- เลี่ยงการไอขากเสมหะ เพราะการขากเสมหะแรง ๆ จะทำให้เกิดการกระแทกต่อเส้นเสียง จนอาจมีเส้นเลือดฝอยแตกได้ ส่งผลต่อการบวมอักเสบของเส้นเสียงที่เพิ่มมากขึ้น
- เมื่อไม่สบายควรรีบเข้ารับการรักษาอย่างถูกต้อง
- ไม่ใช้เสียงมากขณะที่เสียงกำลังแหบ ควรพักการใช้เสียงจนกว่าอาการจะทุเลาลง
- ไม่คลุกคลีกับผู้ป่วย ที่กำลังเป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ ใส่หน้ากาก ล้างมือบ่อยๆ
กล่องเสียงอักเสบ ภาวะที่ควรรีบรักษาอย่างถูกวิธี
ภาวะกล่องเสียงอักเสบเฉียบพลันเป็นภาวะที่พบบ่อย ทำให้มีอาการเสียงแหบหรือเสียงหาย โดยเฉพาะเมื่อเกิดจากไข้หวัด การดูแลตัวเองด้วยการพักเสียงและดื่มน้ำมากๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญ
ดังนั้นหากมีอาการเสียงแหบนานเกินกว่า 3 สัปดาห์ หรือมีอาการรุนแรง ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยด้วยการส่องกล้องและรับการรักษาอย่างเหมาะสม
ศูนย์หู คอ จมูก โรงพยาบาลพระรามเก้า มีทีมแพทย์เฉพาะทางและเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อตรวจกล่องเสียงของคุณอย่างละเอียด บริการตรวจกล่องเสียงด้วยกล้อง (Endoscopy/Stroboscopy) ช่วยในการประเมินภาวะเส้นเสียงบวม ติ่งเนื้อ หรือความผิดปกติต่างๆได้อย่างแม่นยำ เพื่อการวางแผนรักษาที่ตรงจุดและฟื้นฟูเส้นเสียงของคุณให้กลับมาเป็นปกติ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับกล่องเสียงอักเสบ
1. กล่องเสียงอักเสบต่างจากคออักเสบอย่างไร?
กล่องเสียงอักเสบคือการอักเสบที่กล่องเสียงและเส้นเสียง ทำให้อาการหลักคือเสียงแหบ เสียงหาย หรือไม่มีเสียง ส่วนคออักเสบเป็นการอักเสบที่เยื่อบุภายในช่องคอ อาการหลักคือเจ็บระคายคอ ซึ่งทั้งสองภาวะนี้อาจเกิดร่วมกันได้ เมื่อมีการติดเชื้อลุกลาม
2. เมื่อมีอาการกล่องเสียงอักเสบ ควรไปพบแพทย์เมื่อไหร่?
ควรไปพบแพทย์ทันทีหากมีอาการหายใจลำบาก ไอมีเลือดปน หรือมีไข้สูง หรืออาการ เสียงแหบยังคงอยู่ยาวนานเกิน 3 สัปดาห์ เนื่องจากอาจเป็นสัญญาณของกล่องเสียงอักเสบเรื้อรัง หรือภาวะร้ายแรง
3. เมื่อกล่องเสียงอักเสบ ควรดูแลตัวเองอย่างไร?
สิ่งสำคัญที่สุด คือ การพักการใช้เสียงอย่างเคร่งครัด งดการพูดหรือการใช้เสียงมากเกินไป รวมถึงการกระซิบ เนื่องจากการกระซิบอาจทำให้เส้นเสียงตึงและอักเสบมากขึ้น ดื่มน้ำเปล่าที่อุณหภูมิห้องให้เพียงพอ เพื่อรักษาความชุ่มชื้น นอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มที่ หลีกเลี่ยงควันบุหรี่ ฝุ่นละออง และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
4. เสียงแหบ กินอะไรหาย?
เสียงแหบจะหายได้เร็วขึ้นด้วยการดื่มน้ำอุ่น หรือน้ำเปล่าในปริมาณที่มากเพียงพอ งดเว้นเครื่องดื่มเย็น น้ำแข็ง หรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ งดอาหารรสจัดทุกประเภทที่อาจระคายคอ
References
Mayo Clinic Staff. (2025, September 20). Laryngitis. Mayo Clinic. https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/laryngitis/symptoms-causes/syc-20374262
Laryngitis. (2022, January 17). Cleveland Clinic. https://my.clevelandclinic.org/health/diseases/22268-laryngitis
Poonam Sachdev. (2023, October 12). What Is Laryngitis and How to Treat It. WebMD. https://www.webmd.com/cold-and-flu/what-is-laryngitis
Vaninder Kaur Dhillon, M.D. (n.d.). Laryngitis. Johns Hopkins Medicine. https://www.hopkinsmedicine.org/health/conditions-and-diseases/laryngitis