บทความสุขภาพ
Knowledge
นพ. ภูมิบาล เวศย์พิริยะกุล
ถ้าพูดถึง “โรคกระดูกคอเสื่อม” คุณมักนึกถึงกลุ่มผู้สูงอายุ เพราะเป็นวัยที่กระดูกเสื่อมสภาพตามอายุที่เพิ่มขึ้น แต่แท้จริงแล้ว อาการกระดูกคอเสื่อมสามารถพบในช่วงอายุที่น้อยลงได้เช่นกัน เนื่องมาจากมีพฤติกรรมในการใช้ชีวิตที่เสี่ยงกระดูกคอได้รับบาดเจ็บ อาจทำให้คุณกังวลได้ว่าอาการนี้อันตรายไหม
เพื่อให้คุณได้รู้แนวทางในการดูแลกระดูกหลังคอให้แข็งแรง บทความนี้ขอพาคุณไปทำความรู้จักกับโรคกระดูกคอเสื่อมว่า มีอาการอย่างไร สาเหตุเกิดจากอะไร และรักษาด้วยวิธีอะไร เพื่อป้องกันตัวเองไม่ให้เสี่ยงเป็นโรคนี้
Key Takeaways
กระดูกคอเสื่อม (Cervical Spondylosis) เป็นโรคชนิดหนึ่งที่จัดอยู่ในกลุ่มอาการปวดคอ โดยมีต้นเหตุมาจากกระดูกสันหลัง และหมอนรองกระดูกสันหลังส่วนต้นคอ รวมถึงกระดูกต้นคอเสื่อมสภาพ ส่งผลให้กระดูกงอก (Osteophyte) หรือหมอนรองกระดูกบริเวณนั้นยื่นออกมาจนโพรงกระดูกคอตีบแคบ ทำให้กดทับรากประสาทบริเวณคอและไขสันหลัง นำไปสู่อาการที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการใช้ชีวิตประจำวันขึ้นในที่สุด เช่น ปวดหลังส่วนคอ ปวดคอร้าวลงแขน ใช้งานมือไม่คล่อง เดินทรงตัวลำบาก เป็นต้น
โรคกระดูกคอเสื่อมเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ขึ้นอยู่กับว่าคุณกำลังอยู่ในช่วงอายุเท่าไร มีพฤติกรรมการใช้ชีวิตอย่างไร และเคยประสบอุบัติเหตุหรือไม่ โดยมีสาเหตุต่าง ๆ ดังนี้
เมื่อมีอายุเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะคนที่มีอายุ 40 ขึ้นไป กระดูกคอจะเสื่อมสภาพลงช้า ๆ เนื่องจากมีการใช้งานกระดูกและข้อต่อต่าง ๆ มาตลอดทั้งช่วงชีวิตจนสึกหรอ ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้น เช่น หมอนรองกระดูกคอเสื่อม หมอนรองกระดูกคอเคลื่อน รวมถึงมีกระดูกคองอกออกมาจนกดทับไขสันหลังและรากประสาทด้วยเช่นกัน
เมื่อกระดูกคอได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ เช่น โดนกระแทก หรือลื่นหกล้มหัวคะมำ อาจทำให้กระดูกต้นคอหรือหมอนรองกระดูกคอมีพยาธิสภาพ หรือเกิดความผิดปกติขึ้น ส่งผลให้ร่างกายไม่สามารถใช้งานกระดูกคอได้ดีเท่าเมื่อก่อน อีกทั้งยังเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคกระดูกคอเสื่อมได้มากกว่าคนทั่วไปที่ไม่เคยประสบอุบัติเหตุมาก่อน
พฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เสี่ยงกระดูกคอเสื่อม เช่น การก้มหน้านั่งทำงานด้วยท่าทางที่ไม่เหมาะสมเป็นเวลานาน หรือเงยหน้าทำงานที่อยู่เหนือศีรษะเป็นประจำ ก้มหน้าเล่นมือถือนาน ๆ ทุกวัน รวมถึงการเล่นกีฬาที่ต้องสะบัดคอบ่อย ๆ เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้กระดูกคอมีปัญหาเร็วขึ้น แม้ว่าคุณจะยังอายุน้อยอยู่ก็ตาม
คนที่มีโรคประจำตัวมาตั้งแต่กำเนิด เช่น เป็นโรคในกลุ่มอาการคลิปเปล-ไฟล์ (Klippel-Feil Syndrome) ที่กระดูกคอเชื่อมติดกันมากกว่า 2 ข้อขึ้นไป ทำให้คอสั้น และกระดูกคอเสื่อมได้ง่าย รวมถึงคนที่มีภาวะกล้ามเนื้อคอกระตุกเกร็ง (Cervical Dystonia) ซึ่งไม่สามารถควบคุมกล้ามเนื้อบริเวณต้นคอได้ อาจเสี่ยงกระดูกต้นคอเสื่อมได้เช่นกัน
โรคกระดูกคอเสื่อมมีอาการที่บริเวณต้นคอเป็นอาการพื้นฐาน ได้แก่ ปวดหรือตึงคอ มีก้อนหรือปมที่คอ สะบักจม กล้ามเนื้อกระตุก มีเสียงดังป๊อปเมื่อคุณขยับคอ รวมถึงรู้สึกปวดศีรษะด้วย นอกจากนี้ กระดูกต้นคอที่งอก และหมอนรองกระดูกเสื่อมที่กดทับรากประสาทและไขสันหลังทำให้เกิดอาการอื่น ๆ ตามมาด้วย ได้แก่
กระดูกต้นคอเสื่อม ทำให้เกิดกลุ่มอาการกดทับรากประสาท (Radiculopathy)
กระดูกคอเสื่อม ทำให้เกิดกลุ่มอาการกดทับไขสันหลัง (Myelopathy)
อาการต่าง ๆ ที่อยู่ในกลุ่มอาการกดทับไขสันหลังเป็นอาการที่มีความรุนแรงมากที่สุด หากคุณมีอาการเหล่านี้ต้องรีบไปพบแพทย์โดยด่วนที่สุด เพื่อให้การรักษาไม่บานปลาย ทั้งนี้ หากอาการของกระดูกคอเสื่อมไม่ดีขึ้นภายใน 2-3 วัน หรือมีอาการมานานกว่า 3 เดือน รวมถึงอาการป่วยนั้นรุนแรงขึ้น จนรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน แนะนำให้ไปพบแพทย์เช่นเดียวกัน เพื่อให้ได้รับการรักษาที่ตรงจุด และมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย
คุณอาจมีความกังวลว่ากระดูกคอเสื่อมรักษาหายไหม? โรคกระดูกคอเสื่อมมีวิธีรักษาหลากหลายวิธี ขึ้นอยู่กับว่าอาการของคุณรุนแรงหรือไม่ อันดับแรก แพทย์เฉพาะทางจะทำการวินิจฉัยโรคด้วยการตรวจร่างกาย อาจมองหาก้อนหรือปมที่คอ ดูความยืดหยุ่นของคอ ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อคอ การตอบสนองของมือ แขน ขา รวมถึงการทรงตัวขณะยืนและเดิน
จากนั้น แพทย์เฉพาะทางจะทำการเอกซเรย์ที่บริเวณลำคอ และอาจจะส่งทำ MRIพื่อให้เห็นภาพรายละเอียดของช่องกระดูกสันหลัง ไขสันหลัง และรากประสาทได้ชัดขึ้น และเมื่อทำการวินิจฉัยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แพทย์จะแนะนำการรักษากระดูกคอเสื่อมที่เหมาะสมให้กับคุณ โดยมีวิธีรักษา ดังนี้
หากคุณมีอาการที่ไม่รุนแรง การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเป็นวิธีการรักษาแรกที่แพทย์แนะนำ โดยให้จำกัดการเคลื่อนของกระดูกคอ พร้อมกับลดการอักเสบของไขสันหลังและเส้นประสาท ทั้งการหลีกเลี่ยงการหมุนคอ การแหงนคอ การก้มหน้าบ่อย ๆ การนั่งอยู่ในท่าเดิมเป็นเวลานาน รวมถึงการใส่อุปกรณ์ช่วยพยุงคอ (Collar) ด้วยเช่นกัน เพื่อลดความเสี่ยงไม่ให้กระดูกคอเสื่อมเร็ว
เมื่อได้รับการรักษาจากแพทย์แล้ว การทานยาจะช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูจากอาการของโรคกระดูกคอเสื่อมได้มากขึ้น โดยแพทย์จะสั่งจ่ายยารักษา ดังต่อไปนี้
ในการจ่ายยารักษา แพทย์จะพิจารณาถึงความเหมาะสมว่าคุณมีอาการอะไร แพ้ยาอะไร และสภาพร่างกายสามารถรับยาตัวนี้ได้หรือไม่ ดังนั้นผู้ป่วยกระดูกคอเสื่อมอาจได้รับยารักษาที่แตกต่างกันได้
การทำกายภาพบำบัดช่วยบรรเทาอาการปวดกระดูกคอเสื่อม เสริมสร้างความยืดหยุ่น และความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อบริเวณต้นคอและไหล่ รวมถึงช่วยเพิ่มพื้นที่ช่องว่างระหว่างกระดูกคอ และกระดูกสันหลังส่วนบนด้วย โดยในปัจจุบันสามารถทำกายภาพบำบัดได้หลายวิธี เช่น
การผ่าตัดกระดูกคอเสื่อมเป็นอีกหนึ่งวิธีรักษาในกรณีที่อาการกดเบียดรากประสาทหรือไขสันหลัง ร่วมด้วย ซึ่งเหมาะกับคนที่มีอาการปวดร้าว รู้สึกชาไปทั่วแขน มือ นิ้ว ใช้งานมือได้ลำบาก มีอาการอ่อนแรง และการเดินที่ผิดปกติ โดยแพทย์จะทำการผ่าตัดเอาหมอนรองกระดูกคอที่เคลื่อน หรือกระดูกคอที่งอกผิดรูปออก รวมถึงการเชื่อมต่อกับคอ เพื่อให้อาการที่ผู้ป่วยเป็นอยู่ดีขึ้น
กระดูกคอเสื่อมเป็นภาวะที่กระดูกต้นคอ และหมอนรองกระดูกคอเสื่อมสภาพ ทำให้กระดูกคองอก หรือหมอนรองกระดูกเคลื่อนตัวออกจนกดทับรากประสาท รวมถึงไขสันหลังบริเวณนั้น ซึ่งเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ส่งผลให้เกิดอาการต่าง ๆ ที่สร้างความลำบากในการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น รู้สึกปวดคอก้มเงยได้ไม่เต็มที่ ปวดร้าวลงแขน มือ นิ้วมือ มีอาการชาทั่วแขน อีกทั้งไม่สามารถทรงตัวยืนหรือเดินได้
แต่ทั้งนี้ สามารถรักษาให้อาการดีขึ้นได้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การทานยา การทำกายภาพบำบัด และถ้าหากมีอาการที่กระทบกับระบบประสาทอาจทำการผ่าตัด เพื่อเอากระดูกที่กดทับไขสันหลังและรากประสาทออกไป จะช่วยให้คุณฟื้นตัวจากอาการกระดูกคอเสื่อมได้ดีขึ้น
หากพบว่าตนเองมีอาการเข้าข่ายเป็นโรคกระดูกคอเสื่อม คุณสามารถเข้ามาพบแพทย์เพื่อตรวจอาการและรับการรักษาได้ที่ศูนย์รักษ์ข้อ โรงพยาบาลพระรามเก้า เรามีทีมแพทย์เฉพาะทางที่มีประสบการณ์ สามารถแก้ไขกระดูกคอและรักษากล้ามเนื้อบริเวณคอได้อย่างตรงจุด อีกทั้งยังให้คำแนะนำในการดูแลคอให้ฟื้นตัวได้เร็ว เพื่อให้คุณสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ปกติอีกครั้ง
หากสนใจเข้ารับการรักษากับโรงพยาบาลพระรามเก้า สามารถติดต่อเราได้ที่ช่องทางด้านล่างนี้
โรคกระดูกเสื่อมเป็นโรคที่มีการเปลี่ยนแปลงของหมอนรองกระดูก หรือกระดูกแล้ว ไม่สามารถกลับไปเป็นเหมือนปกติได้ แต่อาการที่เกิดขึ้นจากกระดูกคอเสื่อม เช่นอาการปวดคอ สามารถหายเองได้ หรือถ้ามีอาการไม่ดีขึ้นสามารถรักษาได้ด้วยการทานยา การทำกายภาพบำบัด การนวดแพทย์ไทย รวมถึงการฝังเข็ม โดยเบื้องต้นยังไม่ต้องรับการผ่าตัด
ถ้ามีอาการปวดคอ ร่วมกับอาการปวดร้าวลงแขน ชาลงแขน อ่อนแรงแขน การใช้งานมือไม่คล่อง และมีปัญหาในการทรงตัวหรือการเดิน ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ เนื่องจากเป็นอาการที่บ่งว่า มีการกดเบียนรากประสาท หรือ ไขสันหลังร่วมด้วย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้อง
แนะนำให้กินอาหารจำพวกแคลเซียมให้เพียงพอทุกวัน เช่น นมสด, ปลาตัวเล็ก, ผักใบเขียว หรือโยเกิร์ต เป็นต้น เพื่อเสริมสร้างกระดูกคอของผู้ป่วยโรคกระดูกคอเสื่อมให้แข็งแรง
References
Cleveland Clinic. (2023). Cervical Spondylosis. Cleveland Clinic. https://my.clevelandclinic.org/health/diseases/17685-cervical-spondylosis#symptoms-and-causes
Cleveland Clinic. (2022). Cervical Traction. Cleveland Clinic. https://my.clevelandclinic.org/health/treatments/23093-cervical-traction
Daniel T. Kuo and Prasanna Tadi. (2023). Cervical Spondylosis. National Library of Medicine. https://www.ncbi.nlm.nih.gov/books/NBK551557/
Mayo Clinic Staff. (2023). Cervical spondylosis. Mayo Clinic. https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/cervical-spondylosis/symptoms-causes/syc-20370787
เกี่ยวกับผู้เขียนบทความ
แพ็กเกจที่เกี่ยวข้อง (0)
ดูทั้งหมด
บทความที่เกี่ยวข้อง (10)
ดูทั้งหมด
Copyright © 2024 All Rights Reserved | Praram 9 Hospital