บทความสุขภาพ

Knowledge

หมอนรองกระดูกเสื่อม ต้นเหตุอาการปวดหลังเรื้อรังที่อายุน้อยก็พบได้

นพ. ภูมิบาล เวศย์พิริยะกุล

ในปัจจุบันภาวะหมอนรองกระดูกสันหลังเสื่อม หรือที่เรียกกันว่า หมอนรองกระดูกเสื่อม ไม่ได้พบเฉพาะในผู้สูงอายุเท่านั้น แต่เริ่มพบในคนวัยทำงานมากขึ้น เนื่องจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตในยุคปัจจุบันส่งผลต่อสุขภาพของกระดูกสันหลังโดยตรง ซึ่งอาการปวดหลังจากหมอนรองกระดูกเสื่อมสามารถสร้างความเจ็บปวดให้กับผู้ป่วยจนส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน หากไม่ได้รับการวินิจฉัยและดูแลรักษาอย่างเหมาะสม อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนหรืออาการที่รุนแรงขึ้นได้ในอนาคต


Key Takeaways


  • หมอนรองกระดูกเสื่อมเกิดจากการเสื่อมของหมอนรองกระดูกสันหลัง ก่อให้เกิดอาการปวดหลังเรื้อรัง
  • หากอาการเสื่อมรุนแรง มีโอกาสที่หมอนรองกระดูกเคลื่อนและไปทับเส้นประสาท ทำให้เกิดอาการปวดร้าวลงขา หรืออาการชาลงเท้าได้
  • การรักษาหมอนรองกระดูกเสื่อมจะเน้นไปที่การประคับประคอง และชะลออาการเสื่อมของหมอนรองกระดูกสันหลัง เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตประจำวันที่เป็นปกติได้ยาวนานขึ้น

รู้จัก ‘หมอนรองกระดูกเสื่อม’ อีกหนึ่งต้นเหตุที่ก่อให้เกิดอาการปวดหลังเรื้อรัง


หมอนรองกระดูกเสื่อม (Degenerative Disc) คือภาวะที่เกิดขึ้นจากการเสื่อมสภาพของหมอนรองกระดูกสันหลัง ซึ่งมีหน้าที่ในการรองรับแรงกระแทกและกระจายน้ำหนักระหว่างกระดูกสันหลัง รวมถึงช่วยให้กระดูกสันหลังเคลื่อนไหวได้อย่างยืดหยุ่นและเป็นธรรมชาติ


เมื่อหมอนรองกระดูกเสื่อมลง ทำให้ช่องว่างระหว่างกระดูกสันหลังแคบลง ความสามารถในการรองรับแรงกระแทกจึงลดลงตามไปด้วย ก่อให้เกิดอาการปวดหลังเรื้อรัง หากปล่อยไว้ไม่รักษาอาจนำไปสู่การกดทับของเส้นประสาท หรือเกิดการเสียดสีระหว่างข้อกระดูก ซึ่งส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวและคุณภาพชีวิตในระยะยาวได้


รู้ทันสาเหตุหมอนรองกระดูกเสื่อมมีอะไรบ้าง?


หมอนรองกระดูกเสื่อม สาเหตุ

หมอนรองกระดูกเสื่อมสามารถแบ่งสาเหตุการเกิดได้ดังนี้


  • หมอนรองกระดูกเสื่อมตามอายุ

ภายในหมอนรองกระดูกประกอบด้วยน้ำ โปรติโอไกลแคน และคอลลาเจน ซึ่งทำงานร่วมกันเพื่อให้หมอนรองกระดูกมีความยืดหยุ่น และสามารถดูดซับแรงกระแทกจากการเคลื่อนไหวได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะโปรติโอไกลแคนซึ่งมีคุณสมบัติในการกักเก็บน้ำไว้ในเนื้อเยื่อ


เมื่ออายุมากขึ้น โปรติโอไกลแคนและคอลลาเจนในหมอนรองกระดูกจะลดลง ส่งผลให้น้ำภายในและความยืดหยุ่นน้อยลง รวมถึงความสูงของหมอนรองกระดูกลดลงตามมา จนนำไปสู่การเสื่อมสภาพของหมอนรองกระดูกในที่สุด


  • การบาดเจ็บบริเวณหมอนรองกระดูก

โครงสร้างของหมอนรองกระดูกประกอบไปด้วยแกนกลางหมอนรองกระดูกที่มีลักษณะคล้ายเจล และเนื้อเยื่อรอบนอกหมอนรองกระดูกที่ห่อหุ้มแกนกลาง การบาดเจ็บจากอุบัติเหตุอาจทำให้เนื้อเยื่อที่ห่อหุ้มแกนกลางนี้เกิดฉีกขาด และเพิ่มความเสี่ยงที่แกนกลางหมอนรองกระดูกจะเคลื่อนทะลุออกมากลายเป็นหมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาท ซึ่งอาการบาดเจ็บนี้เองที่เป็นจุดเริ่มต้นของหมอนรองกระดูกเสื่อม เนื่องจากการบาดเจ็บอาจไม่สามารถซ่อมแซมได้สมบูรณ์ ทำให้โครงสร้างหมอนรองกระดูกอ่อนแอลง และเกิดการเสื่อมสภาพเร็วขึ้นกว่าปกติ


  • การใช้งานหมอนรองกระดูกสันหลังที่ไม่เหมาะสม

การใช้งานหมอนรองกระดูกสันหลังซ้ำ ๆ ทำให้หมอนรองกระดูกสันหลังได้รับแรงกดต่อเนื่อง หรือการเคลื่อนไหวด้วยท่าทางที่ไม่เหมาะสม จะยิ่งเพิ่มโอกาสให้เกิดการฉีกขาดของเนื้อเยื่อรอบนอกหมอนรองกระดูก หรือเกิดแรงกดที่ไม่สมดุล ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสาเหตุหนึ่งที่เพิ่มโอกาสให้เกิดหมอนรองกระดูกเสื่อมในผู้ที่มีอายุน้อย


เข้าใจพฤติกรรมเสี่ยงและปัจจัยหลักที่ทำให้หมอนรองกระดูกเสื่อมแบบไม่รู้ตัว


นอกจากสาเหตุที่กล่าวไปแล้วในหัวข้อข้างต้น ยังมีอีกหลายพฤติกรรมเสี่ยงที่ทำให้หมอนรองกระดูกเสื่อมเร็วขึ้น ดังนี้


  • น้ำหนักตัวเกินเกณฑ์ ทำให้หมอนรองกระดูกสันหลังต้องรับแรงกระแทกมากกว่าปกติ
  • การสูบบุหรี่ ทำให้กระบวนการฟื้นฟูหมอนรองกระดูกสันหลังเกิดช้าลง จึงทำให้เสื่อมสภาพเร็วขึ้น
  • การขาดการออกกำลังกาย ทำให้กล้ามเนื้อรอบ ๆ กระดูกสันหลังไม่แข็งแรง ส่งผลให้หมอนรองกระดูกต้องรับแรงกระแทกโดยไม่มีกล้ามเนื้อรอบ ๆ ช่วยพยุง
  • การอยู่ในอิริยาบถซ้ำ ๆ เช่น การนั่งหลังค่อม การนั่งตัวเอียง หรือการนั่งนาน ยืนนานโดยไม่เปลี่ยนท่าทาง ทำให้หมอนรองกระดูกต้องรับแรงกดมากกว่าปกติ

ความแตกต่างของหมอนรองกระดูกเสื่อม กับหมอนรองกระดูกปลิ้น


หมอนรองกระดูกเสื่อมกับหมอนรองกระดูกปลิ้นเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับกระดูกสันหลังเช่นกัน แต่มีสาเหตุและลักษณะการเกิดที่แตกต่างกัน ดังนี้


  • หมอนรองกระดูกเสื่อม (Degenerative Disc) เกิดจากการเสื่อมของหมอนรองกระดูกสันหลังที่ผ่านการใช้งานหนักติดต่อกันเป็นเวลานาน จนเป็นเหตุทำให้หมอนรองกระดูกมีการเปลี่ยนแปลง ช่องว่างระหว่างข้อกระดูกสันหลังลดลง เพิ่มโอกาสให้กระดูกเกิดการเสียดสีมากขึ้น และมีอาการปวดอักเสบตามมา ซึ่งอาการปวดหลังที่เกิดขึ้นจะเป็นอาการเรื้อรัง แต่จะยังไม่มีอาการร้าวลงขา หรืออาการชาจากการกดทับเส้นประสาท
  • ในขณะที่หมอนรองกระดูกปลิ้น (Herniated Disc) คือการที่เนื้อเยื่อรอบนอกหมอนรองกระดูกเกิดการฉีกขาดจนแกนกลางหมอนรองกระดูกปลิ้นออกมาจากตำแหน่งเดิม ซึ่งจะไปกดทับเส้นประสาททำให้เกิดอาการปวดร้าวลงขา หรือมีอาการชาอ่อนแรงเกิดขึ้น โดยผู้ที่หมอนรองกระดูกเสื่อมระยะหลัง ๆ หรือหมอนรองกระดูกเสื่อมจากอุบัติเหตุมีโอกาสที่จะเกิดหมอนรองกระดูกปลิ้นมากขึ้น

อาการแบบไหนเสี่ยงเป็นภาวะหมอนรองกระดูกเสื่อม?


หมอนรองกระดูกเสื่อม อาการ

ผู้ที่มีความเสี่ยงเป็นหมอนรองกระดูกเสื่อม มักจะมีอาการดังต่อไปนี้


  • ปวดหลังบริเวณเอว ซึ่งสัมพันธ์กับการใช้งานหลัง โดยเฉพาะเวลาที่อยู่ในอิริยาบถเดิมเป็นเวลานาน เช่น ยืนนาน นั่งนาน แต่เมื่อนอนพักอาการปวดจะดีขึ้น
  • อาการปวดหลังจะไม่หายขาดและเป็นเรื้อรัง
  • กรณีที่เริ่มมีการกดทับเส้นประสาท จะมีอาการปวดร้าวลงขา หรือมีอาการชาอ่อนแรงลงขาถึงเท้า
  • หากอาการเสื่อมรุนแรงมากอาจมีผลกระทบต่อระบบขับถ่าย ผู้ป่วยอาจกลั้นปัสสาวะอุจจาระไม่ได้

ระดับความรุนแรงของหมอนรองกระดูกเสื่อม


ภาวะหมอนรองกระดูกเสื่อมสามารถแบ่งระดับความรุนแรงได้เป็น 3 ระยะ ดังนี้


  • ระยะที่ 1 : เป็นระยะที่เริ่มมีการเสื่อมของหมอนรองกระดูกสันหลัง ผู้ป่วยจะมีอาการปวดหลังช่วงเอวแบบเป็น ๆ หาย ๆ ไม่รุนแรง และยังสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้เป็นปกติ
  • ระยะที่ 2 : เป็นระยะที่หมอนรองกระดูกเสื่อมมากขึ้น มีโอกาสที่จะเกิดหมอนรองกระดูกเคลื่อนหรือปลิ้นไปกดทับเส้นประสาท ส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการปวดร้าวและชาลงขา
  • ระยะที่ 3 : เป็นระยะที่หมอนรองกระดูกเสื่อมรุนแรงจนส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ผู้ป่วยจะไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เป็นปกติ รวมถึงเริ่มมีผลกระทบต่อระบบขับถ่ายด้วย

หมอนรองกระดูกเสื่อม รักษาหายไหม?


หมอนรองกระดูกเสื่อมสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน เนื่องจากการใช้งานกระดูกสันหลังอย่างต่อเนื่องในระยะยาว สามารถทำให้หมอนรองกระดูกเสื่อมสภาพตามธรรมชาติ แม้ว่าภาวะกระดูกเสื่อมจะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ เนื่องจากเป็นกระบวนการเสื่อมตามอายุและสภาพร่างกาย แต่สามารถบรรเทาอาการได้ด้วยการรักษาแบบประคับประคอง เพื่อชะลอการเสื่อมของหมอนรองกระดูกสันหลังให้สามารถใช้งานได้ยาวนานขึ้น


แนวทางการรักษาหมอนรองกระดูกเสื่อม


แนวทางการรักษาหมอนรองกระดูกเสื่อมจะมุ่งเน้นไปที่การยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย ให้สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้เป็นปกติหรือใกล้เคียงที่สุด ซึ่งวิธีการรักษาจะขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของอาการ ดังนี้


1. การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ลดพฤติกรรมเสี่ยง


เราสามารถชะลอการเสื่อมของหมอนรองกระดูกสันหลังได้ด้วยการลดการใช้งานที่ทำให้หมอนรองกระดูกสันหลังต้องรับภาระหนักเกินไป เช่น ไม่นั่งนานเกินไป ไม่ยืนอยู่ท่าเดิม ๆ ไม่ยกของหนักบ่อย ๆ นอกจากนี้ยังควรเพิ่มความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อหลังด้วยการออกกำลังกาย เพื่อให้กล้ามเนื้อช่วยพยุงและรับน้ำหนักแทนหมอนรองกระดูกสันหลัง


2. การทำกายภาพบำบัด


อาการปวดจากหมอนรองกระดูกเสื่อมสามารถบรรเทาได้ด้วยการทำกายภาพบำบัด ซึ่งในปัจจุบันมีหลายหัตถการที่นำมาใช้รักษาผู้ป่วยหมอนรองกระดูกเสื่อม เช่น การทำอัลตราซาวนด์ การทำช็อกเวฟ การฝึกความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อหลัง การประคบร้อน หรือการใช้อุปกรณ์พยุงหลัง เป็นต้น


3. การใช้ยา


อาการปวดสามารถบรรเทาได้ด้วยการใช้ยา ซึ่งมีทั้งรูปแบบยารับประทาน ยาทาภายนอก และการใช้ยาฉีด ซึ่งเป็นวิธีที่มักนำมาใช้รักษาร่วมกับวิธีอื่น ๆ เพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพมากขึ้น


4. การผ่าตัด


กรณีที่ผู้ป่วยเริ่มมีอาการปวดจนส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน รวมถึงมีการเสื่อมของหมอนรองกระดูกสันหลังรุนแรง หรือหมอนรองกระดูกเคลื่อนทับเส้นประสาท ไม่ตอบสนองต่อการรักษาแบบอื่น แพทย์จะพิจารณาให้ผู้ป่วยเข้ารับการผ่าตัด ซึ่งวิธีการผ่าตัดมีได้แก่


  • การผ่าตัดหมอนรองกระดูกส่วนที่เคลื่อนทับเส้นประสาทออก โดยการทำผ่าตัดผ่ากล้องไมโครสโคป หรือ กล้องเอนโดสโคป เพื่อเอาเฉพาะหมอนรองกระดูกที่กดทับเส้นประสาทออก
  • การผ่าตัดเชื่อมกระดูกสันหลัง เป็นการนำวัสดุพิเศษมาเชื่อมกระดูกสองชิ้นเข้าด้วยกันและยึดดามด้วยเหล็ก เพื่อลดอาการปวดจากการเคลื่อนไหวระหว่างข้อกระดูกสันหลังที่ผิดปกติไปจากหมอนรองกระดูกที่เสื่อมมาก

การผ่าตัดหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยได้อย่างไร อ่านต่อได้ที่บทความ ผ่าตัดหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท และประสบการณ์ที่สามารถกลับมาเดินได้ภายในวันเดียว


หมอนรองกระดูกเสื่อม อย่าปล่อยเรื้อรัง ดูแลรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น


อาการปวดหลังจากหมอนรองกระดูกเสื่อมในเริ่มต้นอาจยังไม่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันมากนัก แต่หากปล่อยปละละเลย และยังคงพฤติกรรมการใช้งานแบบเดิม ๆ อาจส่งผลให้หมอนรองกระดูกเสื่อมมากขึ้นจนไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เป็นปกติอีกต่อไป และส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตในระยะยาว


ที่ศูนย์กระดูกและข้อ โรงพยาบาลพระรามเก้า เรามุ่งเน้นให้การรักษาเพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย ทั้งการรักษาแบบประคับประคอง และการรักษาด้วยการผ่าตัด โดยทีมแพทย์เฉพาะทาง ร่วมมือกับแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาและดูแลอย่างเหมาะสม สามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้โดยเร็วที่สุด


สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม



คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับหมอนรองกระดูกเสื่อม


วิธีการดูแลตัวเองหลังผ่าตัดหมอนรองกระดูกเสื่อมมีอะไรบ้าง?


ในช่วงแรกจะต้องใส่อุปกรณ์พยุงหลังเพื่อลดแรงกดทับระหว่างข้อกระดูกสันหลัง นอกจากนี้ควรจะบริหารร่างกายเบา ๆ เพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อหลัง ลดอาการปวดและป้องกันการเสื่อมของหมอนรองกระดูกในอนาคต


ผ่าตัดหมอนรองกระดูกเสื่อมต้องพักฟื้นกี่วัน?


โดยปกติแล้วจะใช้เวลาพักฟื้นที่โรงพยาบาลประมาณ 3-5 วัน และพักฟื้นต่อที่บ้านประมาณ 4-6 สัปดาห์


References


Felman, A. (2023, October 25). All about degenerative disc disease. MedicalNewsToday. https://www.medicalnewstoday.com/articles/266630


McMillen, M. (2023, October 25). What Is Degenerative Disk Disease?. WebMD. https://www.webmd.com/back-pain/degenerative-disk-disease-overview

เกี่ยวกับผู้เขียนบทความ

นพ. ภูมิบาล  เวศย์พิริยะกุล

นพ. ภูมิบาล เวศย์พิริยะกุล

ศูนย์กระดูกและข้อโรงพยาบาลพระรามเก้า

บทความที่เกี่ยวข้อง (10)

ดูทั้งหมด

อาการปวดสะโพกร้าวลงขา อีกหนึ่งสัญญาณเส้นประสาทถูกกดทับ

อาการปวดสะโพกร้าวลงขา (Sciatica pain) เกิดจากการถูกกดทับที่เส้นประสาท ทำให้รู้สึกปวดจากช่วงเอวหรือสะโพกร้าวลงขาด้านหลัง บางรายอาจร้าวไปถึงน่องและเท้าได้

ปวดข้อเท้าเกิดจากสาเหตุอะไร มีวิธีรักษาอย่างไรไม่ให้เจ็บเรื้อรัง?

ทำความเข้าใจกับอาการปวดข้อเท้าที่ควรรู้ อาการแบบไหนที่ควรเข้าปรึกษาแพทย์? พร้อมเรียนรู้สาเหตุของอาการ วิธีรักษา ตลอดจนการป้องกันไม่ให้เจ็บข้อเท้าเรื้อรัง

คำแนะนำการป้องกันมาลาเรียสำหรับนักเดินทาง

โรคมาลาเรียเป็นโรคที่เกิดจากโปรโตซัว Plasmodium นำโดยยุงก้นปล่อง มีทั้งหมด 5 สายพันธุ์ สายพันธ์ุที่รุนแรงคือ Plasmodium falciparum ซึ่งเป็นสายพันธุ์หลักในทวีปแอฟริกา ทำให้เกิดการติดเชื้อรุนแรง อวัยวะต่างๆล้มเหลว ติดเชื้อขึ้นสมอง โคม่า ชัก และเสียชีวิตได้ หากได้รับการรักษาที่ล่าช้า

ไส้เลื่อน ใครก็เป็นได้ อันตรายที่ต้องรักษาก่อนเกิดภาวะแทรกซ้อน

ไส้เลื่อน คือภาวะที่ลำไส้เลื่อนหรือดันออกมาจากช่องท้อง สามารถสังเกตเห็นก้อนนูนออกมาตามขาหนีบ หน้าท้อง สะดือ หากไม่รักษาอาจเกิดอันตรายจากอาการแทรกซ้อนได้

รู้ทันต้อหิน โรคร้ายทำลายการมองเห็น รีบรักษาก่อนสายเกินแก้

ต้อหิน (Glaucoma) คือโรคตาที่มีสาเหตุจากขั้วประสาทตาเสื่อม ผู้ป่วยจะมีอาการปวดหัวปวดตา กระจกตาขุ่น การมองเห็นแย่ลง และค่อย ๆ สูญเสียการมองเห็นไปในที่สุด

Hypothyroidism คืออะไร? รู้ทันสาเหตุ อาการ และวิธีรักษา

Hypothyroidism คือ ภาวะพร่องฮอร์โมนไทรอยด์ หรือฮอร์โมนไทรอยด์ทำงานต่ำ ทำให้ระดับการเผาผลาญพลังงานลดลง และนำมาสู่การทำงานของระบบต่าง ๆ ผิดปกติ

รู้ทันอาการน้ำในหูไม่เท่ากัน ใครเวียนหัว บ้านหมุนบ่อยต้องระวัง

โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน เป็นความผิดปกติของระบบน้ำในหูชั้นใน ซึ่งสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ ทำให้ผู้ป่วยมีอาการ เวียนหัว บ้านหมุน ทรงตัวไม่อยู่ และการได้ยินผิดปกติ

หายใจไม่อิ่ม หายใจลำบาก สัญญาณอันตรายที่คุณไม่ควรมองข้าม

หายใจไม่อิ่ม เป็นอาการที่หลายคนเผชิญ อาจมีอาการแน่นหน้าอก หายใจไม่เต็มปอด หายใจลำบาก หัวใจเต้นเร็ว เหนื่อยง่าย บทนี้ความจะพาไปดูสาเหตุของอาการเหล่านี้กัน

ภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน อันตรายถึงชีวิตแบบไร้สัญญาณเตือน

หัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน (Sudden Cardiac Arrest) คือ ภาวะที่หัวใจหยุดทำงานกะทันหัน ทำให้หมดสติและเสียชีวิตในไม่กี่นาที จึงเป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องรับการรักษาทันที

อาการปวดเข่าคืออะไร มีวิธีป้องกันข้อเข่ามีอะไรบ้าง?

อาการปวดเข่าเป็นอาการที่เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ข้อเข่าเสื่อม และส่งผลต่อชีวิตประจำวันได้ การรู้ถึงสาเหตุ วิธีป้องกัน และการรักษาอาการปวดเข่าจึงเป็นเรื่องสำคัญ

Copyright © 2024 All Rights Reserved | Praram 9 Hospital