บทความสุขภาพ

Knowledge

กายภาพบำบัด ศาสตร์ฟื้นฟูสุขภาพ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า

พญ. ปิยะวรรณ งามองอาจ

เพื่อให้การเคลื่อนไหวร่างกายสามารถทำได้เป็นปกติที่สุด ‘กายภาพบำบัด’ เป็นอีกวิธีที่ช่วยส่งเสริมให้ร่างกายสามารถฟื้นฟูอาการบาดเจ็บ หรือลดอาการปวดเพื่อให้สามารถกลับมาเคลื่อนไหวได้ใกล้เคียงปกติอีกครั้ง และนอกจากนี้ การกายภาพบำบัดยังครอบคลุมไปถึงการรักษา การบำบัดในผู้ป่วยที่มีปัญหาการเคลื่อนไหว อันเนื่องมาจากโรคใด ๆ ได้อีกด้วย


Key Takeaways


  • กายภาพบำบัด เป็นศาสตร์ฟื้นฟูร่างกายที่ช่วยลดอาการเจ็บปวด เพื่อให้สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้เป็นปกติที่สุด และสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพ
  • แนวทางการกายภาพบำบัดขึ้นอยู่กับสาเหตุของอาการเจ็บปวด ที่ส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวร่างกาย การทราบถึงสาเหตุที่แท้จริงจะช่วยให้นักกายภาพบำบัดวางแผนการฟื้นฟูได้อย่างเหมาะสม
  • ในปัจจุบันมีเทคนิคกายภาพบำบัดมากมาย ทั้งในรูปแบบการออกกำลังกาย การกายภาพบำบัดด้วยมือ ไปจนถึงการใช้เครื่องมือเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่ส่งเสริมให้การทำกายภาพบำบัดมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • นอกจากการทำกายภาพบำบัดกับแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู และนักกายภาพบำบัดแล้ว ผู้ป่วยควรฝึกกายภาพบำบัดด้วยตนเองตามคำแนะนำจากนักกายภาพบำบัด เพื่อให้การฟื้นฟูเป็นไปอย่างต่อเนื่อง

กายภาพบำบัด ศาสตร์ฟื้นฟูสุขภาพที่จำเป็นต่อผู้ป่วยหลากหลายกลุ่ม


กายภาพบำบัด (Physical Therapy) คือ ศาสตร์ที่ช่วยดูแลและฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายให้กลับมาเคลื่อนไหวได้ดีเป็นปกติ หรือใกล้เคียงปกติมากที่สุดด้วยการออกกำลังกาย การใช้เครื่องมือ อุปกรณ์ และเทคนิคต่าง ๆ โดยจะมีแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูทำงานร่วมกับนักกายภาพบำบัดเป็นผู้จัดวางแผนการกายภาพบำบัด และดูแลอย่างใกล้ชิด


การทำกายภาพบำบัดสามารถช่วยฟื้นฟูสุขภาพ โดยจะมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ เพิ่มความสามารถและขยายขีดจำกัดในการเคลื่อนไหว ลดและบรรเทาอุปสรรคใด ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหว รวมไปถึงการป้องกันการบาดเจ็บจนส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต


ด้วยเหตุนี้ การทำกายภาพบำบัดจึงมีความจำเป็นในผู้ที่มีปัญหาในเรื่องการเคลื่อนไหวที่อาจเกิดจากระบบกระดูก ข้อต่อ กล้ามเนื้อ ระบบประสาทและสมอง ระบบหัวใจและหลอดเลือด การฟื้นฟูก่อนและหลังผ่าตัด นอกจากนี้ยังเป็นแนวทางการรักษาแบบประคับประคอง ซึ่งเป็นทางเลือกหนึ่งของผู้ที่ไม่ต้องการรักษาโรคด้วยการผ่าตัดอีกด้วย


กายภาพบำบัดมีกี่ประเภท?


กายภาพบําบัด มีอะไรบ้าง

สาเหตุที่ทำให้การเคลื่อนไหวเกิดปัญหาขึ้นมีมากมาย ด้วยเหตุนี้การกายภาพบำบัดจึงมีความจำเพาะในการรักษาและฟื้นฟูที่หลากหลาย เพื่อให้การกายภาพบำบัดสามารถแก้ไขปัญหาอย่างตรงจุด


1. กายภาพบำบัดกระดูกและกล้ามเนื้อ


กายภาพบำบัดกระดูกและกล้ามเนื้อ เป็นการบำบัดที่เน้นไปที่การรักษาและฟื้นฟูให้กล้ามเนื้อแข็งแรง เพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวดจากความเสื่อมของกระดูกและข้อ รวมถึงช่วยให้สามารถเคลื่อนไหวได้ใกล้เคียงปกติ ซึ่งกลุ่มอาการที่มักจะต้องเข้ารับการกายภาพบำบัดกระดูกและกล้ามเนื้อ มีดังนี้


  • อาการปวดหลัง ปวดคอ จากออฟฟิศซินโดรม
  • กล้ามเนื้ออักเสบ ทั้งแบบเฉียบพลันและเรื้อรัง
  • อาการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา เช่น เอ็นไขว้หน้าขาด
  • ผู้ที่เข้ารับการผ่าตัดกระดูกหรือข้อ เช่น ผ่าตัดกระดูกสันหลัง
  • การใช้งานกล้ามเนื้อและข้อส่วนเดิมซ้ำ ๆ จนเกิดการบาดเจ็บสะสม เช่น ปวดเข่า ปวดข้อมือ นิ้วล็อก ฯลฯ

2. กายภาพบำบัดระบบประสาท


กายภาพบำบัดระบบประสาท เป็นการบำบัดที่เน้นไปที่การรักษาและฟื้นฟูผู้ที่มีปัญหาด้านระบบประสาทและสมอง เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถควบคุมการเคลื่อนไหวร่างกายได้ดีขึ้น และสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ใกล้เคียงปกติที่สุด โดยกลุ่มโรคหรืออาการที่ต้องรับการกายภาพบำบัดระบบประสาท ได้แก่


  • ผู้ป่วยอัมพาตครึ่งซีก อัมพฤกษ์ อัมพาต
  • สมองได้รับบาดเจ็บ เสียหายจากการกระทบกระเทือน
  • แขนขาอ่อนแรง
  • โรคหลอดเลือดสมอง
  • พาร์กินสัน
  • เส้นประสาทถูกกดทับ เช่น หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท อาการมือชา ปวดสะโพกร้าวลงขา ฯลฯ

3. กายภาพบำบัดหลอดเลือดและหัวใจ


กายภาพบำบัดหลอดเลือดและหัวใจ เป็นการบำบัดที่มุ่งเน้นไปที่การฟื้นฟูให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้ดีหลังรับการรักษา ประคับประคองอาการจากโรค กระตุ้นการเคลื่อนไหว เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงการลดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ เหมาะสำหรับผู้ป่วยกลุ่มโรคดังต่อไปนี้


  • ภาวะหัวใจล้มเหลว
  • โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ
  • โรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน
  • โรคปอดอักเสบ
  • โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง
  • ผู้ป่วยพักฟื้นหลังรับการรักษาด้วยการผ่าตัดหัวใจ ปอด และหลอดเลือด

4. กายภาพบำบัดในผู้ป่วยเด็ก


กายภาพบำบัดในผู้ป่วยเด็กช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ และช่วยเพิ่มความสามารถในการเคลื่อนไหวการทรงตัวที่ดีให้กับเด็ก ไปจนถึงช่วยในเรื่องการเสริมสร้างพัฒนาการ โดยมีเป้าหมายให้ผู้ป่วยเด็กสามารถช่วยเหลือตนเอง และสามารถทำกิจวัตรได้ด้วยตนเองใกล้เคียงกับเด็กวัยเดียวกัน เหมาะกับผู้ป่วยเด็กที่มีภาวะหรือโรคดังนี้


  • กล้ามเนื้ออ่อนแรงแต่กำเนิด
  • สมองพิการแต่กำเนิด
  • มีปัญหาด้านพัฒนาการล่าช้า
  • เด็กที่มีปัญหาด้านการเคลื่อนไหวจากระบบประสาท การได้รับอุบัติเหตุ ฯลฯ

5. กายภาพบำบัดผู้สูงวัย


กายภาพบำบัดผู้สูงวัยจะมุ่งเน้นไปที่การบรรเทาอาการเจ็บปวดที่มาจากการเสื่อมของร่างกาย ทำให้ผู้ป่วยสามารถเคลื่อนไหวได้สะดวก และเจ็บปวดน้อยลง ซึ่งเหมาะกับผู้สูงอายุทุกคน โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่มีภาวะหรือโรคดังต่อไปนี้


  • มีปัญหาโรคข้ออักเสบ ข้อเสื่อม กระดูกคอเสื่อมตามวัย
  • ผู้สูงอายุที่ผ่านการผ่าตัดเข่าเสื่อม เปลี่ยนข้อสะโพก
  • ผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์
  • มีปัญหาระบบขับถ่าย
  • มีปัญหาการเคลื่อนไหว และการทรงตัว

อุปกรณ์และเทคโนโลยีที่ช่วยในเรื่องการกายภาพบำบัด


การใช้อุปกรณ์และเทคโนโลยีกายภาพบำบัด ช่วยรักษาและฟื้นฟูอาการบาดเจ็บได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งเทคโนโลยีที่ใช้ในปัจจุบันมีดังต่อไปนี้


  • Shockwave Therapy หรือการรักษาด้วยคลื่นกระแทก เป็นการกระตุ้นให้กล้ามเนื้อเกิดการบาดเจ็บเพื่อให้เกิดการสร้างเนื้อเยื่อขึ้นมาใหม่ กระบวนการนี้จะช่วยสลายพังผืด ให้กล้ามเนื้อคลายตัว และยังช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น นิยมรักษาในผู้ที่มีอาการปวดข้อมือ คอ บ่า ไหล่ อาการรองช้ำ เป็นต้น
  • Ultrasound Therapy หรือการรักษาด้วยคลื่นอัลตราซาวนด์ เป็นวิธีการรักษาโดยการใช้คลื่นเสียงความถี่สูงยิงลงไปยังชั้นกล้ามเนื้อจนเกิดความร้อน เพื่อให้กล้ามเนื้อเกิดการคลายตัวออก พร้อมกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนดี นิยมใช้เพื่อบรรเทาอาการปวดเรื้อรัง เช่น ปวดคอ ปวดเข่า อาการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ ไปจนถึงเพื่อเร่งการฟื้นฟูในผู้ป่วยหลังผ่าตัด
  • Electrical Stimulator หรือการรักษาด้วยการกระตุ้นไฟฟ้า เป็นเทคโนโลยีกายภาพบำบัดที่ช่วยกระตุ้นให้กล้ามเนื้อคลายตัวได้ดี โดยเฉพาะกล้ามเนื้อมัดเล็ก ด้วยการส่งคลื่นไฟฟ้าความถี่ต่ำผ่านแผ่นอิเล็กโทรดที่แปะบนผิวหนัง เหมาะกับผู้ที่มีปัญหากล้ามเนื้อหดเกร็ง เช่น ปวดหลัง ปวดคอ ออฟฟิศซินโดรม และผู้ที่มีปัญหาปวดเกร็งจากระบบประสาทผิดปกติ
  • Peripheral Magnetic Stimulation หรือการรักษาด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ช่วยรักษาอาการปวด อาการชาที่เกิดจากกล้ามเนื้อ หรือระบบประสาทด้วยการใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าลงไปกระตุ้นให้เนื้อเยื่อเกิดการซ่อมแซมใหม่ สามารถรักษาผู้ป่วยที่มีอาการปวดเรื้อรัง ผู้ที่มีอาการชา อ่อนแรง จากโรคระบบประสาทและสมอง
  • High Power Laser Therapy หรือการรักษาด้วยเลเซอร์ เป็นเทคโนโลยีเลเซอร์กำลังสูงที่สามารถทะลุลงไปถึงชั้นกล้ามเนื้อ ช่วยรักษาและบรรเทากลุ่มอาการอักเสบเฉียบพลันได้ดี เช่น เอ็นร้อยหวายอักเสบ กล้ามเนื้อหลังอักเสบ ข้อมืออักเสบ นอกจากนี้ยังสามารถใช้รักษาอาการฟกช้ำ แผลกดทับ และอาการชาได้อีกด้วย
  • Radiofrequency หรือเครื่องให้การรักษาด้วยคลื่นวิทยุ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดปวด ลดการอักเสบ คลายกล้ามเนื้อและกระตุ้นการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ

นอกจากนี้ยังมีวิธีการกายภาพบำบัดด้วยมือ ซึ่งเป็นการกายภาพบำบัดด้วยเทคนิคต่าง ๆ เช่น


  • Mobilization หรือการขยับข้อต่อ ช่วยลดอาการข้อติดอย่างภาวะข้อไหล่ติด
  • Exercises Therapy หรือการบำบัดด้วยท่าออกกำลังกาย ที่ออกแบบมาให้เหมาะสมกับบุคคล เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ และลดอาการกล้ามเนื้อหดเกร็ง

ท่าบริหารกายภาพบำบัดด้วยตัวเองง่าย ๆ ที่บ้าน


ท่าบริหารกายภาพบำบัด

การทำกายภาพบำบัดไม่เพียงแต่จะต้องรับการรักษากับนักกายภาพบำบัดเท่านั้น แต่ควรจะต้องฝึกบริหารการเคลื่อนไหวร่างกายด้วยตนเอง เพื่อให้ผลการทำกายภาพบำบัดประสบความสำเร็จมากขึ้น ซึ่งสามารถทำกายภาพบำบัดด้วยตนเองด้วยตัวอย่างท่าบริหารง่าย ๆ ดังต่อไปนี้


  • ยืดกล้ามเนื้อคอและไหล่ ลดอาการปวดคอ ปวดไหล่จากกล้ามเนื้อเกร็ง โดยใช้มือฝั่งซ้ายอ้อมมาจับศีรษะฝั่งขวา แล้วดึงเข้ามา ค้างไว้ 15 วินาที ก่อนจะสลับอีกข้าง นับเป็น 1 เซต ให้ทำวันละ 8-10 เซต
  • ยืดกล้ามเนื้อสะโพกและขา ลดอาการปวดหลังล่าง ทำได้ด้วยการนอนตัวตรง กางแขนออก จากนั้นยกขาซ้ายขึ้น ขาขวาเหยียดตรง แล้วค้างไว้ 15 วินาที ก่อนจะสลับอีกข้าง นับเป็น 1 เซต ให้ทำวันละ 5-10 เซต
  • ยืดขาลดอาการขาตึง โดยให้นั่งปลายเก้าอี้ หลังตรง จากนั้นยืดขาซ้ายตรง ขาขวาตั้งฉากกับพื้น แล้วใช้มือทั้งของข้างดันเหนือเข่า ทำค้างไว้ 10 วินาที ก่อนจะสลับอีกข้าง นับเป็น 1 เซต ให้ทำวันละ 5-10 เซต
  • ลดอาการปวดข้อเท้า ปวดรองช้ำ ด้วยการยืดกล้ามเนื้อเท้าโดยนั่งเหยียดเท้าตรง ก่อนนำผ้าหรือเชือกคล้องที่ฝ่าเท้า แล้วดึงเข้าลำตัว

กายภาพบำบัดที่ไหนดี ยิ่งรักษาไว ยิ่งหายเร็ว


การทำกายภาพบำบัด เป็นหนึ่งในวิธีที่ช่วยรักษาและฟื้นฟูร่างกายให้สามารถเคลื่อนไหวได้ดีเป็นปกติ หรือใกล้เคียงปกติที่สุด โดยการเพิ่มประสิทธิภาพของกล้ามเนื้อด้วยการออกกำลังกาย หรือการใช้เทคโนโลยีช่วยกายภาพบำบัด ซึ่งจะช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวด ให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอีกครั้ง


หากมีอาการปวดอย่าปล่อยไว้ รีบรักษาก่อนเรื้อรัง ขอคำปรึกษาจากแพทย์ได้ที่โรงพยาบาลพระรามเก้า ให้บริการด้านข้อมูล ตรวจวินิจฉัย การรักษา และกายภาพบำบัดฟื้นฟู ให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้เร็ว กลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้ใกล้เคียงปกติที่สุด


สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม



คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับกายภาพบำบัด


1. อาการแบบไหนที่ควรเริ่มต้นการทํากายภาพบําบัด?


ผู้ที่มีอาการปวดกระดูกและกล้ามเนื้อ ทั้งเฉียบพลันและเรื้อรัง เช่น ปวดคอ บ่า ไหล ปวดเข่า ปวดหลังจากหลังค่อม ผู้ที่มีอาการทางระบบประสาท ผู้ที่มีปัญหาการทรงตัว กล้ามเนื้ออ่อนแรง ผู้ป่วยหลังผ่าตัด เป็นต้น


2. ข้อควรระวังในการทำกายภาพบำบัดมีอะไรบ้าง?


หลังกายภาพบำบัดไม่ควรกดบีบบริเวณที่รักษารุนแรง เพราะจะทำให้ปวดช้ำและอักเสบ นอกจากนี้ยังไม่ควรฝืนทำกายภาพบำบัดมากไป เพราะอาจทำให้อาการเจ็บปวดแย่ลง


References


Physical Therapy (Physiotherapy). (2024, March 7). Cleveland Clinic. https://my.clevelandclinic.org/health/treatments/physical-therapy


Smith, L. & Eagle, R. (2024, January 11). How does physical therapy help? MedicalNewsToday. https://www.medicalnewstoday.com/articles/160645


Gower, T. (2024, May 28). What Is Physical Therapy? WebMD. https://www.webmd.com/pain-management/what-is-physical-therapy


เกี่ยวกับผู้เขียนบทความ

บทความที่เกี่ยวข้อง (10)

ดูทั้งหมด

ผ่าตัดนิ้วล็อกมีกี่แบบ เลือกรักษาวิธีไหนที่เหมาะกับอาการของคุณ

การผ่าตัดนิ้วล็อกถือเป็นการผ่าตัดเล็ก ที่ช่วยรักษาอาการนิ้วล็อกให้หายได้ภายในเวลา 15-20 นาทีเท่านั้น และสามารถกลับไปพักที่บ้านต่อได้โดยไม่ต้องนอนโรงพยาบาล

เข่าบวม งอเข่าไม่ได้ สัญญาณเตือนโรคข้อเข่าเสื่อมที่ต้องระวัง!

อาการเข่าบวมเป็นภาวะที่พบได้บ่อยในคนทุกวัย ตั้งแต่นักกีฬาไปจนถึงผู้สูงอายุ โดยอาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น อุบัติเหตุ ข้อต่ออักเสบ หรือโรคเรื้อรังอย่างข้อเข่าเสื่อม

Shockwave เทคโนโลยีกายภาพบำบัด รักษาอาการปวดเรื้อรัง

การทำกายภาพบำบัดด้วย Shockwave ช่วยฟื้นฟูอาการบาดเจ็บเรื้อรังด้วยการใช้คลื่นกระแทกให้กล้ามเนื้อบาดเจ็บ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการซ่อมแซมเนื้อเยื่อขึ้นมาใหม่

ผ่าตัดกระดูกสันหลังมีกี่แบบ เสี่ยงหรือไม่ เหมาะกับใครบ้าง

ผ่าตัดกระดูกสันหลัง เป็นวิธีการรักษาโรคกระดูกสันหลังที่ให้ผลลัพธ์การรักษาที่ดีที่สุด ใช้ในกรณีกระดูกสันหลังเสื่อม ทับเส้นประสาท โครงสร้างกระดูกสันหลังผิดรูป ฯลฯ

หมอนรองกระดูกเสื่อม ต้นเหตุอาการปวดหลังเรื้อรังที่อายุน้อยก็พบได้

หมอนรองกระดูกเสื่อมคือภาวะที่เกิดจากการเสื่อมของหมอนรองกระดูกจนไม่สามารถทำหน้าที่ลดแรงกระแทกได้ ทำให้กระดูกรอบ ๆ สึกและอักเสบขึ้นจนเกิดอาการปวดเรื้อรัง

อาการปวดสะโพกร้าวลงขา อีกหนึ่งสัญญาณเส้นประสาทถูกกดทับ

อาการปวดสะโพกร้าวลงขา (Sciatica pain) เกิดจากการถูกกดทับที่เส้นประสาท ทำให้รู้สึกปวดจากช่วงเอวหรือสะโพกร้าวลงขาด้านหลัง บางรายอาจร้าวไปถึงน่องและเท้าได้

ปวดข้อเท้าเกิดจากสาเหตุอะไร มีวิธีรักษาอย่างไรไม่ให้เจ็บเรื้อรัง?

ทำความเข้าใจกับอาการปวดข้อเท้าที่ควรรู้ อาการแบบไหนที่ควรเข้าปรึกษาแพทย์? พร้อมเรียนรู้สาเหตุของอาการ วิธีรักษา ตลอดจนการป้องกันไม่ให้เจ็บข้อเท้าเรื้อรัง

อาการปวดเข่าคืออะไร มีวิธีป้องกันข้อเข่ามีอะไรบ้าง?

อาการปวดเข่าเป็นอาการที่เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ข้อเข่าเสื่อม และส่งผลต่อชีวิตประจำวันได้ การรู้ถึงสาเหตุ วิธีป้องกัน และการรักษาอาการปวดเข่าจึงเป็นเรื่องสำคัญ

ภาวะข้อไหล่หลุดคืออะไร รู้สาเหตุ อาการ และวิธีรักษาให้หายดี

ภาวะข้อไหล่หลุดคืออาการที่พบได้บ่อยในคนที่ใช้แรงเยอะ ๆ หรือเคยไหล่หลุดมาก่อน มาดูกันว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้ไหล่หลุดได้บ้าง และจะต้องดูแลรักษาตัวอย่างไ

กระดูกคอเสื่อมอันตรายไหม? รู้จักอาการ สาเหตุ และการป้องกัน

โรคกระดูกคอเสื่อมอันตรายไหม? ชวนคุณมาทำความรู้จักกับอาการ สาเหตุ และการรักษา เพื่อป้องกันสุขภาพตัวเองไม่ให้กระดูกคอได้รับบาดเจ็บ

Copyright © 2024 All Rights Reserved | Praram 9 Hospital