บทความสุขภาพ

Knowledge

สาเหตุอาการปวดหัวเรื้อรังคืออะไร แก้ไขและรักษาได้อย่างไรบ้าง

พญ. สลิษา ประดิษฐบาทุกา

สุขภาพเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามโดยเฉพาะเมื่อปัญหาสุขภาพนั้นสามารถส่งผลต่อชีวิตประจำวันได้อย่างอาการปวดหัวเรื้อรัง ซึ่งเป็นอาการที่พบได้บ่อยและนิยมรักษากันเองไม่ค่อยไปพบแพทย์เท่าไหร่ แต่หากอาการปวดหัวนี้มีสาเหตุจากโรคที่รุนแรง และไม่ได้รับการดูแลที่ถูกต้อง ก็อาจทำให้ปัญหานี้ลุกลามใหญ่โตขึ้นได้ สาเหตุของอาการปวดหัวไม่หาย เกิดจากอะไร ป้องกันและรักษาได้อย่างไร? ติดตามได้ในบทความนี้


Key Takeaways


  • สาเหตุที่ทำให้ปวดหัวเรื้อรังอาจเกิดจากหลายปัจจัย เช่น ความเครียด การนอนพักไม่เพียงพอ หรือปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบประสาทและฮอร์โมน
  • วิธีป้องกันเบื้องต้นควรเริ่มจากการหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น เช่น ความเครียด การปรับพฤติกรรมการทำงานให้เหมาะสม และการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
  • อาการปวดหัวเรื้อรังสามารถรักษาหรือบรรเทาได้ด้วยการบริหารจัดการความเครียด นวดแผนไทย หรือการใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์
  • หากอาการปวดหัวหลายวันไม่หายสักทีแม้จะเริ่มกินยารักษาด้วยตนเองแล้ว หรือมีอาการที่เป็นอันตรายร่วมด้วย ก็ควรพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสม

ปวดหัวเรื้อรังคืออะไร บ่งบอกถึงอะไรได้บ้าง?


อาการปวดหัวเรื้อรังคืออาการปวดศีรษะที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน ซึ่งอาจเกิดจากหลายสาเหตุ และบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพที่อยู่เบื้องหลังได้ โดยทั่วไปจะสามารถแบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก ดังนี้


  • ปวดหัวเรื้อรังที่มีสาเหตุจากโรคร้ายแรง : เช่น โรคหลอดเลือดสมอง โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง มะเร็งสมอง หรือเนื้องอกในสมอง ซึ่งอาการปวดหัวในกรณีนี้อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคที่มีความรุนแรงและต้องได้รับการตรวจหาสาเหตุที่ชัดเจนจากแพทย์โดยเร็ว
  • ปวดหัวเรื้อรังที่ไม่เป็นอันตรายแต่รบกวนการใช้ชีวิต : เช่น ปวดหัวจากความเครียด การทำงานหนัก หรือกล้ามเนื้อตึงเครียด ซึ่งอาจไม่ได้ส่งผลต่อชีวิตอย่างรุนแรง แต่สามารถทำให้คุณภาพชีวิตลดลงและทำให้การดำเนินชีวิตประจำวันลำบากขึ้น

สาเหตุที่ทำให้มีอาการปวดหัวเรื้อรัง


ปวดหัวหนักมาก

อาการปวดหัวเรื้อรังสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย แม้ว่าหลายกรณีจะไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่ก็อาจส่งผลต่อคุณภาพชีวิตในระยะยาวได้ โดยสาเหตุก็จะมี ดังนี้


  • ความตึงตัวของกล้ามเนื้อ : กล้ามเนื้อบริเวณศีรษะ คอ และไหล่ มักเกิดความเครียดจากการนั่งทำงานนาน ๆ หรือการใช้สายตาอย่างต่อเนื่อง อาการปวดหัวจากความตึงตัวของกล้ามเนื้อมักให้ความรู้สึกปวดหัวหนักมากเหมือนถูกบีบรัด
  • การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน : ระดับฮอร์โมนในร่างกายที่แปรปรวน โดยเฉพาะฮอร์โมนเอสโตรเจน อาจกระตุ้นให้เกิดอาการปวดหัว โดยเฉพาะในผู้ที่เป็นไมเกรน ซึ่งผู้หญิงหลายคนพบว่าอาการปวดหัวมักกำเริบในช่วงก่อนหรือระหว่างมีประจำเดือน และลดลงหลังหมดประจำเดือน
  • พันธุกรรม : หากมีสมาชิกในครอบครัวที่เป็นไมเกรนหรือมีอาการปวดหัวเรื้อรัง ก็อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอาการนี้ในรุ่นถัดไป
  • ความผิดปกติของเส้นประสาทใบหน้า : เส้นประสาทคู่ที่ 5 ของสมอง (Trigeminal Nerve) มีหน้าที่ควบคุมการรับรู้ความรู้สึกบนใบหน้า หากเส้นประสาทนี้ทำงานผิดปกติก็อาจทำให้เกิดอาการปวดบริเวณใบหน้า ฟัน เหงือก หรือกราม และในบางกรณีอาจมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น น้ำตาไหล หรืออาการบวมบริเวณใบหน้า

อาการปวดหัวเรื้อรังมีอะไรบ้าง


อาการปวดหัวเรื้อรังสามารถแสดงออกได้หลายรูปแบบ บางครั้งอาจเป็นสัญญาณของภาวะทางสุขภาพที่รุนแรง หากมีอาการต่อไปนี้ ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยโดยทันที


  • ปวดหัวรุนแรงเฉียบพลัน : เกิดขึ้นแบบฉับพลันและรุนแรงผิดปกติ
  • ปวดหัวร่วมกับไข้และคอแข็ง : อาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อในสมอง เช่น เยื่อหุ้มสมองอักเสบ
  • ปวดหัวพร้อมกับอาการทางระบบประสาท : เช่น แขนขาอ่อนแรง การพูดผิดปกติ หรือสับสน อาจบ่งบอกถึงภาวะสมองผิดปกติ
  • ปวดหัวที่รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ : แม้รับประทานยาแล้วอาการไม่ทุเลา หรือมีแนวโน้มแย่ลง

วิธีรักษาอาการปวดหัวเรื้อรังทำได้อย่างไรบ้าง?


ปวดหัวตลอดเวลา กินยาไม่หาย

อาการปวดหัวเรื้อรังจะมีหลายวิธีในการรักษา ขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการ โดยแนวทางการรักษาโดยเบื้องต้นก็จะมี ดังนี้


1. ปรับพฤติกรรมเพื่อลดความเสี่ยง


  • จัดการความเครียด : โดยใช้วิธีผ่อนคลาย เช่น ฝึกสมาธิ โยคะ หรือทำกิจกรรมที่ช่วยให้รู้สึกสงบ
  • พักผ่อนให้เพียงพอ : นอนหลับให้สนิทอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อคืน
  • ปรับท่าทางในการทำงาน : หลีกเลี่ยงการนั่งท่าเดิมเป็นเวลานานและปรับระดับหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้เหมาะสม
  • ลดการใช้สายตาหนักเกินไป : โดยพักสายตาจากหน้าจอทุก 20 นาที

2. การบำบัดทางกายภาพ


  • การนวดและกายภาพบำบัด : ช่วยลดความตึงของกล้ามเนื้อที่อาจเป็นสาเหตุของอาการปวดหัว
  • ฝังเข็ม : อาจช่วยบรรเทาอาการปวดหัวบางประเภท เช่น ไมเกรนหรือปวดหัวจากความเครียด
  • การออกกำลังกายเป็นประจำ : เช่น วิ่ง ว่ายน้ำ หรือโยคะ เพื่อช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและลดความเครียด

3. การใช้ยา


  • ยาแก้ปวดทั่วไป : เช่น พาราเซตามอล สามารถใช้บรรเทาอาการได้ในกรณีที่ไม่รุนแรง
  • ยาที่แพทย์สั่ง : เช่น ยาแก้ไมเกรน หรือยาคลายกล้ามเนื้อ ควรใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์
  • หลีกเลี่ยงการใช้ยาแก้ปวดเกินขนาด : เพราะอาจทำให้เกิดภาวะปวดหัวจากการใช้ปริมาณยาเยอะเกินไปต่อครั้งที่ใช้ (Medication Overuse Headache) โดยทั่วไปควรใช้ยาในปริมาณที่แนะนำบนฉลากขวดหรือซองยาเท่านั้น

วิธีป้องกันอาการปวดหัวเรื้อรังทำได้อย่างไรบ้าง?


การป้องกันอาการปวดหัวเรื้อรังสามารถทำได้โดยการดูแลสุขภาพและปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน เพื่อลดความเสี่ยงจากปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดอาการปวดหัว วิธีที่ช่วยป้องกันอาการปวดหัวเรื้อรัง ได้แก่


1. หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นอาการปวดหัว


  • สังเกตสิ่งกระตุ้นเร้า : อาหาร ความเครียด การนอนหลับไม่เพียงพอ ความดันโลหิตสูง หรือการใช้สายตานาน ๆ สามารถเป็นปัจจัยกระตุ้นได้หมด จึงควรสังเกตว่าปัจจัยไหนที่มักจะทำให้เรามีอาการปวดหัวขึ้นมา แล้วจึงหลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้อาการแย่ลง
  • งดสารที่อาจมีส่วนกระตุ้น : เช่น คาเฟอีน แอลกอฮอล์ และบุหรี่ ซึ่งมักทำให้เกิดอาการปวดหัวบ่อยขึ้นในหลาย ๆ คน
  • ลดความเครียด : ด้วยวิธีผ่อนคลาย เช่น ฟังเพลง ทำสมาธิ หรือออกกำลังกาย

2. ปรับพฤติกรรมให้เหมาะสม


  • นอนหลับให้เพียงพอ : อย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อคืน เข้านอนให้เป็นเวลา ทำให้ห้องมืด ไม่มีเสียงรบกวน
  • ตรวจสายตาเป็นประจำ : หากมีปัญหาสายตาควรใส่แว่นที่เหมาะสม เพื่อลดอาการปวดหัวจากการเพ่งสายตา
  • จัดสภาพแวดล้อมการทำงานให้เหมาะสม : เช่น ปรับระดับโต๊ะและเก้าอี้ให้พอดีกับสรีระ และใช้แสงสว่างที่เหมาะสม เพื่อป้องกันความตึงเครียดของตาและกล้ามเนื้อคอ
  • เปลี่ยนอิริยาบถบ่อยๆ : เมื่อนั่งทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์หรือนั่งดูโทรศัพท์นานๆ อาจทำให้กล้ามเนื้อตึงโดยไม่รู้ตัว การเปลี่ยนอิริยาบถจะทำให้ร่างกายเปลี่ยนการใช้มัดกล้ามเนื้อและช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่ตึงเป็นระยะเวลานานๆ

3. การดูแลร่างกาย


  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ : เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำที่อาจทำให้เกิดอาการปวดหัว
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ : หลีกเลี่ยงอาหารที่มีสารกระตุ้นไมเกรน เช่น อาหารแปรรูป หรืออาหารที่มีสารปรุงแต่งสูง
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ : เช่น การเดินเร็ว ว่ายน้ำ หรือโยคะ เพื่อช่วยลดความเครียดและเพิ่มการไหลเวียนของเลือด

ปวดหัวเรื้อรัง เป็นตลอดเวลากินยาไม่หาย ต้องรีบพบแพทย์!


อาการปวดหัวเรื้อรังเป็นอาการที่แตกต่างจากการปวดหัวเพราะป่วยทั่ว ๆ ไป โดยอาจจะไม่มีไข้ ปวดหัวตลอดเวลา กินยาแล้วก็ไม่หาย ซึ่งอาการแบบนี้ก็สามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ความเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอ การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน และอาจเกิดจากโรคร้ายแรงอื่น ๆ เช่น เนื้องอกหรือมะเร็งในสมองด้วย โดยการรักษาเบื้องต้นก็สามารถทำได้ด้วยการจัดการความเครียด การพักผ่อนที่เพียงพอ หรือการบำบัดทางกายภาพ


แต่หากอาการรุนแรงขึ้นแม้จะพยายามรักษาเองแล้วก็อาจจะเป็นสัญญาณว่าอาการปวดหัวเรื้อรังนี้อาจเกิดจากโรคที่ร้ายแรงและอาจต้องใช้การรักษาที่เฉพาะทางมากขึ้น จึงควรเข้ารับการตรวจที่ศูนย์สมองและระบบประสาท ในโรงพยาบาลพระราม 9 ที่มีความพร้อมในการวินิจฉัยและสามารถให้บริการรักษาที่เหมาะสมต่อความต้องการของผู้ป่วยทุกคนได้


สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่



คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับปวดหัวเรื้อรัง


1. ปวดหัวเรื้อรังแบบไหนควรพบแพทย์?


หากปวดหัวรุนแรงขึ้นกะทันหัน ปวดต่อเนื่องแม้กินยา หรือมีอาการร่วม เช่น แขนขาอ่อนแรง พูดไม่ชัด เวียนศีรษะมาก เห็นภาพซ้อน หรือมีไข้สูง ควรรีบพบแพทย์ทันที


2. ปวดหัวเรื้อรังแบบไหนต้องตรวจ MRI สมอง?


หากปวดหัวรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ตอบสนองต่อการรักษา หรือมีอาการทางระบบประสาท เช่น ชา อ่อนแรง เกิดความสับสน ก็ควรตรวจ MRI สมองเพื่อตรวจหาความผิดปกติเพิ่มเติมที่อาจมีร่วมด้วย


References


Murphy, C., & Hameed, S. (2023, July 31). Chronic headaches. National Center for Biotechnology Information. https://www.ncbi.nlm.nih.gov/books/NBK559083/


New daily persistent headache (NDPH). (2022, August 31). Cleveland Clinic. https://my.clevelandclinic.org/health/diseases/24098-new-daily-persistent-headache-ndph


Seladi-Schulman, J. (2024, January 24). Having constant headaches? What you need to know. Healthline. https://www.healthline.com/health/constant-headache

เกี่ยวกับผู้เขียนบทความ

พญ. สลิษา ประดิษฐบาทุกา

พญ. สลิษา ประดิษฐบาทุกา

ศูนย์สมองและระบบประสาท

บทความที่เกี่ยวข้อง (10)

ดูทั้งหมด

อัมพาต คืออะไร? อาการเป็นแบบไหน? รวมข้อมูลที่ควรรู้

อัมพาต คือโรคที่สูญเสียการเคลื่อนไหวของร่างกายบางส่วน ซึ่งจริง ๆ แล้วมีลักษณะอาการแบบไหน สามารถรักษาได้ไหม หรือมีข้อมูลที่ควรรู้อะไรบ้าง ติดตามได้ในบทความนี้!

โรคช็อกโกแลตซีสต์ อันตรายไหม? รู้จักสาเหตุ อาการ และการรักษา

ช็อกโกแลตซีสต์ (Chocolate Cyst) มีสาเหตุมาจากเยื่อบุโพรงมดลูกอยู่ผิดที่ มักทำให้มีอาการปวดท้องน้อยเรื้อรัง หากไม่รับการรักษาอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้

หมอนรองกระดูกเสื่อม ต้นเหตุอาการปวดหลังเรื้อรังที่อายุน้อยก็พบได้

หมอนรองกระดูกเสื่อมคือภาวะที่เกิดจากการเสื่อมของหมอนรองกระดูกจนไม่สามารถทำหน้าที่ลดแรงกระแทกได้ ทำให้กระดูกรอบ ๆ สึกและอักเสบขึ้นจนเกิดอาการปวดเรื้อรัง

อาการปวดสะโพกร้าวลงขา อีกหนึ่งสัญญาณเส้นประสาทถูกกดทับ

อาการปวดสะโพกร้าวลงขา (Sciatica pain) เกิดจากการถูกกดทับที่เส้นประสาท ทำให้รู้สึกปวดจากช่วงเอวหรือสะโพกร้าวลงขาด้านหลัง บางรายอาจร้าวไปถึงน่องและเท้าได้

ปวดข้อเท้าเกิดจากสาเหตุอะไร มีวิธีรักษาอย่างไรไม่ให้เจ็บเรื้อรัง?

ทำความเข้าใจกับอาการปวดข้อเท้าที่ควรรู้ อาการแบบไหนที่ควรเข้าปรึกษาแพทย์? พร้อมเรียนรู้สาเหตุของอาการ วิธีรักษา ตลอดจนการป้องกันไม่ให้เจ็บข้อเท้าเรื้อรัง

คำแนะนำการป้องกันมาลาเรียสำหรับนักเดินทาง

โรคมาลาเรียเป็นโรคที่เกิดจากโปรโตซัว Plasmodium นำโดยยุงก้นปล่อง มีทั้งหมด 5 สายพันธุ์ สายพันธ์ุที่รุนแรงคือ Plasmodium falciparum ซึ่งเป็นสายพันธุ์หลักในทวีปแอฟริกา ทำให้เกิดการติดเชื้อรุนแรง อวัยวะต่างๆล้มเหลว ติดเชื้อขึ้นสมอง โคม่า ชัก และเสียชีวิตได้ หากได้รับการรักษาที่ล่าช้า

ไส้เลื่อน ใครก็เป็นได้ อันตรายที่ต้องรักษาก่อนเกิดภาวะแทรกซ้อน

ไส้เลื่อน คือภาวะที่ลำไส้เลื่อนหรือดันออกมาจากช่องท้อง สามารถสังเกตเห็นก้อนนูนออกมาตามขาหนีบ หน้าท้อง สะดือ หากไม่รักษาอาจเกิดอันตรายจากอาการแทรกซ้อนได้

รู้ทันต้อหิน โรคร้ายทำลายการมองเห็น รีบรักษาก่อนสายเกินแก้

ต้อหิน (Glaucoma) คือโรคตาที่มีสาเหตุจากขั้วประสาทตาเสื่อม ผู้ป่วยจะมีอาการปวดหัวปวดตา กระจกตาขุ่น การมองเห็นแย่ลง และค่อย ๆ สูญเสียการมองเห็นไปในที่สุด

Hypothyroidism คืออะไร? รู้ทันสาเหตุ อาการ และวิธีรักษา

Hypothyroidism คือ ภาวะพร่องฮอร์โมนไทรอยด์ หรือฮอร์โมนไทรอยด์ทำงานต่ำ ทำให้ระดับการเผาผลาญพลังงานลดลง และนำมาสู่การทำงานของระบบต่าง ๆ ผิดปกติ

รู้ทันอาการน้ำในหูไม่เท่ากัน ใครเวียนหัว บ้านหมุนบ่อยต้องระวัง

โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน เป็นความผิดปกติของระบบน้ำในหูชั้นใน ซึ่งสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ ทำให้ผู้ป่วยมีอาการ เวียนหัว บ้านหมุน ทรงตัวไม่อยู่ และการได้ยินผิดปกติ

Copyright © 2024 All Rights Reserved | Praram 9 Hospital