บทความสุขภาพ

Knowledge

เลนส์ตาเทียม มีกี่ชนิด การผ่าตัดใส่เลนส์ตาเทียมมีข้อดีอย่างไร

พญ. ชญาตา เหลี่ยมศิริเจริญ

เลนส์ตาเทียม นวัตกรรมสำคัญทางการแพทย์ที่เปลี่ยนชีวิตผู้มีปัญหาสายตา โดยเฉพาะผู้ที่ต้องผ่าตัดต้อกระจก เลนส์สังเคราะห์ขนาดเล็กนี้จะเข้าไปทำหน้าที่แทนเลนส์ธรรมชาติที่เสื่อมสภาพไป ทำให้การมองเห็นกลับมาคมชัดอีกครั้ง ไม่ว่าจะต้องการโฟกัสในระยะเดียว หรือต้องการอิสระจากการพึ่งพาแว่นตา การทำความเข้าใจชนิดของเลนส์ และการดูแลตัวเองจึงสำคัญอย่างยิ่งต่อความสำเร็จในผลลัพธ์ของการรักษา


Key Takeaways


  • เลนส์ตาเทียม (IOL) คือเลนส์สังเคราะห์ที่ใส่แทนเลนส์ธรรมชาติที่ถูกนำออกไป เพื่อฟื้นฟูการมองเห็น นิยมใช้ในการผ่าตัดต้อกระจก
  • ประโยชน์หลักเลนส์ตาเทียม คือการทดแทนเลนส์ที่ขุ่นมัว ลดการพึ่งพาแว่นตา และแก้ไขค่าสายตา ทั้งสายตาสั้น เอียง และยาวตามวัยได้พร้อมกัน
  • การดูแลตัวเองหลังผ่าตัดใส่เลนส์ตาเทียม เช่น ห้ามขยี้ตา, ระวังน้ำเข้าตา, และสวมที่ครอบตา เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน

ทำความรู้จัก เลนส์ตาเทียม คืออะไร


เลนส์ตาเทียม หรือ Intraocular Lens คือเลนส์ที่ผลิตขึ้นจากวัสดุสังเคราะห์ มีขนาดเล็กมาก และจะถูกฝังเข้าไปในดวงตาเพื่อทำหน้าที่แทนที่เลนส์ธรรมชาติที่ถูกนำออกไป ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการรักษาเพื่อแก้ไขปัญหาทางสายตา เช่น ภาวะต้อกระจก และสามารถแก้ไขสายตาที่ผิดปกติ (สั้น ยาว หรือเอียง) หรือภาวะสายตายาวตามวัย


เลนส์ตาเทียม มีประโยชน์อย่างไร


เลนส์ตาเทียมถือเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญทางการแพทย์ด้านจักษุวิทยา ที่เข้ามาช่วยฟื้นฟูและแก้ไขปัญหาสายตาให้กับผู้คนจำนวนมาก ประโยชน์หลักของการใส่เลนส์ตาเทียม มีดังนี้


  • ทดแทนเลนส์ธรรมชาติในการผ่าตัดต้อกระจก : เลนส์ตาเทียมเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งในการผ่าตัดต้อกระจก เนื่องจากต้องนำเลนส์ตาเดิมที่เป็นฝ้าขุ่นออกไปทั้งหมด การใส่เลนส์ตาเทียมเข้าไปแทนที่ จึงช่วยในการหักเหแสงที่สูญเสียไป ทำให้ภาพที่มองเห็นกลับมาคมชัด การผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์ตาเทียมนี้จะช่วยแก้ไขปัญหาในผู้ป่วยที่เป็นต้อกระจก
  • แก้ไขปัญหาค่าสายตาอื่น ๆ : นอกจากบทบาทหลักในการรักษาต้อกระจกแล้ว เลนส์ตาเทียมยังใช้ในการผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์เพื่อแก้ไขภาวะสายตาสั้น สายตาเอียง และสายตายาวตามวัยแต่กำเนิด ให้กลับมาอยู่ในระดับที่สามารถมองเห็นได้ดีขึ้นอย่างถาวร

เลนส์ตาเทียม มีกี่ชนิด


เลนส์ตาเทียม ชนิด

ปกติแล้ว เลนส์ตาธรรมชาติของเรามีความยืดหยุ่น และปรับกำลังขยายให้เหมาะกับการมองเห็นวัตถุในทุกระยะได้ แต่เมื่อผ่าตัดใส่เลนส์ตาเทียมแทนที่เลนส์เดิมที่ขุ่นมัวไปแล้ว เลนส์ตาเทียมจะไม่สามารถยืดหยุ่นและปรับโฟกัสได้เหมือนเลนส์ตาจริง ผู้เข้ารับการรักษาจึงต้องเลือกระยะโฟกัสที่เหมาะสมกับการใช้งานของตัวเอง


ด้วยข้อจำกัดนี้ เลนส์แก้วตาเทียมจึงถูกออกแบบมาให้มีคุณสมบัติในการโฟกัสที่แตกต่างกัน โดยแบ่งออกเป็น 3 ชนิด ตามระยะโฟกัสและการแก้ไขค่าสายตา ดังนี้


1. เลนส์ตาเทียมแบบโฟกัสระยะเดียว (Monofocal IOLs)


เลนส์ตาเทียมแบบโฟกัสระยะเดียว คือเลนส์ที่สามารถโฟกัสแสงจากระยะใดระยะหนึ่งได้เพียงระยะเดียวเท่านั้น ส่วนใหญ่มักเลือกให้โฟกัสที่ระยะไกล เพื่อการมองเห็นในชีวิตประจำวัน เช่น ขับรถ ชมวิว โดยผู้ที่เลือกใช้เลนส์ชนิดนี้จะมองเห็นในระยะที่เลือกได้คมชัด แต่จะต้องสวมแว่นสายตาเพื่อช่วยปรับโฟกัสสำหรับการมองในระยะใกล้


สำหรับผู้เข้ารับบริการที่กำลังพิจารณาว่าจะเลือกเลนส์ตาเทียมแบบไหนดี เลนส์ตาเทียมแบบโฟกัสระยะเดียวเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ตอบโจทย์ เพราะราคาถูกกว่าชนิดอื่น ให้ภาพคมชัดในระยะที่เลือก ไม่ทำให้เกิดปัญหาแสงฟุ้ง (Halo) หรือแสงสะท้อนในที่มืด


2. เลนส์ตาเทียมแบบโฟกัสหลายระยะ (Multifocal IOLs)


เลนส์ตาเทียมแบบโฟกัสหลายระยะ เป็นเลนส์ที่ออกแบบมาเพื่อลดการพึ่งพาแว่นตา โดยแบ่งแสงออกเพื่อใช้โฟกัสวัตถุในหลายระยะพร้อมกัน ทำให้สามารถมองเห็นได้ชัดในหลายช่วงระยะ


  • เลนส์ตาเทียมแบบโฟกัสสองระยะ (Bifocal IOL) : แบ่งแสงเพื่อให้มองเห็นได้จาก 2 ระยะ คือ ระยะใกล้และระยะไกล
  • เลนส์ตาเทียมแบบโฟกัสสามระยะ (Trifocal IOL) : แบ่งแสงเพื่อให้มองเห็นได้จาก 3 ระยะ คือ ระยะใกล้ ระยะกลาง และระยะไกล เหมาะสำหรับผู้ที่มีการใช้สายตาในทุกระยะ
  • เลนส์ตาเทียมแบบโฟกัสยืดยาว (Extended Depth of Focus) : เป็นเลนส์ที่ยืดช่วงระยะโฟกัสออกไปให้กว้างขึ้นกว่าเลนส์ระยะเดียว ทำให้โฟกัสได้กว้าง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความคมชัดเป็นหลัก ทั้งในระยะไกลและกลาง โดยมีความชัดที่ใกล้เคียงกับเลนส์ระยะเดียว แต่ได้ช่วงมองเห็นที่กว้างกว่า

ข้อดีของเลนส์ตาเทียมแบบโฟกัสหลายระยะ คือผู้เข้ารับการรักษาไม่จำเป็นต้องใส่แว่นหลังผ่าตัด สามารถมองเห็นวัตถุจากหลายระยะได้ในระดับที่พอใช้ได้ แต่มีราคาสูงกว่า มีโอกาสเห็นแสงเป็นวงรอบดวงไฟ (Halo) หรือมองไม่ชัดในที่มืด และภาพอาจไม่คมชัดเท่าเลนส์ระยะเดียว


3. เลนส์ตาเทียมเพื่อแก้ไขปัญหาสายตาเอียง (Toric IOLs)


เลนส์ตาเทียมเพื่อแก้ไขปัญหาสายตาเอียง เป็นเลนส์ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อแก้ไขภาวะสายตาเอียงโดยเฉพาะ โดยจะรวมแสงที่หักเหจากกระจกตาที่ผิดปกติให้กลับมารวมกันเป็นจุดโฟกัสเดียวที่จอประสาทตา เพื่อกำจัดปัญหาภาพมัว หรือภาพซ้อนจากสายตาเอียง ในปัจจุบันเลนส์แก้ไขสายตาเอียงสามารถรวมคุณสมบัติเข้ากับเลนส์ชนิดอื่นได้ด้วย เช่น


  • Monofocal Toric IOL : แก้ไขสายตาเอียงพร้อมกับโฟกัสที่ระยะเดียว
  • Multifocal Toric IOL : แก้ไขสายตาเอียงพร้อมกับโฟกัสได้หลายระยะ

การเลือกชนิดของเลนส์ตาเทียมที่เหมาะสมที่สุดจะขึ้นอยู่กับการประเมินโดยแพทย์ ซึ่งจะพิจารณาจากค่าสายตา ความโค้งกระจกตา ความยาวลูกตา และพฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้เข้ารับการรักษาเป็นหลัก


การผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์แก้วตาเทียม ควรดูแลตัวเองอย่างไร


การผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์ตาเทียมเป็นการรักษาที่ปลอดภัย แต่การดูแลตัวเองอย่างถูกต้องทั้งก่อนและหลังการผ่าตัดถือเป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยให้การรักษามีประสิทธิภาพสูงสุดและป้องกันภาวะแทรกซ้อน


การเตรียมตัวก่อนผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์แก้วตาเทียม


การเตรียมความพร้อมก่อนการผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์ตาเทียม เป็นขั้นตอนสำคัญเพื่อให้แพทย์สามารถวางแผนการรักษาและเลือกชนิดเลนส์ที่เหมาะสมที่สุด


  • ตรวจประเมินและวัดค่าสายตาอย่างละเอียด : แพทย์จะตรวจประเมินโรคตาอื่น ๆ และวัดค่าความโค้งกระจกตา รวมถึงความยาวลูกตา เพื่อคำนวณกำลังขยายและความโค้งของเลนส์ตาเทียม (IOL) ที่จะใช้ในการผ่าตัด
  • ปรึกษาและวางแผนร่วมกับแพทย์ : เพื่อพูดคุยเรื่องความคาดหวังในการมองเห็น และเลือกชนิดของเลนส์ตาเทียมที่ต้องการ
  • เตรียมตัวทางกายภาพ : หากใส่คอนแท็กต์เลนส์ ควรหยุดใส่ประมาณ 3-7 วันก่อนผ่าตัด เพื่อให้ค่าสายตาคงที่ สวมเสื้อคอกว้างหรือเสื้อผ่าหน้าในวันผ่าตัด และควรงดแต่งหน้า ทาครีม และเครื่องประดับทุกชนิด
  • ฝึกความพร้อมด้านจิตใจ : แพทย์อาจให้ฝึกนอนหงายนิ่ง ๆ ประมาณ 30 นาที เนื่องจากระหว่างผ่าตัดจะใช้ยาชาเฉพาะที่ ทำให้ผู้เข้ารับการรักษามีสติอยู่ตลอด และต้องนอนนิ่ง ๆ 15-30 นาที หากผู้ป่วยไม่สามารถทำได้ แพทย์อาจพิจารณาใช้ยาสลบร่วมด้วย
  • เตรียมผู้ดูแล : ควรมีผู้ดูแลมาส่งและรับกลับบ้าน เนื่องจากหลังผ่าตัดไม่ควรขับรถ และเตรียมแว่นกันแดดสำหรับใส่หลังการผ่าตัด

ขั้นตอนการเปลี่ยนเลนส์แก้วตาเทียม


  1. ให้ยาชาเฉพาะที่ : แพทย์จะให้ยาชาแบบหยอดหรือแบบฉีดบริเวณดวงตา เพื่อให้ผู้ป่วยไม่รู้สึกเจ็บปวดระหว่างผ่าตัด อาจใช้ยาสลบร่วมด้วยหากประเมินแล้วว่าจำเป็น
  2. เปิดแผลขนาดเล็ก : แพทย์จะผ่าเปิดแผลขนาดเล็กมาก ประมาณ 3 มิลลิเมตร บริเวณรอยต่อระหว่างกระจกตาดำและตาขาว
  3. สลายและดูดเลนส์เดิมออก : แพทย์จะสอดเครื่องมือขนาดเล็กเข้าไปในแผล เพื่อปล่อยคลื่นอัลตราซาวนด์สลายเลนส์ตาเดิมที่เป็นต้อกระจกให้แตกตัว จากนั้นจึงดูดชิ้นส่วนของเลนส์ที่สลายแล้วออกจากถุงหุ้มเลนส์ตา โดยยังคงเหลือถุงหุ้มเลนส์ไว้
  4. ใส่เลนส์ตาเทียม : แพทย์จะพับเลนส์ตาเทียมใส่เข้าไปในเครื่องมือขนาดเล็ก แล้วสอดผ่านแผลเข้าไปในถุงหุ้มเลนส์ จากนั้นเลนส์จะกางออก และจัดให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม
  5. รอให้แผลสมาน : เนื่องจากแผลมีขนาดเล็กมาก จึงมักไม่จำเป็นต้องเย็บปิดแผล แผลจะสามารถสมานได้เอง

การดูแลตัวเองหลังผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์แก้วตาเทียม


หลังการผ่าตัดใส่เลนส์ตาเทียม ผู้ป่วยจะต้องพักฟื้นประมาณ 20-30 นาที และสามารถกลับไปพักต่อที่บ้านได้เลย โดยการดูแลตัวเองอย่างเคร่งครัดที่บ้านเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการรักษา ควรปฏิบัติตามข้อแนะนำดังต่อไปนี้


  • ใช้ยาหยอดตา และยารับประทานตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการติดเชื้อและลดการอักเสบ
  • ห้ามขยี้ตา หรือสัมผัสดวงตาโดยไม่จำเป็นโดยเด็ดขาด
  • ควรสวมแว่นกันแดดในเวลากลางวัน และสวมที่ครอบตาในเวลากลางคืนต่อเนื่องเป็นเวลา 1 เดือน เพื่อป้องกันอันตรายต่อดวงตา
  • ทำความสะอาดรอบดวงตาด้วยน้ำเกลือ และสำลีปลอดเชื้อตามคำแนะนำของแพทย์
  • ห้ามให้น้ำหรือฝุ่นละอองเข้าตา
  • ในช่วง 1 เดือนแรก ควรใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดหน้าแทนการล้างหน้า และสระผมโดยให้ผู้ดูแลสระให้แบบเอนศีรษะไปด้านหลัง เพื่อป้องกันน้ำเข้าตา
  • ในช่วง 1 เดือนแรก ห้ามออกกำลังกาย หรือออกแรงมาก ๆ ห้ามก้มศีรษะต่ำกว่าเอว
  • หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่อาจทำให้ไอ จาม หรือต้องเบ่งอย่างรุนแรง
  • พักผ่อนให้เพียงพอ นอนหมอนสูง และห้ามนอนตะแคงทับตาข้างที่ผ่าตัด
  • สามารถใช้สายตาได้ตามปกติ เพื่อให้ดวงตาค่อย ๆ ชินกับเลนส์ใหม่
  • หากมีอาการผิดปกติ เช่น ตาบวม แดง มีขี้ตามาก ปวดตา หรือการมองเห็นแย่ลง ควรรีบแจ้งให้แพทย์ทราบทันทีตามนัดหมาย

ข้อดี-ข้อจำกัด ของการผ่าตัดใส่เลนส์ตาเทียม มีอะไรบ้าง


เลนส์ตาเทียม ข้อดี

การผ่าตัดใส่เลนส์ตาเทียม หรือ Intraocular Lens คือวิธีการรักษาที่ให้ผลลัพธ์ในการฟื้นฟูการมองเห็นได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ก็มีข้อจำกัดบางประการที่ผู้เข้ารับการรักษาควรทราบ เพื่อให้สามารถตัดสินใจเลือกชนิดของเลนส์ได้อย่างเหมาะสมกับความคาดหวังและไลฟ์สไตล์


ข้อดีของการผ่าตัดใส่เลนส์ตาเทียม ได้แก่


  • ผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดต้อกระจกสามารถมีดวงตาที่ทำงานได้ใกล้เคียงปกติ โดยไม่ต้องใส่แว่นตาที่มีความหนามาก ในกรณีใช้เลนส์ชนิดหลายระยะ ก็อาจไม่จำเป็นต้องใช้แว่นเลยหลังการผ่าตัด
  • แก้ไขปัญหาสายตาที่มีอยู่เดิม เช่น สายตาสั้น และสายตาเอียง ได้ในการผ่าตัดครั้งเดียว ทำให้การมองเห็นดีขึ้น
  • เลนส์ตาเทียมผลิตจากวัสดุคุณภาพทางการแพทย์ที่ไม่เสื่อมสภาพ หรือขุ่นมัวลงตลอดชีวิต
  • เนื้อเยื่อดวงตาไม่ต่อต้านอวัยวะเทียม ทำให้ไม่พบอาการแพ้เลนส์ตาเทียม
  • แผลผ่าตัดมีขนาดเล็กมาก ทำให้เนื้อเยื่อกระจกตาเสียหายเพียงเล็กน้อย และมีผลข้างเคียงจากการรักษาน้อย

ข้อจำกัดของการผ่าตัดใส่เลนส์ตาเทียม ได้แก่


  • เลนส์ตาเทียมไม่สามารถยืดหยุ่นเพื่อปรับกำลังขยายได้เหมือนเลนส์ตาธรรมชาติ ทำให้หลังการรักษาอาจมีการมองเห็นบางระยะที่ไม่คมชัด
  • ผู้ที่เลือกใช้เลนส์ชนิดโฟกัสระยะเดียว (Monofocal IOL) ยังคงต้องใส่แว่นสายตา เพื่อช่วยในการมองเห็นระยะอื่น ๆ
  • ค่าใช้จ่ายในการรักษาสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเลนส์ตาเทียมชนิดพิเศษ เช่น เลนส์โฟกัสหลายระยะ
  • ใช้เวลาปรับตัวนาน หากผ่าตัดใส่เลนส์ตาเทียมเพียงข้างเดียว หรือใช้เลนส์ต่างชนิดกันในตาทั้งสองข้าง อาจทำให้สมองและดวงตาใช้เวลาในการปรับตัวนานกว่าปกติ
  • เลนส์ตาเทียมบางชนิดต้องมีการสั่งผลิตเฉพาะบุคคล เพื่อให้ค่าความโค้งและกำลังขยายเหมาะสมกับดวงตาผู้ป่วย ทำให้ต้องรอเลนส์ประมาณ 1-2 เดือนก่อนเข้ารับการผ่าตัด

เลนส์ตาเทียม ทางเลือกในการรักษาและแก้ค่าสายตาที่คุ้มค่า


การผ่าตัดใส่เลนส์ตาเทียม เป็นการลงทุนด้านสุขภาพสายตาที่คุ้มค่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการรักษาต้อกระจกและการแก้ไขค่าสายตา เลนส์ตาเทียมแต่ละชนิดมีข้อดีและข้อจำกัดแตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความคมชัดในแต่ละระยะ การลดการพึ่งพาแว่นตา และราคา ผู้เข้ารับการรักษาจึงควรปรึกษาจักษุแพทย์อย่างละเอียด เพื่อประเมินค่าสายตา ไลฟ์สไตล์ และความคาดหวังในการมองเห็น


ที่ศูนย์จักษุ โรงพยาบาลพระรามเก้า เราให้บริการครบวงจรเกี่ยวกับการผ่าตัดและดูแลเลนส์ตาเทียม โดยเฉพาะการผ่าตัดสลายต้อกระจกและใส่เลนส์เทียม (Cataract Surgery) รวมถึงใช้ เครื่องวัดเลนส์ตาเทียมรุ่น IOL Master700 เพื่อความแม่นยำในการวัดค่าเลนส์ เพื่อให้ผู้เข้ารับบริการมองเห็นได้อย่างมีประสิทธิภาพหลังการรักษา


สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม



คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเลนส์ตาเทียม


ผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์แก้วตาเทียมมีอาการข้างเคียงไหม?


การผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์ตาเทียมมีความปลอดภัยสูง แต่มีโอกาสเกิดอาการข้างเคียงได้ เช่น อาการตาแดง ระคายเคืองตา หรือ ตาบวมในช่วงแรก ส่วนอาการข้างเคียงที่สำคัญและพบน้อยคือการติดเชื้อ ภาวะจอประสาทตาบวม หรือภาวะถุงหุ้มเลนส์เทียมขุ่น ซึ่งสามารถรักษาได้ด้วยเลเซอร์


ผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์แก้วตาเทียมที่ไหนดี?


ควรเลือกสถานพยาบาลที่มีจักษุแพทย์เฉพาะทาง มีประสบการณ์ด้านการผ่าตัดต้อกระจกและการฝังเลนส์ตาเทียม มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยในการตรวจวัดและผ่าตัด เช่น เครื่องวัดเลนส์ตาเทียมที่มีความแม่นยำสูง (IOL Master) และควรพิจารณาจากชนิดของเลนส์ที่โรงพยาบาลมีให้เลือก


เลนส์ตาเทียมเคลื่อน อาการเป็นอย่างไร?


อาการเลนส์ตาเทียมเคลื่อน คือการมองเห็นแย่ลงอย่างฉับพลัน มีอาการภาพมัว ภาพซ้อน หรือเห็นภาพเป็นขอบ (Edges of the IOL) นอกจากนี้อาจมีอาการปวดตา หรือระคายเคืองตาร่วมด้วย ซึ่งความรุนแรงของอาการจะขึ้นอยู่กับระดับการเคลื่อนที่ของเลนส์


เลนส์ตาเคลื่อน วิธีรักษาอย่างไร


การรักษาเลนส์ตาเทียมเคลื่อนคือ การผ่าตัดแก้ไข โดยจักษุแพทย์จะจัดตำแหน่งเลนส์ใหม่ ให้กลับเข้าที่เดิม หรืออาจพิจารณาเปลี่ยนเลนส์ตาเทียมใหม่ หากเลนส์เดิมเสียหายหรือไม่สามารถจัดเข้าที่ได้ การรักษาจะขึ้นอยู่กับสาเหตุ และระดับความรุนแรงของการเคลื่อนของเลนส์ตา


References


Alejandra G de Alba-Campomanes, MD, MPH. (2024, October 30). IOL Implants: Lens Replacement After Cataracts. American Academy of Ophthalmology. https://www.aao.org/eye-health/diseases/cataracts-iol-implants


Whitney Seltman, OD. (2024, December 30). What Is an Intraocular Lens Implant?. WebMD. https://www.webmd.com/eye-health/cataracts/intraocular-lens-implant


IOLs (Intraocular Lenses). (2023, June 18). Cleveland Clinic. https://my.clevelandclinic.org/health/articles/25099-iols-intraocular-lenses


บทความที่เกี่ยวข้อง (10)

ดูทั้งหมด

Copyright © 2024 All Rights Reserved | Praram 9 Hospital