บทความสุขภาพ

Knowledge

กระเพาะปัสสาวะอักเสบ โรคใกล้ตัวชาวออฟฟิศที่ไม่ควรมองข้าม!

พญ. ชโลธร แต้ศิลปสาธิต

นั่งทำงานนาน ดื่มน้ำน้อย หรือกลั้นปัสสาวะเป็นประจำ อาจทำให้หลายคนต้องเผชิญกับโรคใกล้ตัวอย่าง “กระเพาะปัสสาวะอักเสบ” โดยไม่รู้ตัว ซึ่งอาการเริ่มต้นอาจดูเหมือนเรื่องเล็กน้อย เช่น ปัสสาวะบ่อย หรือรู้สึกปัสสาวะแล้วแสบ แต่ถ้าหากปล่อยไว้นาน ก็อาจส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพและภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้ในอนาคต


ในบทความนี้ จะพาทุกคนไปทำความรู้จักหน้าที่ของกระเพาะปัสสาวะ รวมถึงสาเหตุและอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ไปจนถึงวิธีการรักษาและการป้องกันเพื่อให้คุณห่างไกลจากโรคนี้ได้ โดยเฉพาะชาวออฟฟิศที่ต้องเผชิญความเสี่ยงมากกว่าที่คิด!


Key Takeaways


  • กระเพาะปัสสาวะอักเสบ เป็นโรคติดเชื้อทางเดินปัสสาวะที่พบบ่อย โดยเฉพาะในผู้หญิงและกลุ่มคนทำงานออฟฟิศที่ดื่มน้ำน้อยหรือกลั้นปัสสาวะเป็นประจำ
  • อาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบที่พบบ่อย ได้แก่ ปวดแสบเวลาปัสสาวะ, ปัสสาวะบ่อย, ปัสสาวะขุ่นหรือมีเลือดปน และบางรายอาจรู้สึกปวดท้องน้อยร่วมด้วย
  • การป้องกันทำได้ด้วยการดื่มน้ำให้เพียงพอ ไม่กลั้นปัสสาวะ รักษาความสะอาด และหมั่นสังเกตอาการผิดปกติเพื่อเข้ารับการรักษาได้ทันเวลา

กระเพาะปัสสาวะมีหน้าที่อะไร?


กระเพาะปัสสาวะ (Urinary Bladder) เป็นหนึ่งในอวัยวะสำคัญของระบบทางเดินปัสสาวะ โดยทำหน้าที่หลักในการเก็บสะสมของเสียในรูปแบบของปัสสาวะ ซึ่งไตจะเป็นผู้กรองของเสียเหล่านี้ออกจากเลือด ก่อนจะส่งต่อผ่านท่อไตลงมากักเก็บไว้ในกระเพาะปัสสาวะ


โดยกระเพาะปัสสาวะจะมีลักษณะเป็นถุงกลวงที่สามารถขยายตัวได้ ตั้งอยู่บริเวณอุ้งเชิงกราน เมื่อปริมาณปัสสาวะในกระเพาะเพิ่มมากขึ้น ผนังกล้ามเนื้อของกระเพาะปัสสาวะจะเริ่มส่งสัญญาณไปยังสมอง ทำให้เกิดความรู้สึกปวดปัสสาวะขึ้นมา และเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ร่างกายจะควบคุมการคลายตัวของหูรูดและการบีบตัวของกระเพาะปัสสาวะเพื่อขับปัสสาวะออกจากร่างกาย


นอกจากนี้ กระเพาะปัสสาวะยังทำงานสัมพันธ์กับไต ซึ่งมีหน้าที่ในการควบคุมสมดุลของน้ำในร่างกายร่วมกับการทำงานของไต โดยจะช่วยรักษาระดับของเหลว ความดันโลหิต และสมดุลของแร่ธาตุให้อยู่ในภาวะปกติ หากกระเพาะปัสสาวะเกิดการติดเชื้อหรือกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ก็อาจส่งผลให้เกิดอาการผิดปกติต่าง ๆ และนำไปสู่ปัญหาสุขภาพที่รุนแรง เช่น ปัสสาวะเป็นเลือด หรือเสี่ยงภาวะแทรกซ้อนอย่างนิ่วในไตได้ในระยะยาว


กระเพาะปัสสาวะอักเสบเกิดจากสาเหตุอะไร?


กระเพาะปัสสาวะอักเสบ (Cystitis) เป็นภาวะที่เกิดจากการอักเสบของผนังกระเพาะปัสสาวะ โดยโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบสาเหตุส่วนใหญ่มักเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียในระบบทางเดินปัสสาวะ ซึ่งเป็นกลุ่มอาการที่พบได้บ่อยในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย เนื่องจากโครงสร้างของผู้หญิงมีท่อปัสสาวะที่สั้นและอยู่ใกล้กับทวารหนัก ทำให้เชื้อโรคสามารถเข้าสู่กระเพาะปัสสาวะได้ง่ายกว่า


โดยสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ คือ การติดเชื้อแบคทีเรียชนิด Escherichia coli (E. coli) ซึ่งปกติจะอาศัยอยู่ในลำไส้ใหญ่ แต่สามารถปนเปื้อนไปยังทางเดินปัสสาวะได้ง่ายในบางพฤติกรรม เช่น การเช็ดทำความสะอาดจากด้านหลังมาด้านหน้า หรือการกลั้นปัสสาวะเป็นเวลานาน ซึ่งพฤติกรรมหลังนี้พบได้บ่อยในกลุ่มคนทำงานออฟฟิศที่ติดประชุม หรือนั่งทำงานต่อเนื่องจนละเลยการเข้าห้องน้ำ


นอกจากนี้ ยังมีสาเหตุอื่น ๆ ที่สามารถกระตุ้นให้เกิดอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบได้ เช่น การมีเพศสัมพันธ์ที่รุนแรงหรือบ่อยครั้ง, การใช้สบู่หรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดบริเวณจุดซ่อนเร้นที่มีฤทธิ์ระคายเคือง, การใส่สายสวนปัสสาวะ, การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในช่วงวัยทอง และโรคเรื้อรังบางชนิด เช่น เบาหวาน ที่อาจทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันต่ำ


บางกรณีอาจมีภาวะร่วมอย่างท่อปัสสาวะอักเสบ ซึ่งจะยิ่งเพิ่มความรุนแรงของอาการ เช่น ปัสสาวะแสบขัด, ปวดท้องน้อย หรือปัสสาวะมีเลือดปน การทำความเข้าใจถึงสาเหตุของกระเพาะปัสสาวะอักเสบ จะช่วยให้สามารถหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงและลดโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้ในอนาคต


อาการของกระเพาะปัสสาวะอักเสบเป็นอย่างไร?


อาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบ

เมื่อกระเพาะปัสสาวะอักเสบ อาจทำให้เกิดอาการผิดปกติในระบบทางเดินปัสสาวะที่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะกลุ่มคนทำงานที่อาจละเลยอาการเริ่มต้น เช่น ปัสสาวะบ่อยหรือปวดขัด เพราะคิดว่าเป็นเพียงความเครียดหรือน้ำดื่มน้อย แต่ถ้าหากปล่อยไว้โดยไม่รักษา อาการเหล่านี้อาจลุกลามจนรุนแรงขึ้นได้


สำหรับอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบที่พบบ่อย มีดังนี้


  • ปวดแสบหรือปวดขัดขณะปัสสาวะ
  • ปัสสาวะบ่อย แต่ครั้งละน้อย ๆ
  • รู้สึกปวดหน่วงบริเวณท้องน้อยหรืออุ้งเชิงกราน
  • ปัสสาวะมีกลิ่นผิดปกติ หรือมีสีขุ่น
  • ปัสสาวะเป็นเลือดในบางราย
  • รู้สึกปวดหลังหรือมีไข้ร่วมด้วย (ในกรณีที่การติดเชื้อลุกลามถึงไต)
  • มีอาการเหนื่อยล้า หรือรู้สึกไม่สบายตัว

หากมีอาการเหล่านี้เกิดขึ้นบ่อยหรือมีอาการหลายข้อร่วมกัน ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยที่ถูกต้องทันที เพราะอาการของกระเพาะปัสสาวะอักเสบอาจคล้ายกับอาการท่อปัสสาวะอักเสบหรือโรคอื่น ๆ ในระบบทางเดินปัสสาวะ ซึ่งการตรวจให้แน่ชัดจะช่วยให้รักษาได้อย่างตรงจุด


การตรวจวินิจฉัยกระเพาะปัสสาวะอักเสบทำอย่างไรได้บ้าง?


เมื่อมีอาการที่เข้าข่ายว่าอาจเกิดจากกระเพาะปัสสาวะอักเสบ เช่น ปวดแสบขณะปัสสาวะ, ปัสสาวะบ่อย หรือปวดท้องน้อย การวินิจฉัยอย่างถูกต้องโดยแพทย์เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อแยกแยะออกจากโรคอื่น ๆ ในระบบทางเดินปัสสาวะ เช่น ท่อปัสสาวะอักเสบ หรือการติดเชื้อที่ไต ซึ่งมีอาการคล้ายคลึงกันในช่วงเริ่มต้น โดยวิธีการตรวจวินิจฉัยกระเพาะปัสสาวะอักเสบ มีดังนี้


  • ซักประวัติและตรวจร่างกาย : แพทย์จะสอบถามถึงอาการที่เกิดขึ้น ความถี่ในการปัสสาวะ ลักษณะของปัสสาวะ และอาการร่วมอื่น ๆ เพื่อประเมินเบื้องต้น
  • ตรวจปัสสาวะ (Urinalysis) : เป็นการตรวจพื้นฐานที่ใช้ดูความผิดปกติ เช่น มีเม็ดเลือดขาว, เม็ดเลือดแดง หรือแบคทีเรียในปัสสาวะหรือไม่
  • เพาะเชื้อจากปัสสาวะ (Urine Culture) : หากสงสัยว่ามีการติดเชื้อแบคทีเรีย การเพาะเชื้อจะช่วยระบุชนิดของเชื้อและเลือกยาปฏิชีวนะที่เหมาะสมในการรักษาได้แม่นยำขึ้น
  • ตรวจอัลตราซาวนด์ช่องท้องส่วนล่าง : ใช้ในกรณีที่มีการติดเชื้อซ้ำบ่อย รวมถึงแพทย์สงสัยว่ามีความผิดปกติของกระเพาะปัสสาวะหรือระบบทางเดินปัสสาวะอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น นิ่ว หรือเนื้องอก
  • การส่องกล้องตรวจภายในกระเพาะปัสสาวะ (Cystoscopy) : มักใช้ในกรณีที่อาการไม่ดีขึ้นหลังการรักษาหรือผู้ป่วยมีปัสสาวะเป็นเลือด โดยแพทย์จะใช้กล้องขนาดเล็กสอดผ่านท่อปัสสาวะเพื่อตรวจดูภายในกระเพาะปัสสาวะโดยตรง

วิธีรักษากระเพาะปัสสาวะอักเสบ


วิธีรักษากระเพาะปัสสาวะอักเสบ

หากได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบ การรักษาอย่างทันท่วงทีถือเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะช่วยลดอาการของโรคและป้องกันการลุกลามของเชื้อโรคไปยังไตหรืออวัยวะอื่น ๆ ในระบบทางเดินปัสสาวะได้ โดยแนวทางการรักษาจะแตกต่างกันไปตามสาเหตุและความรุนแรงของอาการ ดังนี้


  • การใช้ยาปฏิชีวนะ : หากกระเพาะปัสสาวะอักเสบเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย แพทย์จะสั่งยา•ปฏิชีวนะที่เหมาะสม โดยอาจให้รับประทานต่อเนื่อง 3-7 วัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิดของเชื้อและผลการเพาะเชื้อปัสสาวะ
  • การใช้ยาบรรเทาอาการ : บางกรณีแพทย์อาจให้ยาแก้ปวดหรือยาลดการบีบตัวของกระเพาะปัสสาวะ เพื่อช่วยลดอาการปวดแสบปวดร้อนหรือเวลาปัสสาวะแสบ
  • กรณีติดเชื้อซ้ำบ่อยครั้ง : หากผู้ป่วยมีการติดเชื้อซ้ำหลายครั้ง แพทย์อาจพิจารณาตรวจเพิ่มเติม เช่น อัลตราซาวนด์ หรือส่องกล้องกระเพาะปัสสาวะ เพื่อหาสาเหตุซ่อนเร้นและอาจพิจารณาให้ยาปฏิชีวนะขนาดต่ำเป็นระยะเวลานานในบางราย

ทั้งนี้ การปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด รวมถึงการดูแลสุขอนามัยและพฤติกรรมการปัสสาวะที่เหมาะสม ก็ช่วยให้โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบหายเร็วขึ้นและลดโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้เช่นกัน


วิธีป้องกันกระเพาะปัสสาวะอักเสบทำอย่างไรได้บ้าง?


การป้องกันกระเพาะปัสสาวะอักเสบเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาทางเดินปัสสาวะให้แข็งแรง โดยเฉพาะกลุ่มคนทำงานออฟฟิศที่มักจะประสบปัญหาการกลั้นปัสสาวะนาน ๆ หรือดื่มน้ำน้อย เนื่องจากภาระงานและสภาพแวดล้อมในที่ทำงานที่อาจไม่เอื้อต่อการดูแลตัวเอง


การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและการรักษาสุขอนามัยที่ดีจะเป็นสิ่งที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดปัสสาวะอักเสบได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยวิธีป้องกันกระเพาะปัสสาวะอักเสบที่ควรปฏิบัติ มีดังนี้


  • ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว เพื่อช่วยขับเชื้อโรคออกจากระบบทางเดินปัสสาวะ
  • ไม่กลั้นปัสสาวะนานเกินไป ควรเข้าห้องน้ำเมื่อรู้สึกปวดปัสสาวะทันที
  • รักษาความสะอาดบริเวณจุดซ่อนเร้น โดยใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนและเหมาะสม
  • หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่กระตุ้นกระเพาะปัสสาวะ เช่น กาแฟ, แอลกอฮอล์ หรือเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง
  • หลังมีเพศสัมพันธ์ ควรปัสสาวะทันทีและล้างทำความสะอาดเพื่อป้องกันเชื้อแบคทีเรียที่อาจเข้าสู่ท่อปัสสาวะ
  • หากมีอาการผิดปกติ เช่น ปัสสาวะบ่อยหรือแสบ ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับคำแนะนำและรักษาอย่างเหมาะสม

กระเพาะปัสสาวะอักเสบ รู้ทัน ป้องกันได้!


กระเพาะปัสสาวะอักเสบเป็นโรคที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน โดยเฉพาะกลุ่มคนทำงานออฟฟิศที่มีพฤติกรรมกลั้นปัสสาวะหรือดื่มน้ำน้อย หากไม่ดูแลรักษาอย่างเหมาะสม อาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบอาจลุกลามจนส่งผลกระทบต่อสุขภาพโดยรวมและเกิดภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ที่รุนแรงได้ หากสงสัยว่ามีอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ควรรีบเข้ารับการตรวจวินิจฉัยจากแพทย์ทันที เพื่อรับการรักษาที่ถูกต้องและทันเวลา


ที่สถาบันโรคไต โรงพยาบาลพระราม 9 มีทีมแพทย์ผู้ชำนาญการในด้านระบบทางเดินปัสสาวะ พร้อมเทคโนโลยีและเครื่องมือที่ทันสมัยที่จะช่วยวินิจฉัยและดูแลรักษาโรคได้อย่างตรงจุด หากมีภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวข้องกับโรคไตหรือมีความเสี่ยงในกลุ่มผู้ป่วยโรคไต สามารถเข้ารับคำปรึกษาและรักษาได้ทันที เราพร้อมให้บริการดูแลสุขภาพไตและระบบทางเดินปัสสาวะ เพื่อให้คุณมีสุขภาพที่ดีขึ้นในระยะยาว


สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม



คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับกระเพาะปัสสาวะอักเสบ


1. ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้กระเพาะปัสสาวะอักเสบมีอะไรบ้าง?


ปัจจัยเสี่ยงหลักที่ทำให้กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ได้แก่ การกลั้นปัสสาวะนาน ดื่มน้ำน้อย การติดเชื้อแบคทีเรียในทางเดินปัสสาวะ รวมถึงผู้หญิงที่มีโครงสร้างทางเดินปัสสาวะสั้นกว่าผู้ชาย และกลุ่มคนทำงานออฟฟิศที่มีพฤติกรรมไม่ค่อยได้ลุกไปเข้าห้องน้ำบ่อย ๆ


2. กระเพาะปัสสาวะอักเสบ หายเองได้ไหม?


ในบางกรณีที่อาการไม่รุนแรง กระเพาะปัสสาวะอักเสบอาจดีขึ้นเองได้โดยไม่ต้องใช้ยา แต่อย่างไรก็ตาม หากมีอาการปัสสาวะบ่อยหรือแสบ หรือปัสสาวะเป็นเลือด ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาที่เหมาะสม เพราะหากปล่อยทิ้งไว้นาน อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนและอาการลุกลามได้


References


Esra S. Shermadou; Sajedur Rahman; Stephen W. Leslie. (2023, July 24). Anatomy, Abdomen and Pelvis: Bladder. National Library of Medicine. https://www.ncbi.nlm.nih.gov/books/NBK531465/


NHS Team. (2022, February 11). Cystitis. NHS. https://www.nhs.uk/conditions/cystitis/


Mayo Clinic Staff. (2025, April 29). Cystitis. Mayo Clinic. https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/cystitis/symptoms-causes/syc-20371306


Brubaker L, M.D. (2025, June 8). Bladder Infection (Urinary Tract Infection—UTI) in Adults. National Institute of Diabetes and Digestive and Kidney Diseases. https://www.niddk.nih.gov/health-information/urologic-diseases/bladder-infection-uti-in-adults




เกี่ยวกับผู้เขียนบทความ

พญ. ชโลธร แต้ศิลปสาธิต

พญ. ชโลธร แต้ศิลปสาธิต

สถาบันโรคไตและเปลี่ยนไต โรงพยาบาลพระรามเก้า

บทความที่เกี่ยวข้อง (10)

ดูทั้งหมด

Nephrotic Syndrome คือโรคอะไร เด็กเป็นไหม ทำไมถึงบวม?

Nephrotic Syndrome คือ กลุ่มอาการที่เกิดจากไตรั่วโปรตีนออกทางปัสสาวะมักพบในผู้ใหญ่ ทำให้ร่างกายบวมและโปรตีนในเลือดต่ำ ซึ่งหากปล่อยไว้อาจทำให้ไตเสื่อมได้

รู้ทันอาการ 'เท้าบวม' บ่งบอกปัญหาสุขภาพอะไรได้บ้าง?

อาการเท้าบวมเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น ยืนหรือนั่งนาน โรคหัวใจ โรคไต หลอดเลือดดำอุดตันที่ขา การติดเชื้อ ฯลฯ พบได้ทุกวัย แต่ในผู้สูงอายุจะพบได้บ่อยจากของเหลวคั่ง

ค่าไต Creatinine คืออะไร ต่างกับค่า BUN, eGFR อย่างไร

Creatinine คือของเสียที่เกิดจากกล้ามเนื้อ และถูกขับออกจากร่างกายโดยไต การวัดค่า Creatinine เป็นหนึ่งในวิธีตรวจการทำงานของไตว่ายังทำงานได้ดีเป็นปกติหรือไม่

ตรวจพบกรดยูริกสูง เสี่ยงเกาต์เสี่ยงไต แก้ไขอย่างไรดี?

กรดยูริกสูงเกิดจากไตไม่สามารถขับกรดยูริกออกมาตามปกติ หรือร่างกายผลิตกรดยูริกมากเกินไป ส่งผลให้เกิดผลึกเกลือยูเรตสะสมตามเนื้อเยื่อต่าง ๆ ในร่างกาย

ถุงน้ำในไต อันตรายเงียบ ที่กว่าจะรู้ตัวก็อาจไตวายไปเสียแล้ว

ถุงน้ำในไตเป็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นภายในเนื้อไต โดยถุงน้ำจะไปรบกวนการทำงานของไต ผู้ป่วยมักจะไม่แสดงอาการ จนเนื้อไตเสียหายและเกิดไตวายในที่สุด

การปลูกถ่ายไต ทางเลือกการรักษาของผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง

การปลูกถ่ายไตเป็นวิธีการรักษาภาวะไตวายเรื้อรังที่ให้ผลการรักษาที่ดีที่สุดในปัจจุบัน เนื่องจากอัตราความสำเร็จของการผ่าตัดสูง และผู้ป่วยหลังการผ่าตัดมีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าเมื่อเทียบกับการรักษาด้วยการฟอกไตหรือการล้างไตผ่านทางหน้าท้อง

ปัสสาวะเป็นเลือด สัญญาณเตือนอันตรายร้ายแรงที่ไม่ควรละเลย

ปัสสาวะเป็นเลือด คือภาวะที่มีเม็ดเลือดแดงปะปนมากับปัสสาวะ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณโรคร้ายแรงที่ต้องรีบสาเหตุ และรับการรักษาอย่างตรงจุดก่อนสายเกินแก้

ไตวายเรื้อรัง รีบรักษาตั้งแต่วันนี้ ก่อนเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต

ทำความรู้จัก ‘ไตวายเรื้อรัง’ ภาวะที่ไตไม่สามารถขับของเสียออกจากร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายทำงานผิดปกติ และเป็นอันตรายถึงชีวิต

ปัสสาวะบ่อย ไม่ใช่เรื่องเล็ก เสี่ยงโรคอันตรายบั่นทอนคุณภาพชีวิต

ปัสสาวะบ่อยเกิดได้จากหลายปัจจัย ตั้งแต่การดื่มน้ำหรือของเหลวในปริมาณมาก ได้รับคาเฟอีนมาก การใช้ยา ไปจนถึงโรคที่เกี่ยวข้องกับทางเดินปัสสาวะ เรียนรู้ในบทความนี้!

วิธีรักษาโรคไตเบื้องต้น เพื่อฟื้นฟูสุขภาพ ชะลอความเสื่อมไต

วิธีรักษาโรคไตเบื้องต้น ผู้ป่วยควรดูแลตนเองด้วยการทานอาหารที่ดี ดื่มน้ำให้เพียงพอ ออกกำลังกาย และควบคุมอาการโรคร่วมให้เป็นปกติ พร้อมอ่านเพิ่มเติมในบทความนี้!

Copyright © 2024 All Rights Reserved | Praram 9 Hospital