บทความสุขภาพ

Knowledge

ค่าไต Creatinine คืออะไร ต่างกับค่า BUN, eGFR อย่างไร

พญ. ชโลธร แต้ศิลปสาธิต

ในยุคที่ผู้คนหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น หลายคนจึงให้ความสำคัญกับการตรวจสุขภาพประจำปี และบ่อยครั้งที่เราอาจพบคำว่า "Creatinine" ปรากฏอยู่ในรายงานผลการตรวจเลือด ซึ่งอาจทำให้เกิดข้อสงสัยว่าค่า Creatinine คืออะไร และมีความสำคัญอย่างไรต่อสุขภาพ หากผลตรวจออกมาผิดปกติจะต้องทำอย่างไร


ในบทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจเกี่ยวกับค่า Creatinine หนึ่งในตัวชี้วัดสำคัญของการทำงานของไต รวมไปถึงค่าอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างค่า BUN และ eGFR เพื่อให้คุณสามารถอ่านผลตรวจเองได้ในเบื้องต้น พร้อมวางแผนรับมือและดูแลสุขภาพได้อย่างเหมาะสม


Key Takeaways


  • Creatinine คือ สารของเสียที่ได้จากการสลาย Creatine ในกล้ามเนื้อ เป็นหนึ่งในค่าชี้วัดการทำงานของไตว่ามีประสิทธิภาพอยู่หรือไม่เช่นเดียวกับค่า BUN และ eGFR
  • ค่า Creatinine ที่สูงกว่าปกติอาจแสดงถึงการทำงานของไตที่ลดลง หรือค่า Creatinine ที่ต่ำกว่าปกติอาจหมายถึง ปัญหาทางสุขภาพอื่น ๆ เช่น มวลกล้ามเนื้อน้อย ภาวะทุพโภชนาการ เป็นต้น
  • ค่า Creatinine ที่ผิดปกติอาจไม่ได้หมายถึงการเป็นโรคไต เช่นเดียวกันกับค่า Creatinine ปกติ แต่แท้จริงแล้วไตอาจทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ จึงจำเป็นต้องพิจารณาจากค่าอื่น ๆ อย่างค่า BUN และ eGFR ร่วมด้วย

ทำความเข้าใจการทำงานของไต และหน้าที่สำคัญต่อระบบร่างกาย


ไต เป็นอวัยวะภายในที่สำคัญต่อร่างกายมนุษย์ มีส่วนสำคัญต่อการขับถ่ายและการควบคุมสมดุลน้ำในร่างกาย นอกเหนือจากนี้ไตยังเกี่ยวข้องกับระบบอื่น ๆ เช่น ระบบไหลเวียนโลหิต การรักษาสมดุลแร่ธาตุและความเป็นกรดด่าง ไปจนถึงการสร้างฮอร์โมนหลายชนิด


การทำงานของไตจะเริ่มต้นจากระบบไหลเวียนโลหิตส่งเลือดเสียมายังไต จากนั้นไตจะมีหน้าที่ในการกรองของเสียและสารพิษต่าง ๆ ออกจากเลือด และขับออกมาในรูปแบบปัสสาวะ ซึ่งนอกจากของเสียเหล่านี้แล้ว ไตยังมีการขับน้ำและเกลือแร่ส่วนเกิน พร้อมกับปรับสมดุลกรดด่าง เพื่อให้ร่างกายคงสภาพแวดล้อมภายในที่เหมาะสมสำหรับการทำงานของเซลล์ต่าง ๆ อีกทั้งไตยังมีบทบาทอื่น ๆ อย่างการผลิตฮอร์โมนบางชนิดเพื่อกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดง และควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ


ด้วยเหตุนี้ ไตจึงเป็นอวัยวะที่มีบทบาทต่อสุขภาพโดยรวม หากไตเกิดความผิดปกติ ไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาจส่งผลกระทบต่อร่างกายได้อย่างรุนแรง ตั้งแต่ ความดันโลหิตสูง โลหิตจาง ภาวะบวมน้ำ ไปจนถึงไตวาย และเสียชีวิตได้ในที่สุดเมื่อไตไม่สามารถทำงานได้อีกต่อไป


ไตกำลังมีปัญหาหรือไม่? รู้ได้จากการตรวจการทำงานของไต


การตรวจการทำงานของไต

จะทราบได้อย่างไรว่าไตกำลังมีปัญหาหรือไม่? สามารถดูได้จากผลตรวจการทำงานของไต (Kidney Function Tests) ซึ่งเป็นวิธีการประเมินสุขภาพไตและคัดกรองโรคไต โดยการตรวจวัดค่าต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของไต ได้แก่


  • Creatinine, BUN หรือ eGFR ที่สามารถตรวจพบได้จากเลือด
  • Albumin, Urinalysis ที่สามารถตรวจพบได้จากปัสสาวะ

การตรวจคัดกรองโรคไตจะช่วยให้แพทย์สามารถวินิจฉัยได้ว่าไตของคุณยังสามารถทำงานได้ดีอยู่หรือไม่ หากตรวจพบความผิดปกติก็จะสามารถวางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสม ลดโอกาสไตเสียหายได้อย่างมีประสิทธิภาพ


Creatinine คือค่าอะไร?


Creatinine คือ สารของเสียที่ได้จากการสลาย Creatine ในกล้ามเนื้อ ซึ่ง Creatinine จะปะปนอยู่ในกระแสเลือด และไตจะมีหน้าที่ในการกรอง Creatinine ออกจากเลือดแล้วขับออกมากับปัสสาวะ โดยการวัดค่า Creatinine ในเลือดจะช่วยให้ทราบถึงความสามารถในการทำงานของไต หากระดับ Creatinine ในเลือดสูงกว่าปกติ อาจเป็นค่าบ่งชี้ถึงการทำงานของไตที่ลดลง ไม่สามารถกรอง Creatinine ออกจากเลือดได้เต็มที่


ทั้งนี้ค่า Creatinine อาจคลาดเคลื่อนได้จากหลายปัจจัย เช่น เพศ อายุ มวลกล้ามเนื้อสูง รับประทานเนื้อสัตว์มาก รวมถึงการใช้ยาบางชนิด ดังนั้นจึงไม่สามารถใช้ค่า Creatinine เพียงค่าเดียวมาตัดสินการทำงานของไต ควรพิจารณาร่วมกับค่าอื่น ๆ เพื่อวินิจฉัยได้แม่นยำขึ้น


ค่า Creatinine ที่ปกติของแต่ละเพศจะแตกต่างกัน ดังนี้


  • ค่า Creatinine ปกติของเพศหญิง : 0.5-1.0 mg/dL
  • ค่า Creatinine ปกติของเพศชาย : 0.7-1.2 mg/dL

BUN คือค่าอะไร?


Blood Urea Nitrogen หรือ BUN คือไนโตรเจนที่เป็นส่วนประกอบหนึ่งของยูเรีย ซึ่งเป็นของเสียที่เกิดจากการสลายโปรตีนในร่างกาย โดยการวัดค่า BUN ในเลือดจะช่วยให้ทราบถึงความสามารถในการกรองไนโตรเจนยูเรียของไต กรณีที่ตรวจพบค่า BUN ในเลือดสูง อาจเป็นสัญญาณว่าไตไม่สามารถกรองไนโตรเจนยูเรียได้อย่างมีประสิทธิภาพ


ค่า BUN อาจมีความแตกต่างกันขึ้นกับอายุและเพศ


  • ค่า BUN ปกติของเด็ก : 7-20 mg/dL
  • ค่า BUN ปกติของผู้ใหญ่เพศหญิง : 6-21 mg/dL
  • ค่า BUN ปกติของผู้ใหญ่เพศชาย : 8-24 mg/dL

eGFR คือค่าอะไร?


Estimated Glomerular Filtration Rate หรือ eGFR คือ ค่าประเมินอัตราการกรองของเสียของไตต่อ 1 นาที ซึ่งการวัดผลนี้มักจะทำได้โดยการประมาณค่าจากระดับ Creatinine ที่ตรวจพบในเลือด ซึ่งการแสดงผลจะเป็นหน่วยมิลลิลิตรต่อนาทีต่อตารางเมตร (mL/min/1.73 m²) หมายความว่าใน 1 นาที ไตสามารถกรองของเสียออกจากเลือดได้แค่ไหน สำหรับค่า eGFR นั้น ยิ่งแสดงถึงการทำงานที่ดีของไต กลับกัน หากตรวจพบค่า eGFR ต่ำ อาจแสดงถึงไตไม่สามารถกำจัดของเสียได้อย่างมีประสิทธิภาพ


ค่า eGFR จะค่อย ๆ ลดลงเมื่ออายุมากขึ้น แม้ว่าจะไม่ได้เป็นโรคไตก็ตาม ซึ่งค่าดังต่อไปนี้เป็นค่าเฉลี่ยที่ถือว่าอยู่ในระดับปกติ


  • อายุ 20-39 ปี : eGFR ค่าปกติอยู่ที่ประมาณ 107-116
  • อายุ 40-59 ปี : eGFR ค่าปกติอยู่ที่ประมาณ 93-99
  • อายุ 60 ปีขึ้นไป : eGFR ค่าปกติอยู่ที่ประมาณ 75-85

กรณีที่ค่า eGFR ต่ำกว่า 60 อาจแสดงถึงการทำงานของไตลดลง และเริ่มส่งผลกระทบต่อสุขภาพ หากค่า eGFR ต่ำอย่างต่อเนื่องมากกว่า 3 เดือนเป็นต้นไป อาจมีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคไตเรื้อรัง


ค่า Creatinine สูงผิดปกติ เกิดจากสาเหตุใดได้บ้าง?


Creatinine สูง เกิดจาก

หากผลตรวจเลือดพบค่าไต Creatinine สูงกว่าค่าปกติ อาจแสดงถึงปริมาณของเสีย Creatinine คั่งค้างอยู่ในเลือดมาก ซึ่งสาเหตุที่เกิดขึ้นมีดังต่อไปนี้


การทำงานของไตผิดปกติ


การที่มีค่า Creatinine ในเลือดสูงอาจแสดงถึงความสามารถในการกำจัดของเสียออกจากเลือดของไตทำได้น้อยลง ซึ่งอาจเกิดจากภาวะหรือโรคที่เกี่ยวข้องกับไต ได้แก่


  • โรคไตเรื้อรัง : เกิดจากไตเสื่อมสภาพลงอย่างช้า ๆ จนทำให้ประสิทธิภาพการกรองของเสียออกจากเลือดลดลง
  • โรคไตวายเฉียบพลัน : เป็นภาวะที่ไตสูญเสียความสามารถในการทำงานอย่างเฉียบพลัน
  • ไตอักเสบ : เนื้อเยื่อไตอักเสบทำให้ไตบวม และความสามารถในการกรองของเสียลดลง
  • นิ่วในไต : การอุดตันทำให้ไตไม่สามารถขับน้ำปัสสาวะออกมาได้เต็มที่จนไปเพิ่มความดันไต และทำให้ไตเสียหาย
  • ไตเสื่อมสภาพจากภูมิคุ้มกันทำลายไต : เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันไปทำลายเนื้อไต จนทำให้ไตเสียหาย ทำงานได้น้อยลง

การกินยาบางชนิดที่มีผลต่อการขับสาร Creatinine ออกจากร่างกาย


ยาบางชนิดมีผลต่อการทำงานของไต เช่น ยาแก้อักเสบกลุ่ม NSAIDs, ยาปฏิชีวนะบางชนิด หรือยาขับปัสสาวะ เป็นต้น


ภาวะกล้ามเนื้อสลาย (Rhabdomyolysis)


ภาวะกล้ามเนื้อสลาย คือภาวะที่เซลล์กล้ามเนื้อถูกทำลายอย่างรวดเร็วและรุนแรง ส่งผลให้สารต่าง ๆ ภายในกล้ามเนื้อ เช่น Creatine และ Myoglobin ถูกปล่อยเข้าสู่กระแสเลือดในปริมาณมาก ซึ่งรวมถึง Creatinine ที่เป็นผลพลอยได้จากการสลาย Creatine ด้วย การเพิ่มขึ้นของสาร Myoglobin สามารถส่งผลกระทบต่อไตโดยตรง และหากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม อาจนำไปสู่ภาวะไตวายเฉียบพลัน และอาจพัฒนาเป็นไตวายเรื้อรังในระยะยาวได้


ภาวะขาดน้ำ (Dehydration)


การขาดน้ำทำให้เลือดมีความเข้มข้นสูง ทำให้สารต่าง ๆ ที่ละลายในเลือดมีความเข้มข้นสูงตามไปด้วย ในกรณีที่ขาดน้ำรุนแรงอาจทำให้ไตไม่สามารถกรองของเสียออกจากเลือดได้ตามปกติ และเกิดภาวะไตวายได้ในที่สุด


การรับประทานอาหารที่มี Creatine หรือโปรตีนสูง


ระดับ Creatinine สูงในเลือดอาจมาจากการรับประทานอาหารที่มี Creatine สูง เช่น สัตว์เนื้อแดง หรือผลิตภัณฑ์อาหารเสริมโปรตีนสูง ซึ่งการมีปริมาณ Creatine สูงอาจทำให้การสลาย Creatinine มากกว่าปกติ แต่มักจะเป็นภาวะชั่วคราว และไม่ส่งผลกระทบต่อไต


การออกกำลังกายหนัก มีมวลกล้ามเนื้อมาก


ผู้ที่มีมวลกล้ามเนื้อเยอะมักจะมีการสลาย Creatinine มากกว่าปกติ ซึ่งภาวะดังกล่าวมักพบในนักกีฬาเพาะกาย


ผลจากการใช้ยาบางชนิด


ยาบางชนิดที่ไม่ได้มีผลทำให้ทำงานผิดปกติ แต่ไปมีผลรบกวนการขับสาร Creatine ออกทางไต เช่น Trimethoprim, Cimetidine, Ritonavir, Fenofibrate, เป็นต้น


ภาวะแทรกซ้อนจากโรคอื่น ๆ


โรคอันตรายเรื้อรังหลายโรคอาจส่งผลกระทบต่อไต ได้แก่ โรคหัวใจ โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้ไตเสื่อมสภาพได้อย่างรวดเร็ว


ตรวจพบค่า Creatinine สูงต้องทำอย่างไร


ค่า Creatinine สูงอาจเป็นสัญญาณเตือนถึงปัญหาสุขภาพที่ไม่ควรมองข้าม ด้วยเหตุนี้ หากพบค่า Creatinine สูงควรจะต้องปฏิบัติตามข้อแนะนำดังนี้


  • เข้ารับการตรวจการทำงานของไตเพิ่มเติม เช่น การตรวจหาค่า BUN และ eGFR ในเลือด หรือการตรวจ Albumin, Urinalysis ในปัสสาวะ เพื่อประเมินภาพรวมของการทำงานของไตอย่างแม่นยำมากขึ้น
  • ลดการรับประทานอาหารรสจัด โซเดียมสูง ไม่ให้ไตทำงานหนักจากการกรองของเสีย
  • เลี่ยงการใช้ยาหรือสมุนไพรที่อาจมีผลกระทบต่อไต
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ ช่วยลดความเข้มข้นของ Creatinine ในเลือดได้
  • ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม ไม่หักโหมเกินไป เพื่อป้องกันภาวะกล้ามเนื้อสลาย และส่งผลให้ค่า Creatinine สูงขึ้น
  • ควบคุมโรคประจำตัวให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัย เช่น ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดในผู้ป่วยเบาหวาน และควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในเกณฑ์ปกติอย่างสม่ำเสมอ

กรณีที่ค่า Creatinine สูงจนเป็นโรคไตเรื้อรังระยะที่ 5 (ระยะสุดท้าย) อาจต้องเข้ารับการฟอกไตเพื่อช่วยลดระดับของเสียที่คั่งค้างอยู่ในเลือดลงหรืออาจต้องเข้ารับการปลูกถ่ายไต เพื่อให้ร่างกายสามารถขับของเสียและรักษาสมดุลเกลือแร่ได้ดีขึ้นอีกครั้ง


ค่า Creatinine ต่ำผิดปกติ เกิดจากอะไร?


ในกรณีกลับกัน หากตรวจพบค่า Creatinine ต่ำกว่าปกติ แสดงว่าร่างกายอาจสลาย Creatine เป็น Creatinine ได้น้อยลง ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้จากสาเหตุดังต่อไปนี้


มวลกล้ามเนื้อน้อย


ผู้ที่มีมวลกล้ามเนื้อน้อยจะทำให้การสลายเป็น Creatinine น้อยตามไปด้วย พบได้ในผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง กล้ามเนื้อลีบ ผู้ป่วยที่ได้รับการตัดขาหรือแขน (amputation) ฯลฯ


ภาวะทุพโภชนาการ


โดยเฉพาะผู้ที่ขาดโปรตีน ลดน้ำหนักไม่ถูกวิธี หรือมีภาวะเบื่ออาหาร ล้วนทำให้ร่างกายมีมวลกล้ามเนื้อลดลง จึงส่งผลกระทบให้ระดับ Creatinine ในเลือดต่ำลงไปด้วย


โรคตับเรื้อรัง


ผู้ป่วยตับแข็งหรือโรคตับเรื้อรังบางชนิดจะมีการสังเคราะห์ Creatine ลดลง ทำให้ร่างกายผลิต Creatinine น้อยลงตามไปด้วย


การตั้งครรภ์


การตั้งครรภ์ทำให้ปริมาณของของเหลวในร่างกายเพิ่มขึ้น จึงทำให้ความเข้มข้นของ Creatinine ในเลือดลดลง


ความผิดปกติทางพันธุกรรม


ความผิดปกติบางอย่าง เช่น โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงแต่กำเนิด (Congenital Myopathies) ทำให้มีการสร้าง Creatine และ Creatinine น้อยกว่าปกติ


ยาบางชนิดที่อาจมีผลต่อระดับ Creatinine


ยาบางชนิดอาจส่งผลกระทบต่อการวัดค่า Creatinine ที่ต่ำกว่าปกติ เช่น ยาขับปัสสาวะ หรือยากลุ่มสเตียรอยด์ เป็นต้น


ตรวจเช็กค่า Creatinine, BUN และ eGFR เป็นประจำ ติดตามสุขภาพไตอย่างใกล้ชิด


การตรวจเช็กค่า Creatinine คือวิธีหนึ่งที่ช่วยประเมินประสิทธิภาพการทำงานของไต และการตรวจคัดกรองความผิดปกติของไตอย่างง่าย ซึ่งมักจะต้องตรวจระดับ BUN และ eGFR ควบคู่กันไปด้วยเพื่อให้ผลการประเมินมีความแม่นยำยิ่งขึ้น ทั้งนี้ควรเข้ารับการตรวจการทำงานของไต และตรวจสุขภาพประจำปีอยู่เสมอ เพื่อเฝ้าระวัง ป้องกัน รักษาความผิดปกติของไตได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น และช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคไตเรื้อรังในอนาคต


เพราะไต คืออวัยวะสำคัญต่อหลาย ๆ ระบบในร่างกาย การดูแลสุขภาพไตให้ดีอยู่เสมอจึงช่วยให้ไตสามารถทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สถาบันโรคไต โรงพยาบาลพระรามเก้า เราให้ความสำคัญกับสุขภาพไตด้วยบริการตรวจวัดประสิทธิภาพและการทำงานของไต พร้อมกับตรวจร่างกายเพื่อค้นหาโรคที่อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงภาวะไตวาย


สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม



คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Creatinine


1. การเตรียมตัวก่อนตรวจค่าไตต้องทำอย่างไรบ้าง?


โดยทั่วไป การตรวจค่า Creatinine ไม่จำเป็นต้องงดอาหารหรือน้ำ เว้นแต่แพทย์จะสั่งตรวจเลือดเพื่อหาค่าอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ตรวจน้ำตาล หรือตรวจไขมันในเลือด ที่อาจต้องงดอาหารล่วงหน้า


2. ค่า Creatinine สามารถเปลี่ยนแปลงได้ไหม


ค่า Creatinine สามารถเพิ่มหรือลดได้จากหลายปัจจัย เช่น การดื่มน้ำ การออกกำลังกาย หรือการใช้ยา ซึ่งมักจะเป็นภาวะชั่วคราว และไม่ได้หมายความว่าจะเกิดความผิดปกติเสมอไป


References


Lewin R.N., J. (2025, March 27). What are normal levels of creatinine, and how are they tested? MedicalNewsToday. https://www.medicalnewstoday.com/articles/322380


Blood Urea Nitrogen (BUN) Test. (2022, November 11). Cleveland Clinic. https://my.clevelandclinic.org/health/diagnostics/17684-blood-urea-nitrogen-bun-test


Estimated Glomerular Filtration Rate (eGFR). (2025, May 2). Cleveland Clinic. https://my.clevelandclinic.org/health/diagnostics/21593-estimated-glomerular-filtration-rate-egfr


Higuera, V. (2024, August 12). What to Know About Low Creatinine. Healthline. https://www.healthline.com/health/low-creatinine

เกี่ยวกับผู้เขียนบทความ

พญ. ชโลธร แต้ศิลปสาธิต

พญ. ชโลธร แต้ศิลปสาธิต

สถาบันโรคไตและเปลี่ยนไต โรงพยาบาลพระรามเก้า

บทความที่เกี่ยวข้อง (10)

ดูทั้งหมด

Nephrotic Syndrome คือโรคอะไร เด็กเป็นไหม ทำไมถึงบวม?

Nephrotic Syndrome คือ กลุ่มอาการที่เกิดจากไตรั่วโปรตีนออกทางปัสสาวะมักพบในผู้ใหญ่ ทำให้ร่างกายบวมและโปรตีนในเลือดต่ำ ซึ่งหากปล่อยไว้อาจทำให้ไตเสื่อมได้

รู้ทันอาการ 'เท้าบวม' บ่งบอกปัญหาสุขภาพอะไรได้บ้าง?

อาการเท้าบวมเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น ยืนหรือนั่งนาน โรคหัวใจ โรคไต หลอดเลือดดำอุดตันที่ขา การติดเชื้อ ฯลฯ พบได้ทุกวัย แต่ในผู้สูงอายุจะพบได้บ่อยจากของเหลวคั่ง

กระเพาะปัสสาวะอักเสบ โรคใกล้ตัวชาวออฟฟิศที่ไม่ควรมองข้าม!

กระเพาะปัสสาวะอักเสบ คือ โรคติดเชื้อทางเดินปัสสาวะส่วนล่าง มักมีอาการปวดแสบขณะปัสสาวะ ปัสสาวะบ่อย และมักเกิดจากพฤติกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน

ตรวจพบกรดยูริกสูง เสี่ยงเกาต์เสี่ยงไต แก้ไขอย่างไรดี?

กรดยูริกสูงเกิดจากไตไม่สามารถขับกรดยูริกออกมาตามปกติ หรือร่างกายผลิตกรดยูริกมากเกินไป ส่งผลให้เกิดผลึกเกลือยูเรตสะสมตามเนื้อเยื่อต่าง ๆ ในร่างกาย

ถุงน้ำในไต อันตรายเงียบ ที่กว่าจะรู้ตัวก็อาจไตวายไปเสียแล้ว

ถุงน้ำในไตเป็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นภายในเนื้อไต โดยถุงน้ำจะไปรบกวนการทำงานของไต ผู้ป่วยมักจะไม่แสดงอาการ จนเนื้อไตเสียหายและเกิดไตวายในที่สุด

การปลูกถ่ายไต ทางเลือกการรักษาของผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง

การปลูกถ่ายไตเป็นวิธีการรักษาภาวะไตวายเรื้อรังที่ให้ผลการรักษาที่ดีที่สุดในปัจจุบัน เนื่องจากอัตราความสำเร็จของการผ่าตัดสูง และผู้ป่วยหลังการผ่าตัดมีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าเมื่อเทียบกับการรักษาด้วยการฟอกไตหรือการล้างไตผ่านทางหน้าท้อง

ปัสสาวะเป็นเลือด สัญญาณเตือนอันตรายร้ายแรงที่ไม่ควรละเลย

ปัสสาวะเป็นเลือด คือภาวะที่มีเม็ดเลือดแดงปะปนมากับปัสสาวะ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณโรคร้ายแรงที่ต้องรีบสาเหตุ และรับการรักษาอย่างตรงจุดก่อนสายเกินแก้

ไตวายเรื้อรัง รีบรักษาตั้งแต่วันนี้ ก่อนเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต

ทำความรู้จัก ‘ไตวายเรื้อรัง’ ภาวะที่ไตไม่สามารถขับของเสียออกจากร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายทำงานผิดปกติ และเป็นอันตรายถึงชีวิต

ปัสสาวะบ่อย ไม่ใช่เรื่องเล็ก เสี่ยงโรคอันตรายบั่นทอนคุณภาพชีวิต

ปัสสาวะบ่อยเกิดได้จากหลายปัจจัย ตั้งแต่การดื่มน้ำหรือของเหลวในปริมาณมาก ได้รับคาเฟอีนมาก การใช้ยา ไปจนถึงโรคที่เกี่ยวข้องกับทางเดินปัสสาวะ เรียนรู้ในบทความนี้!

วิธีรักษาโรคไตเบื้องต้น เพื่อฟื้นฟูสุขภาพ ชะลอความเสื่อมไต

วิธีรักษาโรคไตเบื้องต้น ผู้ป่วยควรดูแลตนเองด้วยการทานอาหารที่ดี ดื่มน้ำให้เพียงพอ ออกกำลังกาย และควบคุมอาการโรคร่วมให้เป็นปกติ พร้อมอ่านเพิ่มเติมในบทความนี้!

Copyright © 2024 All Rights Reserved | Praram 9 Hospital